วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ก้าวไกลจัดนิทรรศการและเสวนา “ผังเมืองกรุงเทพฯ” ฉบับใหม่ ชี้หลักคิดยังเน้นพัฒนาเมืองจากศูนย์กลาง ไม่กระจายไปยังพื้นที่รอบนอก ชวนประชาชนร่วมแลกเปลี่ยนความเห็น เหตุ ผังเมืองคือจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ

 


ก้าวไกลจัดนิทรรศการและเสวนา “ผังเมืองกรุงเทพฯ” ฉบับใหม่ ชี้หลักคิดยังเน้นพัฒนาเมืองจากศูนย์กลาง ไม่กระจายไปยังพื้นที่รอบนอก ชวนประชาชนร่วมแลกเปลี่ยนความเห็น เหตุ ผังเมืองคือจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ


วันที่ 17 ธันวาคม 2566 ณ อาคารอนาคตใหม่ ซอยรามคำแหง 42 พรรคก้าวไกลจัดกิจกรรม “กรุงเทพ (ผัง) เมืองในหมอก ชีวิตดีดีย์ ที่คุณเลือกไม่ได้?” โดยจัดนิทรรศการแสดงข้อมูลผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 ซึ่งเผยแพร่สู่สาธารณะเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา รวมถึงจัดเสวนา Sol Bar Talk เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับข้อมูลผังเมืองดังกล่าว โดยมี ผศ.ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.ดร.บุญเลิศ วิเศษปรีชา อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วย สส. และ สก. จากพรรคก้าวไกล นำโดย ธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กรุงเทพฯ เขต 18 (มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง) ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กรุงเทพฯ เขต 9 (หลักสี่ จตุจักร บางเขน) สิริลภัส กองตระการ สส.กรุงเทพฯ เขต 14 (วังทองหลาง บางกะปิ) และ เอกวิน โชคประสพรวย สก.เขตราชเทวี ร่วมแลกเปลี่ยนในวงเสวนา


ธีรัจชัยกล่าวว่า เนื่องจากผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับล่าสุดได้เผยแพร่สู่สาธารณะไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 โดย กทม.จะเปิดให้ประชาชนยื่นหนังสือแสดงความคิดเห็นระหว่างวันที่ 23 ธันวาคม 2566 - 22 มกราคม 2567 และจะจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นออนไลน์ในวันที่ 23 - 24 ธันวาคม 2566 ก่อนจะจัดการประชุมใหญ่ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพฯ (ไทย-ญี่ปุ่น) ในวันที่ 6 มกราคม 2567 อย่างไรก็ตาม ตนกังวลว่าการประชาสัมพันธ์ของ กทม.อาจจะยังทำได้ไม่ทั่วถึงนัก ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่ได้รับทราบและอาจพลาดโอกาสในการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น การจัดกิจกรรมในวันนี้ของพรรคก้าวไกลจึงต้องการติดอาวุธทางความรู้และกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของผังเมืองกรุงเทพฯ มากขึ้น


ธีรัจชัยวิเคราะห์ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับล่าสุด และชี้ให้เห็นปัญหาว่า ลักษณะการจัดทำผังเมืองกรุงเทพฯ มักเน้นการพัฒนาเข้าสู่ศูนย์กลางเมือง โดยใช้แนวรถไฟฟ้าเป็นหลักยึด ทำให้ความเจริญกระจุกตัวอยู่ที่ศูนย์กลางและตามแนวรถไฟฟ้า ไม่กระจายออกไปยังพื้นที่รอบนอก ต่างจากผังเมืองในประเทศที่เจริญแล้วซึ่งแบ่งพื้นที่ออกเป็นบล็อก (block) และกระจายการพัฒนาและความเจริญออกไปสู่บล็อกต่าง ๆ อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ พื้นที่รอบนอกทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกของกรุงเทพฯ ยังถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่รับน้ำในฤดูน้ำหลาก โดยประชาชนไม่ได้รับการชดเชยจากรัฐแต่อย่างใด จึงยิ่งกดทับความเจริญและโอกาสในการพัฒนาเมืองมากขึ้นไปอีก


