วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ทนายยิ่งลักษณ์ แจงยิบคำพิพากษาศาลฎีกายกฟ้อง ปมย้าย “ถวิล” โดยมิชอบ ย้ำไม่ได้เอื้อประโยชน์ “เพรียวพันธ์” นั่ง ผบ.ตร. จ่อรายงานผล ยิ่งลักษณ์ หลังหมายจับเพิกถอนแล้ว

 


ทนายยิ่งลักษณ์ แจงยิบคำพิพากษาศาลฎีกายกฟ้อง ปมย้าย “ถวิล” โดยมิชอบ ย้ำไม่ได้เอื้อประโยชน์ “เพรียวพันธ์” นั่ง ผบ.ตร. จ่อรายงานผล ยิ่งลักษณ์ หลังหมายจับเพิกถอนแล้ว


เมื่อวานนี้ (26 ธันวาคม 2566) ที่ศาลฎีกา นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังศาลฎีกาแผนคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่า ต้องขอขอบคุณศาล และองค์คณะทุกท่านที่มีผลการพิพากษาออกมาว่า “ยกฟ้อง” นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ซึ่งสาระสำคัญคือ การเป็นนายกรัฐมนตรี คือผู้บัญชาสูงสุดของข้าราชการทั้งหมด การโยกย้ายก็เป็นไปตามกฎหมายข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2547 ก็สามารถกระทำได้


ประเด็นที่ 2 การกระทำผิดตามอาญา ต้องอาศัยเจตนาเป็นสำคัญ ตามมาตรา 59 ซึ่งเรื่องนี้ในทางไต่สวนปรากฎว่าไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ที่ท่านมีเจตนาพิเศษที่จะไปกลั่นแกล้งนายถวิล


ประเด็นที่ 3 คำพิพากษาของทั้ง 2 ศาล ศาลปกครองว่าด้วยเรื่องการโอนย้ายโดยมิชอบตามขั้นตอน ส่วนศาลรัฐธรรมนูญเป็นการพ้นการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น ไม่มีเรื่องการกระทำผิดทางอาญา จึงไม่อาจนำคำพิพากษาทั้ง 2 ศาลมาฟังว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำผิดในทางอาญา


ด้าน นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ กล่าวว่า เป็นประเด็นสำคัญในทางกฎหมาย ในการวินิจฉัยของศาลฎีการับฟังการไต่สวนหลักฐานที่ได้จากทาง ป.ป.ช. และพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนว่า กรณีทั้ง 2 ศาล ถือว่าเป็นคนละประเด็นในการที่จะนำมารับฟังให้เป็นที่ยุติว่าการกระทำของจำเลยในคดีนี้ โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าเป็นการกระทำผิดทางอาญาหรือไม่ เพราะศาลจะต้องรับฟังพยานหลักฐานให้แน่ชัดเสียก่อนว่ากระทำความผิด โดยเฉพาะ 3 ประเด็นใหญ่ๆ ที่ได้เรียนไปแล้วว่า การกระทำที่ผิดทางอาญา ทั้ง 2 ศาลยังไม่ได้วินิจฉัย


ทั้งนี้ พยานบุคคล ในส่วนของฝ่ายโจทก์ โดยเฉพาะพยานของ ป.ป.ช. ที่มีการไต่สวน ที่เป็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการประจำ อย่างน้อย 2 ปาก ว่าการกระทำดังกล่าวของการโอนย้ายนายถวิล เป็นการกระทำที่เป็นปกติ แม้จะมีระยะเวลา 4 วัน แต่ก็ไม่ได้มีพิรุธในการจะไปเร่งด่วน หรือรีบเร่งอะไร


ส่วนประเด็นที่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีส่วนในการแทรกแซง สั่งการ ทนายความ นส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่าไม่มีพยานใดยืนยันชัดเจนว่า นส.ยิ่งลักษณ์ ได้ไปแทรกแซง สอดรับกับพยานฝ่ายบุคคลที่นำไปไต่สวนต่อศาล ก็คือ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตรองนายกฯ และน.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้ง 2 ปากก็ยืนยันว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มีการสั่งการ และการดำเนินการโยกย้ายนายถวิล เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนที่จะมีการสมัครใจหรือโอนย้าย พล.ต.อ.วิเชียร 22 วัน ไม่มีความเชื่อมโยงกัน มันห่างกันและมีการสิ้นสุดไปเป็นแต่ละคนไป


การที่หลายคนตั้งข้อกล่าวหาและนำไปสู่การฟ้องคดีนี้คือ ไปเอื้อประโยชน์ให้เครือญาติได้เป็น ผบ.ตร. คือ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ศาลก็ฟังว่าไม่มีหลักฐานใดยืนยันว่ามีการเชื่อมโยงอย่างชัดเจน เนื่องจากการโอน นายถวิล ก็ไม่เกี่ยวข้อง หรือเป็นที่มาของการสมัครของ พล.ต.อ.วิเชียร และก็ไม่เกี่ยวข้องกับการที่ คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ ได้มีมติในที่ประชุมแต่งตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ แต่อย่างใด ทั้งหมดจึงเป็นเรื่องที่ศาลมองว่า ไม่มีการกระทำแล้ว ยังไม่มีเจตนาพิเศษด้วย


เมื่อถามว่า หากทางอัยการจะอุทธรณ์ มีแนวทางยังไง นายนรวิชญ์ กล่าวว่า ดูประเด็นที่เขาจะอุทธรณ์ก่อน แล้วก็จะดำเนินตามขั้นตอน ถ้ามีการอุทธรณ์ ซึ่ง ทนายวิญญัติ เสริมว่า การจะอุทธรณ์ก็ต้องมีมติของศาลว่าจะรับอุทธรณ์หรือไม่ มตินั้นก็คือมติของศาลที่ประชุมใหญ่ ว่ามีสาระสำคัญหรือประเด็นที่จะอุทธรณ์ได้หรือไม่ ถ้าหากศาลไม่รับอุทธรณ์ หรืออุทธรณ์ไม่ได้ คำวินิจฉัยในวันนี้ก็ถือว่าสิ้นสุดแล้ว พิพากษาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีความผิด


นายนรวิชญ์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้คุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาก่อน และหลังจากนี้คงต้องรายงานผลให้ทราบต่อไป ตอนนี้หมายจับเพิกถอนไปแล้ว ในตัวรายงานก็ระบุว่าเพิกถอนไปแล้ว เท่ากับว่าในคดีนี้ไม่มีหมายจับแล้ว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ยิ่งลักษณ์ชินวัตร #ถวิลเปลี่ยนศรี