แถลงการณ์ตัวแทนนิสิตนักศึกษาในการประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2560
เรื่อง
รายงานผลประชุมและกล่าวความรู้สึกหลังการประชุม
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ส่วนหนึ่งของคณะกรรมการศึกษาแนวทางในการจัดทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความคิดเห็นที่แตกต่างในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่คณะรัฐมนตรีได้แต่งตั้งขึ้น มีการนัดหมายเพื่อพบปะพูดคุยกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตัวแทนนิสิต นักศึกษา ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13.30 - 16.30 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล
โดยกลุ่มนิสิตนักศึกษาที่ได้รับเชิญเข้าร่วมพูดคุยในวันและเวลาดังกล่าว
ประกอบไปด้วยตัวแทนจากกลุ่มนิสิตและนักศึกษา ดังต่อไปนี้
1)
แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม
2)
องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
3)
สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
4)
สภาเด็กและเยาวชน
5)
ตัวแทนนิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
6)
สภานักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล
7)
ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
8)
ตัวแทนนักศึกษาจากเครือราชภัฏ
นิกร จำนง จากพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งรับหน้าที่เป็นโฆษกของคณะกรรมการชุดนี้ เป็นประธานอนุกรรมการและผู้ดำเนินการประชุมโดยมีวาระการประชุมที่ประกอบด้วย 4 ข้อ ดังนี้
ข้อที่
1 เกี่ยวข้องกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ รวมถึงหมวด 1 และหมวด 2
ข้อที่
2 เกี่ยวข้องกับปัญหาในเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2560
ข้อที่
3 เกี่ยวข้องกับการมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง
และสุดท้าย
ข้อที่ 4 เกี่ยวข้องกับการทำประชามติในกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ซึ่งประธานในที่ประชุมได้อธิบายว่า
ข้อที่ 1 ทางรัฐบาลยืนยันว่ามีสิทธิ์ที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยยกเว้นหมวดที่ 1
และหมวด 2 ซึ่งสอดคล้องกับการแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ เพราะหากแก้ไขทั้งสองหมวดดังกล่าวอาจจะไม่ผ่านความเห็นชอบของสมาชิกวุฒิสภา
ในข้อที่
2 ประธานการประชุมแสดงความเห็นด้วยกับการที่เนื้อหาของรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2560 มีปัญหาในประเด็นการคุ้มครองสิทธิ
เสรีภาพของประชาชน และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน แต่กลับพยายาห้ามการอภิปรายของนักศึกษาคนหนึ่งในประเด็นเนื้อหาหมวดที่
2
ในข้อที่
3 ประธานการประชุมแสดงความกังวลว่า หาก สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมดอาจทำให้ไม่ได้ตัวแทนที่ครอบคลุมจากคนทุกกลุ่ม
เช่น กลุ่มของเยาวชน คนรุ่นใหม่ เพราะไม่สามารถชนะเลือกตั้งได้
และอาจทำให้บางกลุ่มการเมืองได้รับที่นั่งมากจนเกินไป
ซึ่งจะมีเสียงคัดค้านจากในสภามาก
ในข้อที่
4 ประธานการประชุมแสดงความเห็นชอบในการทำประชามติ 2 รอบ ครั้งแรกก่อนมีการร่างประชาชนจะได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นว่าอยากได้รัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่
และอีกครั้งหลังมีการร่างรัฐธรรมนูญสำเร็จประชาชนจะได้มีโอกาสให้ความชอบธรรมกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
และเราจึงขอยืนยันความเนของเราต่อประชาชนว่า
ข้อที่
1 ตัวแทนนิสิตนักศึกษาเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นต่อที่ประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
ยืนยันร่วมกันว่าต้องมีการแก้ไขทุกหมวดทุกมาตราโดยไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของความชอบธรรมหากต้องละเว้นการพูดถึง
หรือคงไว้ซึ่งหมวดที่ 1 และ 2 จำเป็นต้องย้อนกลับไปภายหลังการทำประชามติรัฐธรรมนูญ
ฉบับ 2560 ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหาร ได้กล่าวอ้างถึงรับสั่งแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดพระมหากษัตริย์
จึงอนุญาตให้สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติแล้วได้
อันเป็นการทำให้รัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้ไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของประชาชนในช่วงเวลานั้น
หากพิจารณาตามประเด็นที่ได้กล่าวถึง
จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าหมวดดังกล่าวจำเป็นต้องมีการพูดถึงเพื่อพัฒนาให้เกิดความชอบธรรม
และเป็นไปตามสถานการณ์โลกที่กำลังเผชิญ
ข้อที่
2 พวกเราขอยืนยันร่วมกันว่ารัฐธรรมนูญ ฉบับ 2560 มีปัญหาในประเด็นของการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
การมีส่วนร่วมของประชาชน หน้าที่ ของรัฐ การรวมศูนย์และประเด็นหมวดพระมหากษัตริย์
ข้อที่
3 ทุกกระบวนการที่เกิดขึ้นต้องผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชน และให้ความสำคัญต่อประชาชน
ดังนั้นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด และต่อให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดเราก็ยังสามารถออกแบบให้มีความครอบคลุมในทุกกลุ่มคนได้
ข้อที่
4 ทุกกระบวนการต้องผ่านประชาชน และให้ความสำคัญต่อประชาชน ดังนั้นคำถามประชามติต้องไม่เป็นข้อผูกมัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชน
และต้องไม่สร้างความสับสนต่อการตอบคำถามประชามติ
โดยสรุปแล้วนั้นการประชุมกับคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ได้ยืนยันความกังวลของตัวแทนนิสิตนักศึกษา
และประชาชนว่า ในการทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในรัฐบาลชุดปัจจุบันนำโดย
นายเศรษฐา ทวีสิน จะยกเว้นการแก้ไขหมวดที่ 1 และ 2
อีกทั้งยังมีการปล่อยให้มีการแต่งตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) อันเป็นการจำกัดอำนาจสถาปนาของราษฎรเพื่อความพอใจของสมาชิกวุฒิสภา
(สว.)
ดังนั้น
พวกเราประสงค์ที่จะกล่าวความรู้สึกหลังการประชุมว่าการประชุมครั้งนี้มิได้เป็นการจัดขึ้นเพื่อรับฟังความคิดเห็นของพวกเราอย่างแท้จริง
เพียงแค่ต้องการพูดว่าได้พูดคุยกับตัวแทนนิสิตและนักศึกษาเพื่อเพิ่มความชอบธรรมของกระบวนการที่รัฐบาลได้วางไว้เพียงเท่านั้น
เปรียบเสมือนละครลิงจากหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้
พวกเราหวังว่าหากคำถามประชามติที่จะเกิดขึ้นผูกมัดจนเกินไป รัฐบาลไม่โทษว่าการที่รัฐธรรมนูญที่จะได้ชื่อว่า
"มาจากประชาชน" ไม่ผ่านเป็นเพราะความผิดของ "ประชาชน"
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเราจะขอยืนยันต่อหลักการว่าในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องไม่มีการยกเว้นหมวดหรือมาตราใด
และต้องร่างผ่านสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด
ตัวแทนนิสิตนักศึกษาในการประชุมกับคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
1.
แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม
2.
สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
3.
องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
4.
สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ (ผู้เข้าร่วมแสดงความเห็น)
5.
ฉัตรชนก โฆษิตคณาทรัพย์ (ตัวแทนนิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
6.
ผู้ไม่ประสงค์ระบุนาม (ตัวแทนนิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
7.
นายฌอน เช็พเพอร์ส และ ผู้ไม่ประสงค์ระบนาม (ตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล)
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #วันรัฐธรรมนูญ #เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