ด้วยเหตุนี้ ธีรัจชัยในฐานะ สส.กรุงเทพฯ โซนตะวันออก จึงขอตั้งคำถามโต้แย้งต่อผังเมืองฉบับล่าสุดใน 4 ประเด็น ได้แก่ 1) ทำไมจึงปล่อยให้โซนตะวันออกและตะวันตกของกรุงเทพฯ กลายเป็นพื้นที่รับน้ำในฤดูน้ำหลากมาหลายสิบปี 2) ทำไมจึงสร้างรถไฟฟ้าถึงแค่มีนบุรี แต่คนในฝั่งหนองจอก ลาดกระบัง กลับไม่มีรถไฟฟ้าเข้าถึง 3) หากพื้นที่หนองจอกถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่การเกษตร แล้วทำไมจึงมีโรงงานอุตสาหกรรมมาตั้งและปล่อยสารพิษได้ 4) ทำไมจึงไม่มีการกระจายโรงเรียนและโรงพยาบาลมายังพื้นที่รอบนอก 


ด้านศุภณัฐ วิจารณ์ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับล่าสุดว่า มีการกำหนดให้พื้นที่พาณิชยกรรมศูนย์กลางระดับรอง (Sub CBD) อยู่ในโซนพระราม 9 และจตุจักร ซึ่งหมายความว่าแหล่งงานก็จะโตอยู่แต่ในพื้นที่นี้ โดยไม่ได้ส่งเสริมให้พื้นที่ชานเมืองทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกเติบโตมากขึ้น หลักคิดเช่นนี้จะส่งผลให้ในอนาคต กรุงเทพฯ จะยิ่งเผชิญกับปัญหาความแออัดมากขึ้น ซึ่งเกิดจากความเจริญที่กระจุกตัวอยู่บริเวณศูนย์กลางเมือง ความเจริญเช่นนี้ไม่ใช่ความเจริญที่ยั่งยืน เพราะความเจริญที่แท้จริงคือความน่าอยู่ การกระจายสาธารณูปโภคไปสู่คนในเมืองอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง มีโรงเรียนที่ดี มีร้านอาหารที่ดี มีขนส่งมวลชนที่ดี มีพื้นที่สีเขียว เพื่อให้เกิดทั้งคุณภาพชีวิตและการจ้างงานที่ดีในพื้นที่ โดยไม่ต้องดึงคนเข้าไปในเมือง


“คอนเซปต์ของกฎหมายผังเมืองก็สะท้อนปัญหาแบบไทย ๆ ที่ทุกอย่างของประเทศรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพฯ และทุกอย่างของกรุงเทพฯ ก็รวมศูนย์อยู่ในเมือง ทุกอย่างมุ่งเข้าสู่เมือง ไม่กระจายไปไหน” ศุภณัฐกล่าว


นอกจากนี้ ศุภณัฐยังชี้ให้เห็นปัญหาของฟลัดเวย์โซนตะวันออก ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นช่องทางระบายน้ำท่วมภาคกลาง แต่พื้นที่ดังกล่าวชนกับพื้นที่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่น้ำท่วมไม่ได้ จึงสะท้อนให้เห็นปัญหาของการออกแบบผังเมืองที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง 


ด้านเอกวิน กล่าวเสริมว่า ร่างผังเมืองฉบับนี้จะเสร็จสมบูรณ์และประกาศใช้ในช่วงปี 2568 แต่หากพ้นช่วงเวลาการรับฟังความคิดเห็นในช่วงนี้ไปจะไม่มีช่องทางให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมได้อีก จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนศึกษาทำความเข้าใจผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับล่าสุด และร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยวิธีการและช่องทางที่สะดวก ทั้งนี้ เพราะผังเมืองคือจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเมือง การกระจายความเจริญ และการลดความเหลื่อมล้ำ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล