‘พิธา’ ลั่นคลื่นสีส้มแห่งความหวังกำลังมา พร้อมเปลี่ยนสมุทรปราการ
ก้าวไกลยกจังหวัด ปักธงประชาธิปไตยทั้งถนนบางนา-ตราด ด้าน ‘ธนาธร’ ชี้
ประเทศจะไปไกลกว่านี้ต้องแก้ที่โครงสร้าง ย้ำ เลือก ‘ก้าวไกล’ ให้ทุกปัญหาจบที่รุ่นนี้
วันที่
5 พฤษภาคม 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล
ร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงที่ จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.สมุทรปราการ โดยในช่วงเย็น พิธา
ได้ร่วมหาเสียงที่ตลาดตุ้งโร่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา ร่วมกับ ธนะชัย แสวงศิริผล
ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 (เบอร์ 6) ก่อนเดินทางมาสมทบกับธนาธรที่เวทีปราศรัยตลาดบางวัว อ.บางปะกง ร่วมกับ
จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 (เบอร์ 2)
จากนั้น
ทั้งสองได้เดินทางต่อมายังลานหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ ปราศรัยพร้อมผู้สมัคร
ส.ส.สมุทรปราการทั้ง 8
เขต ประกอบด้วย เขต 1 พนิดา มงคลสวัสดิ์
(เบอร์ 3), เขต 2 รัชนก สุขประเสริฐ
(เบอร์ 2), เขต 3 พิชัย แจ้งจรรยาวงศ์
(เบอร์ 2), เขต 4 วุฒินันท์ บุญชู
(เบอร์ 6), เขต 5 นิตยา มีศรี (เบอร์ 5),
เขต 6 วีรภัทร คันธะ (เบอร์ 8, เขต 7 บุญเลิศ
แสงพันธุ์ (เบอร์ 2) และ เขต 8 ตรัยวรรธน์
อิ่มใจ (เบอร์ 4)
สำหรับบรรยากาศเวทีปราศรัยทั้งที่ฉะเชิงเทราและที่สมุทรปราการนั้น
ได้รับความสนใจจากประชาชนพากันเข้าร่วมฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น
โดยเฉพาะที่ลานหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ
พบว่ามีประชาชนเข้าร่วมจนล้นลานไปจนถึงริมฝั่งแม่น้ำ
ถึงเวลากล้าหาญทำเรื่องยากเพื่ออนาคตลูกหลาน
'ธนาธร' ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ในรอบ 17 ปีที่ผ่านมา มีการรัฐประหารไปแล้ว 2 ครั้ง
ยุบพรรคฝ่ายประชาธิปไตยไปแล้ว 4 พรรค
กระบวนการนิติรัฐนิติธรรมถูกบิดเบือน เพื่อทำให้ฝ่ายที่มีอำนาจทำอะไรก็ถูกต้อง
ไม่ต้องรับผิดชอบ ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามทำอะไรก็ผิดไปหมด
ประชาชนหมดศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม
มีการสลายการชุมนุมกลางเมืองจนมีคนบาดเจ็บล้มตาย
มีการคุกคามผู้เรียกร้องประชาธิปไตยและเยาวชนคนหนุ่มสาว
จนต้องติดคุกหรือต้องลี้ภัย
เหตุการณ์เหล่านี้ไม่รู้ว่าจะไปจบที่ไหน
จะให้ประเทศเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
ดังนั้นภารกิจของคนจากรุ่นสู่รุ่นคือการส่งมอบสังคมที่ดีกว่านี้ให้คนรุ่นต่อไป
ให้คนรุ่นต่อไปมีโอกาสในชีวิตที่ดีกว่าคนรุ่นของเรา
การไม่แก้ปัญหาวันนี้ก็เหมือนการซุกปัญหาไว้ใต้พรม หลับตาไว้ข้างหนึ่ง
ให้คนรุ่นใหม่ต้องมาแก้ปัญหาของอดีตต่อไปเรื่อย ๆ
ธนาธรกล่าวต่อไปว่า
วันนี้ถึงเวลาแล้วที่จะทำให้ปัญหานี้จบในรุ่นเรา
คนรุ่นต่อไปจะได้ไปไขว่คว้าหาโอกาส โดยเฉพาะปัญหาประชาธิปไตย ให้จบที่นี่
ที่รุ่นของเรา นี่ไม่ใช่เวลาของการกระมิดกระเมี้ยน
เป็นเวลาที่เราต้องกล้าทะเยอทะยาน เผชิญหน้าปัญหาของยุคสมัย ในเมื่อโอกาสเปิดกว้างขนาดนี้แล้ว
มีคนถากถางทางให้พวกเรา เสียเลือดเสียน้ำตา กว่าจะทำให้โอกาสนี้มาถึงได้
จะปล่อยโอกาสนี้ไปหรือ ถ้าไม่ทำเรื่องยากๆ วันนี้ จะทำวันไหน
“ย้ำอีกครั้ง
เลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่ฝ่ายอนุรักษนิยมอ่อนแรงที่สุดในรอบ 17
ปี อย่าปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไป
จงใช้โอกาสนี้กล้าหาญทำสิ่งที่ยากแต่จำเป็นต้องทำเพื่ออนาคตของลูกหลานของเรา
เพื่อสร้างอนาคตที่ประเทศไทยไม่มีการทำรัฐประหารอีก” ธนาธรกล่าว
ทั้งนี้
ก่อนที่พิธาจะเริ่มการปราศรัย ธนาธร
ได้พูดแนะนำก่อนว่าถ้าประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีชื่อพิธา จะสามารถแก้ปัญหาทั้งการเมืองและเศรษฐกิจไปพร้อมๆ
กันได้ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จะเอาสินค้าเกษตรไทยไปขายทั่วโลก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะแก้ไขหลักสูตรการเรียนการสอนให้ทันยุคทันสมัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะสร้างงานให้คนไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะปฏิรูปกองทัพ
เพื่อให้อนาคตของประเทศไทย ไม่เกิดการทำรัฐประหารอีก
“และนี่คือผู้นำของเรา
และนี่คือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับประเทศไทยวันนี้” ธนาธรกล่าว
ด้านพิธา
ขึ้นปราศรัยปิดท้ายกล่าวว่า ต้องขออภัยชาวสมุทรปราการ เพราะวันนี้ปราการของคนสมุทรปราการได้แตกไปแล้วอีกจังหวัด
คลื่นสีส้มกำลังมา คลื่นแห่งความหวังและความเปลี่ยนแปลงมาถึงแล้ว
คลื่นเหล่านี้จะส่งผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกลทั้ง 8 คน 8 เขต เข้าสู่สภาฯ ไปสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
พิธากล่าวอีกว่า
ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรคอนาคตใหม่มาเป็นที่ 2 ในสมุทรปราการหลายเขต
แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่แค่สมุทรปราการที่ผู้สมัคร
ส.ส.ก้าวไกลจะเป็นอันดับ 1 ยกจังหวัด
แต่พรรคก้าวไกลต้องการปักธงทั้งถนนบางนา-ตราด ตั้งแต่เขตบางนา สมุทรปราการ ชลบุรี
ระยอง ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด เพื่อเปลี่ยนถนนบางนา-ตราด
ให้เป็นถนนสายประชาธิปไตย เมื่อปากน้ำแตกแล้ว บางนา-ตราดแตกแล้ว
ประเทศไทยจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากก้าวไกลทั้งแผ่นดิน
เอาความกลัวไว้ข้างหลัง
เอาความหวังไว้ข้างหน้า กาก้าวไกลทั้ง 2 ใบ
สำหรับนโยบายเพื่อชาวสมุทรปราการ
พิธากล่าวว่าปัญหาอันดับหนึ่งคือเป็นจังหวัดที่มีแรงงานนอกระบบเข้าไม่ถึงประกันสังคมมากที่สุด
พรรคก้าวไกลจึงต้องมีเซีย จำปาทอง ตัวแทนแรงงานเป็นปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 4 เข้าไปแก้ปัญหาแรงงานของคนสมุทรปราการ
อันดับสอง
คือปัญหาขยะที่พรรคก้าวไกลต้องการเอากลิ่นเหม็นของขยะออกไป และเอากลิ่นเหม็นของการเมืองเก่าๆ
ออกไปด้วย โดยถ้าตนเป็นนายกรัฐมนตรี จะให้มีการทำประชามติ
ให้คนสมุทรปราการเลือกผู้ว่าฯ จังหวัดตัวเอง
กระจายอำนาจและงบประมาณให้คนสมุทรปราการได้แก้ปัญหาการศึกษา สิ่งแวดล้อม น้ำท่วม
แรงงาน ให้ภาษีที่เกิดขึ้นในสมุทรปราการเอาไว้แก้ปัญหาคนสมุทรปราการเอง
“ถ้าวิสัยทัศน์แบบนี้ เป็นสิ่งที่ท่านชอบ 14 พฤษภาคม
เอาความกลัวไว้ข้างหลังเอาความหวังไว้ข้างหน้า จะกลัวหรือกล้าอยู่ที่ใจ
กาพรรคก้าวไกลทั้ง 2 ใบ เพื่อเอาผู้สมัคร ส.ส. ก้าวไกลทั้ง 8
คนเข้าสภาฯ เลือกพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป” พิธา กล่าวทิ้งท้าย
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66