วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

‘พิธา’ ลั่นคลื่นสีส้มแห่งความหวังกำลังมา พร้อมเปลี่ยนสมุทรปราการ ก้าวไกลยกจังหวัด ปักธงประชาธิปไตยทั้งถนนบางนา-ตราด ด้าน ‘ธนาธร’ ชี้ ประเทศจะไปไกลกว่านี้ต้องแก้ที่โครงสร้าง ย้ำ เลือก ‘ก้าวไกล’ ให้ทุกปัญหาจบที่รุ่นนี้

 


พิธา’ ลั่นคลื่นสีส้มแห่งความหวังกำลังมา พร้อมเปลี่ยนสมุทรปราการ ก้าวไกลยกจังหวัด ปักธงประชาธิปไตยทั้งถนนบางนา-ตราด ด้าน ‘ธนาธร’ ชี้ ประเทศจะไปไกลกว่านี้ต้องแก้ที่โครงสร้าง ย้ำ เลือก ‘ก้าวไกล’ ให้ทุกปัญหาจบที่รุ่นนี้

 

วันที่ 5 พฤษภาคม 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงที่ จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.สมุทรปราการ โดยในช่วงเย็น พิธา ได้ร่วมหาเสียงที่ตลาดตุ้งโร่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา ร่วมกับ ธนะชัย แสวงศิริผล ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 (เบอร์ 6) ก่อนเดินทางมาสมทบกับธนาธรที่เวทีปราศรัยตลาดบางวัว อ.บางปะกง ร่วมกับ จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 (เบอร์ 2)

 

จากนั้น ทั้งสองได้เดินทางต่อมายังลานหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ ปราศรัยพร้อมผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการทั้ง 8 เขต ประกอบด้วย เขต 1 พนิดา มงคลสวัสดิ์ (เบอร์ 3), เขต 2 รัชนก สุขประเสริฐ (เบอร์ 2), เขต 3 พิชัย แจ้งจรรยาวงศ์ (เบอร์ 2), เขต 4 วุฒินันท์ บุญชู (เบอร์ 6), เขต 5 นิตยา มีศรี (เบอร์ 5), เขต 6 วีรภัทร คันธะ (เบอร์ 8, เขต 7 บุญเลิศ แสงพันธุ์ (เบอร์ 2) และ เขต 8 ตรัยวรรธน์ อิ่มใจ (เบอร์ 4)

 

สำหรับบรรยากาศเวทีปราศรัยทั้งที่ฉะเชิงเทราและที่สมุทรปราการนั้น ได้รับความสนใจจากประชาชนพากันเข้าร่วมฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะที่ลานหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ พบว่ามีประชาชนเข้าร่วมจนล้นลานไปจนถึงริมฝั่งแม่น้ำ

 

ถึงเวลากล้าหาญทำเรื่องยากเพื่ออนาคตลูกหลาน 'ธนาธร' ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ในรอบ 17 ปีที่ผ่านมา มีการรัฐประหารไปแล้ว 2 ครั้ง ยุบพรรคฝ่ายประชาธิปไตยไปแล้ว 4 พรรค กระบวนการนิติรัฐนิติธรรมถูกบิดเบือน เพื่อทำให้ฝ่ายที่มีอำนาจทำอะไรก็ถูกต้อง ไม่ต้องรับผิดชอบ ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามทำอะไรก็ผิดไปหมด ประชาชนหมดศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม มีการสลายการชุมนุมกลางเมืองจนมีคนบาดเจ็บล้มตาย มีการคุกคามผู้เรียกร้องประชาธิปไตยและเยาวชนคนหนุ่มสาว จนต้องติดคุกหรือต้องลี้ภัย

 

เหตุการณ์เหล่านี้ไม่รู้ว่าจะไปจบที่ไหน จะให้ประเทศเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นภารกิจของคนจากรุ่นสู่รุ่นคือการส่งมอบสังคมที่ดีกว่านี้ให้คนรุ่นต่อไป ให้คนรุ่นต่อไปมีโอกาสในชีวิตที่ดีกว่าคนรุ่นของเรา การไม่แก้ปัญหาวันนี้ก็เหมือนการซุกปัญหาไว้ใต้พรม หลับตาไว้ข้างหนึ่ง ให้คนรุ่นใหม่ต้องมาแก้ปัญหาของอดีตต่อไปเรื่อย ๆ

 

ธนาธรกล่าวต่อไปว่า วันนี้ถึงเวลาแล้วที่จะทำให้ปัญหานี้จบในรุ่นเรา คนรุ่นต่อไปจะได้ไปไขว่คว้าหาโอกาส โดยเฉพาะปัญหาประชาธิปไตย ให้จบที่นี่ ที่รุ่นของเรา นี่ไม่ใช่เวลาของการกระมิดกระเมี้ยน เป็นเวลาที่เราต้องกล้าทะเยอทะยาน เผชิญหน้าปัญหาของยุคสมัย ในเมื่อโอกาสเปิดกว้างขนาดนี้แล้ว มีคนถากถางทางให้พวกเรา เสียเลือดเสียน้ำตา กว่าจะทำให้โอกาสนี้มาถึงได้ จะปล่อยโอกาสนี้ไปหรือ ถ้าไม่ทำเรื่องยากๆ วันนี้ จะทำวันไหน

