ทนายยิ่งลักษณ์
แจงยิบคำพิพากษาศาลฎีกายกฟ้อง ปมย้าย “ถวิล” โดยมิชอบ ย้ำไม่ได้เอื้อประโยชน์ “เพรียวพันธ์”
นั่ง ผบ.ตร. จ่อรายงานผล ยิ่งลักษณ์ หลังหมายจับเพิกถอนแล้ว
เมื่อวานนี้
(26 ธันวาคม 2566) ที่ศาลฎีกา นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ นส.ยิ่งลักษณ์
ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์หลังศาลฎีกาแผนคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้อง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี
พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่า ต้องขอขอบคุณศาล
และองค์คณะทุกท่านที่มีผลการพิพากษาออกมาว่า “ยกฟ้อง” นายกฯ ยิ่งลักษณ์
ซึ่งสาระสำคัญคือ การเป็นนายกรัฐมนตรี คือผู้บัญชาสูงสุดของข้าราชการทั้งหมด
การโยกย้ายก็เป็นไปตามกฎหมายข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2547
ก็สามารถกระทำได้
ประเด็นที่
2 การกระทำผิดตามอาญา ต้องอาศัยเจตนาเป็นสำคัญ ตามมาตรา 59 ซึ่งเรื่องนี้ในทางไต่สวนปรากฎว่าไม่มีพยานหลักฐานใดๆ
ที่ท่านมีเจตนาพิเศษที่จะไปกลั่นแกล้งนายถวิล
ประเด็นที่
3 คำพิพากษาของทั้ง 2 ศาล
ศาลปกครองว่าด้วยเรื่องการโอนย้ายโดยมิชอบตามขั้นตอน
ส่วนศาลรัฐธรรมนูญเป็นการพ้นการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น
ไม่มีเรื่องการกระทำผิดทางอาญา จึงไม่อาจนำคำพิพากษาทั้ง 2
ศาลมาฟังว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำผิดในทางอาญา
ด้าน
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ กล่าวว่า เป็นประเด็นสำคัญในทางกฎหมาย
ในการวินิจฉัยของศาลฎีการับฟังการไต่สวนหลักฐานที่ได้จากทาง ป.ป.ช.
และพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนว่า กรณีทั้ง 2 ศาล
ถือว่าเป็นคนละประเด็นในการที่จะนำมารับฟังให้เป็นที่ยุติว่าการกระทำของจำเลยในคดีนี้
โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าเป็นการกระทำผิดทางอาญาหรือไม่
เพราะศาลจะต้องรับฟังพยานหลักฐานให้แน่ชัดเสียก่อนว่ากระทำความผิด โดยเฉพาะ 3 ประเด็นใหญ่ๆ ที่ได้เรียนไปแล้วว่า การกระทำที่ผิดทางอาญา ทั้ง 2 ศาลยังไม่ได้วินิจฉัย
ทั้งนี้
พยานบุคคล ในส่วนของฝ่ายโจทก์ โดยเฉพาะพยานของ ป.ป.ช. ที่มีการไต่สวน
ที่เป็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการประจำ อย่างน้อย 2 ปาก
ว่าการกระทำดังกล่าวของการโอนย้ายนายถวิล เป็นการกระทำที่เป็นปกติ แม้จะมีระยะเวลา
4 วัน แต่ก็ไม่ได้มีพิรุธในการจะไปเร่งด่วน หรือรีบเร่งอะไร
ส่วนประเด็นที่ว่า
น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีส่วนในการแทรกแซง สั่งการ ทนายความ นส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่าไม่มีพยานใดยืนยันชัดเจนว่า
นส.ยิ่งลักษณ์ ได้ไปแทรกแซง สอดรับกับพยานฝ่ายบุคคลที่นำไปไต่สวนต่อศาล ก็คือ
พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตรองนายกฯ และน.ส.กฤษณา สีหลักษณ์
อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้ง 2
ปากก็ยืนยันว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มีการสั่งการ และการดำเนินการโยกย้ายนายถวิล
เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนที่จะมีการสมัครใจหรือโอนย้าย พล.ต.อ.วิเชียร 22 วัน ไม่มีความเชื่อมโยงกัน มันห่างกันและมีการสิ้นสุดไปเป็นแต่ละคนไป
การที่หลายคนตั้งข้อกล่าวหาและนำไปสู่การฟ้องคดีนี้คือ
ไปเอื้อประโยชน์ให้เครือญาติได้เป็น ผบ.ตร. คือ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์
ศาลก็ฟังว่าไม่มีหลักฐานใดยืนยันว่ามีการเชื่อมโยงอย่างชัดเจน เนื่องจากการโอน
นายถวิล ก็ไม่เกี่ยวข้อง หรือเป็นที่มาของการสมัครของ พล.ต.อ.วิเชียร
และก็ไม่เกี่ยวข้องกับการที่ คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ ได้มีมติในที่ประชุมแต่งตั้ง
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ แต่อย่างใด ทั้งหมดจึงเป็นเรื่องที่ศาลมองว่า
ไม่มีการกระทำแล้ว ยังไม่มีเจตนาพิเศษด้วย
เมื่อถามว่า
หากทางอัยการจะอุทธรณ์ มีแนวทางยังไง นายนรวิชญ์ กล่าวว่า
ดูประเด็นที่เขาจะอุทธรณ์ก่อน แล้วก็จะดำเนินตามขั้นตอน ถ้ามีการอุทธรณ์ ซึ่ง
ทนายวิญญัติ เสริมว่า การจะอุทธรณ์ก็ต้องมีมติของศาลว่าจะรับอุทธรณ์หรือไม่
มตินั้นก็คือมติของศาลที่ประชุมใหญ่ ว่ามีสาระสำคัญหรือประเด็นที่จะอุทธรณ์ได้หรือไม่
ถ้าหากศาลไม่รับอุทธรณ์ หรืออุทธรณ์ไม่ได้ คำวินิจฉัยในวันนี้ก็ถือว่าสิ้นสุดแล้ว
พิพากษาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีความผิด
นายนรวิชญ์
กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้คุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาก่อน
และหลังจากนี้คงต้องรายงานผลให้ทราบต่อไป ตอนนี้หมายจับเพิกถอนไปแล้ว
ในตัวรายงานก็ระบุว่าเพิกถอนไปแล้ว เท่ากับว่าในคดีนี้ไม่มีหมายจับแล้ว