'พิธา' พอใจหลังชี้แจงศาลคำร้องถือหุ้นไอทีวี
พร้อมกลับทำหน้าที่ สส. ทันที หากพ้นข้อกล่าวหา ด้านศาลนัดตัดสินสถานะ สส. 24
ม.ค.2567 บ่ายสอง
วันนี้
(20 ธันวาคม 2566) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยภายหลังการเข้ารับการไต่สวน
ต่อคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่นัดไต่สวนพยานบุคคล กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง
(ผู้ร้อง) ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด
(มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น
ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อสารมวลชนใด ๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง
สส. แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ สส.
ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา
98 (3) หรือไม่
และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย
และสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. นับแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
โดยใช้เวลาเข้าทำการไต่สวนเกือบ 2 ชั่วโมง
สำหรับบรรยากาศระหว่างการไต่สวน
นายพิธาเผยว่า เป็นไปตามที่คาดคาดหวังพอใจกับกระบวนการ
โดยได้ไต่สวนตามข้อเท็จจริงที่ตั้งใจไว้ทุกประการรู้สึกพอใจ
ส่วนรายละเอียดในการชี้แจงที่สามารถเปิดเผยได้
คงให้สัมภาษณ์ไม่ได้เพราะเป็นการละเมิดศาล แต่ในส่วนข้อเท็จจริงที่สื่อมวลชนได้เคยนำเสนอเกี่ยวกับการยุติจากประกอบกิจการไอทีวี
หรือสถานะผู้จัดการมรดกของตนเองก็ได้รับการไต่สวนจากศาลและฝ่ายกฎหมายของผู้ร้องและผู้ถูกฟ้องครบถ้วนแต่รายละเอียดตนไม่สามารถเปิดเผยได้
นายพิธากล่าวต่อว่า
การไต่สวนครั้งนี้มีพยาน 3
ปาก คือ นายแสวงบุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ในฐานะพยานผู้ร้อง นอกจากนั้น นายคิมห์ สิริทวีชัย
ผู้ทำหน้าที่ประธานในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นไอทีวี และตนเอง
จาการฟังน้ำหนักพยานและหลักฐานจากตนเองและผู้ร้องแล้ว ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้
เพราะจะเป็นการรชี้นำและละเมิดศาลได้
แต่สิ่งที่จะให้สัมภาษณ์ได้คือพอใจและเป็นไปตามที่หวังไว้ทุกประการซึ่งสามารถบอกได้แค่นี้
ส่วนรายละเอียดขอให้รอการสรุปอย่างเป็นทางการจากทางสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
หลังจากนี้ไม่มีการนัดไต่สวน โดยจะมีการนัดตัดสินหรือการอ่านคำวินิจฉัยเลย
เมื่อถามถึงความมั่นใจว่าก่อนที่จะเดินทางเข้ามาให้การไต่สวนและหลังออกมาอย่างมั่นใจเหมือนเดิมหรือไม่
นายพิธากล่าวว่ายังมั่นใจเหมือนเดิม
มั่นใจว่าได้ทำตามหน้าที่ในฐานะผู้ถูกฟ้องอย่างเต็มที่แล้ว
ส่วนความคาดหวังต่อศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมและความยุติธรรม
ในกรณีนี้หากคำพิพากษาเป็นคุณ
ก็หวังว่าจะกลับไปทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทันที
เมื่อถามว่าประเด็นที่ศาลได้ไต่สวนได้ถามครบถ้วนหรือไม่
นายพิธา กล่าวว่าเป็นในส่วนของเรื่องของรายละเอียด
แต่รู้สึกพอใจกับกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้
เมื่อถามว่า
ก่อนลงสมัครสส.ได้ถือหุ้นไอทีวีไว้หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า
เป็นการถือแทนในฐานะผู้จัดการมรดก
แต่ในส่วนรายละเอียดอยู่ในชั้นศาลไม่อยากที่จะละเมิดศาล
แต่ก็ยืนยันว่าเป็นการถือแทนน้องชาย ซึ่งได้สละเจตนาตั้งแต่ก่อนอยู่พรรคอนาคตใหม่
และมีการปันทรัพย์มรดกกัน ตอบมากกว่านี้ไม่ได้
แต่ข้อนี้ก็เป็นหนึ่งในข้อที่มีการพูดคุยกัน
ถ้าตอบไปจะเป็นการชี้นำสังคมและเป็นการละเมิดศาล
เมื่อถามว่า
ไอทีวี ได้ยุติการออกอากาศแล้วสามารถกลับมาทำสื่อได้อีกอีกครั้งหรือไม่ นายพิธา
ระบุว่าถ้าตามเอกสารก็ต้องดูที่นายคิมห์ สิริทวีชัย
ผู้ทำหน้าที่ประธานในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นไอทีวี
ที่เคยได้มีการพูดคุยกันที่ประชุมผู้ถือหุ้น เรื่องนี้ขอให้ถามนายคิมห์
น่าจะเหมาะสมมากกว่า ส่วนตัวจะไปพูดแทนไม่ได้
แต่ถ้าได้ดูตามเอกสารที่ออกมาก็จะเห็นว่าไอทีวีได้ยุติการประกอบกิจการไปตั้งแต่ปี 50 ทรัพยากรอีกครึ่งหนึ่งก็ไปอยู่ไทยพีบีเอส
แล้วตอนนี้ใบอนุญาตก็ไม่มี
เพราะฉะนั้นการจะกลับมาประกอบกิจการเดิมก็ต้องมีทั้งคดีความที่เกี่ยวโยงกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
หรือ สปน. ที่ศาลปกครองสูงสุด รวมถึงคลื่นความถี่ที่ไม่มีแล้ว
ใบอนุญาตประกอบกิจการ ที่สอบถามไปยัง กสทช. ก็ไม่มี
สำหรับคำพิพากษาผู้จัดการมรดกต้องมาจากศาลแพ่งส่วนที่เหลือเป็นการปันทรัพย์
ที่มีการส่งข้อมูลทางดิจิทัลที่สามารถเห็นได้ ว่าฝ่ายนั้นถูกสร้างขึ้นมาเมื่อไหร่
และเรื่องของแสตมป์อากรก็ได้ชี้แจงไปแล้วครบทุกอย่าง
ทั้งนี้ได้รับการรายงานว่าศาลรัฐธรรมนูญจะนัดคู่กรณีฟังคำวินิจฉัยคดีนี้ในวันพุธ
ที่ 24 ม.ค. 2567 เวลา 14.00น.
สำหรับบรรยากาศบริเวณศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่ช่วงเช้า
นอกจากสื่อมวลชนที่มาปักหลักรอรายงานข่าวแล้ว ยังมีประชาชนและกองเชียร์พรรคก้าวไกล
มารอกำลังใจ โดยมีการชูป้าย ITV อยู่ไหน อยากออกช่องITV
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พิธา #หุ้นสื่อITV