 

ย้ำอีกครั้ง เลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่ฝ่ายอนุรักษนิยมอ่อนแรงที่สุดในรอบ 17 ปี อย่าปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไป จงใช้โอกาสนี้กล้าหาญทำสิ่งที่ยากแต่จำเป็นต้องทำเพื่ออนาคตของลูกหลานของเรา เพื่อสร้างอนาคตที่ประเทศไทยไม่มีการทำรัฐประหารอีก” ธนาธรกล่าว

 

ทั้งนี้ ก่อนที่พิธาจะเริ่มการปราศรัย ธนาธร ได้พูดแนะนำก่อนว่าถ้าประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีชื่อพิธา จะสามารถแก้ปัญหาทั้งการเมืองและเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กันได้ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จะเอาสินค้าเกษตรไทยไปขายทั่วโลก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะแก้ไขหลักสูตรการเรียนการสอนให้ทันยุคทันสมัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะสร้างงานให้คนไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะปฏิรูปกองทัพ เพื่อให้อนาคตของประเทศไทย ไม่เกิดการทำรัฐประหารอีก

 

และนี่คือผู้นำของเรา และนี่คือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับประเทศไทยวันนี้” ธนาธรกล่าว

 

ด้านพิธา ขึ้นปราศรัยปิดท้ายกล่าวว่า ต้องขออภัยชาวสมุทรปราการ เพราะวันนี้ปราการของคนสมุทรปราการได้แตกไปแล้วอีกจังหวัด คลื่นสีส้มกำลังมา คลื่นแห่งความหวังและความเปลี่ยนแปลงมาถึงแล้ว คลื่นเหล่านี้จะส่งผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกลทั้ง 8 คน 8 เขต เข้าสู่สภาฯ ไปสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน

 

พิธากล่าวอีกว่า ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรคอนาคตใหม่มาเป็นที่ 2 ในสมุทรปราการหลายเขต แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่แค่สมุทรปราการที่ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกลจะเป็นอันดับ 1 ยกจังหวัด แต่พรรคก้าวไกลต้องการปักธงทั้งถนนบางนา-ตราด ตั้งแต่เขตบางนา สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด เพื่อเปลี่ยนถนนบางนา-ตราด ให้เป็นถนนสายประชาธิปไตย เมื่อปากน้ำแตกแล้ว บางนา-ตราดแตกแล้ว ประเทศไทยจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากก้าวไกลทั้งแผ่นดิน

 

เอาความกลัวไว้ข้างหลัง เอาความหวังไว้ข้างหน้า กาก้าวไกลทั้ง 2 ใบ

 

สำหรับนโยบายเพื่อชาวสมุทรปราการ พิธากล่าวว่าปัญหาอันดับหนึ่งคือเป็นจังหวัดที่มีแรงงานนอกระบบเข้าไม่ถึงประกันสังคมมากที่สุด พรรคก้าวไกลจึงต้องมีเซีย จำปาทอง ตัวแทนแรงงานเป็นปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 4 เข้าไปแก้ปัญหาแรงงานของคนสมุทรปราการ

 

อันดับสอง คือปัญหาขยะที่พรรคก้าวไกลต้องการเอากลิ่นเหม็นของขยะออกไป และเอากลิ่นเหม็นของการเมืองเก่าๆ ออกไปด้วย โดยถ้าตนเป็นนายกรัฐมนตรี จะให้มีการทำประชามติ ให้คนสมุทรปราการเลือกผู้ว่าฯ จังหวัดตัวเอง กระจายอำนาจและงบประมาณให้คนสมุทรปราการได้แก้ปัญหาการศึกษา สิ่งแวดล้อม น้ำท่วม แรงงาน ให้ภาษีที่เกิดขึ้นในสมุทรปราการเอาไว้แก้ปัญหาคนสมุทรปราการเอง

 

ถ้าวิสัยทัศน์แบบนี้ เป็นสิ่งที่ท่านชอบ 14 พฤษภาคม เอาความกลัวไว้ข้างหลังเอาความหวังไว้ข้างหน้า จะกลัวหรือกล้าอยู่ที่ใจ กาพรรคก้าวไกลทั้ง 2 ใบ เพื่อเอาผู้สมัคร ส.ส. ก้าวไกลทั้ง 8 คนเข้าสภาฯ เลือกพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป” พิธา กล่าวทิ้งท้าย

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66