เพื่อไทย
จัดอีเวนต์ใหญ่กลางลานพาร์คพารากอน
‘เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ประเทศเปลี่ยนทันที’ ชาเลนจ์ผู้สมัคร กทม. 33 เขต
เดินทางขนส่งสาธารณะ ให้ถึงที่หมายใน 1 ชั่วโมง 29 นาที ปักหมุดนโยบาย คมนาคม ‘20 บาทตลอดสาย’
วันที่
5 พฤษภาคม 2566 เวลา 15.30 น. พรรคเพื่อไทย
เปิดแคมเปญใหญ่สู้ศึกเลือกตั้ง 2566
จัดกิจกรรมเปิดตัวแคมเปญใหญ่ ‘เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ประเทศเปลี่ยนทันที’ เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์หาเสียงในโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอีก
8 วันข้างหน้า โดยภายในงานมีการจัดกิจกรรม โดยให้ผู้สมัคร
ส.ส.กทม. ทั้ง 33 เขต ร่วมทำชาเลนจ์
เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมือง ณ ลานพาร์ค พารากอน
ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยผู้สมัคร
ส.ส.กทม.ทุกคน ต้องมีการไลฟ์ตลอดการเดินทาง ทั้งนี้เพื่อปักหมุดนโยบายใหญ่
‘เพื่อคมนาคมไทยทั้งประเทศ’
งานนี้ผู้สมัคร
ส.ส.กทม. ทั้ง 33 คน มาครบ
และเดินทางด้วยคมนาคมที่หลากหลายทั้ง รถราง เรือ เช่น นายพลภูมิ
วิภัตภูมิประเทศ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 15
เดินทางโดยเรือจากคลองแสนแสบ, นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ผู้สมัคร
ส.ส.กทม. เขต 19 เดินทางโดยเรือไฟฟ้า และ ต่อด้วยรถเมล์,
นายวัน อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 28
เดินทางโดยวินมอเตอร์ไซค์ และ BTS
นายดนุพร
ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า
ชาเลนจ์นี้จัดขึ้นเพื่อสื่อสารว่า กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย
เป็นเมืองที่มีขนส่งสาธารณะครบทุกรูปแบบโดยเฉพาะรถไฟฟ้า
แต่ค่าโดยสารโดยรวมนั้นมีราคาแพง ไม่สะดวกสบาย ใช้เวลานานและไม่สามารถกำหนดเวลาได้
วันนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ค่ารถไฟฟ้าแพงติดอันดับโลก
คิดเป็น 5-18% ของค่าแรงขั้นต่ำ ขณะที่ค่าโดยสารในกรุงเทพฯ แตะ 30% ของค่าแรงขั้นต่ำ ขณะที่เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน อยู่ที่ 2-5% ของค่าแรงขั้นต่ำเท่านั้น หากประเทศอื่นทำได้แต่ไทยทำไม่ได้
เท่ากับว่ามันมีปัญหาในไทย พรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบาย ‘เพื่อคมนาคมไทย ทั้งประเทศ’
นั่นคือ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย, ยกระดับคมนาคมในต่างจังหวัด,
ยกระดับรถไฟโดยสารทั่วประเทศ, ยกระดับการขนส่งโลจิสติกส์สินค้า
และยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิให้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก
โดยเฉพาะ
‘นโยบาย 20 บาทตลอดสาย’ นั้น นายดนุพร อธิบายว่า
จะต้องเป็นราคา 20 บาทตลอดทั้งสาย
ไม่ว่าจะเปลี่ยนสายรถไฟฟ้ากี่ครั้ง แต่ถ้าไม่ออกจากระบบ ก็จะอยู่ที่ราคา 20 บาทเท่านั้น นายดนุพรย้ำด้วยว่า หาก ‘30 บาท
รักษาทุกโรคทำได้’ แล้ว ‘20 บาทตลอดสาย’ ก็ต้องทำได้เช่นกัน
สุดท้าย
ชาเลนจ์เดินทางถึงที่หมาย 1 ชั่วโมง 29 นาที พรรคเพื่อไทยมีการจัดอันดับ
ผู้ที่ใช้เวลาเดินทางนานที่สุด, ผู้ที่ใช้เวลาเดินทางน้อยที่สุด,
ผู้ที่เสียค่าใช้จ่ายมากที่สุด และผู้ที่เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด
และผลการแข่งขัน ดังนี้
1.
ผู้ที่ใช้เวลาเดินทางมากที่สุด
-
นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ เขตลาดกระบัง เดินทางจากสำนักงานเขต โดยรถส่วนตัว > Airport Link ลาดกระบัง > BTS พญาไท ใช้เวลาทั้งหมด 90 นาที ใช้เงินทั้งหมด 65 บาท
-
นพ. ญาณกิตติ์ ห่วงทรัพย์ เขตบางเขน, เขตสายไหม, เขตลาดพร้าว เดินทางสำนักงานเขต โดยรถสองแถว > รถเมล์ร้อน
> เดิน 500 ม. > BTS วัดศรีมหาธาตุ ใช้เวลาทั้งหมด 84 นาที
ใช้เงินทั้งหมด 67 บาท
-
นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา เขตบางแค, เขตหนองแขม
เดินทางจากสำนักงานเขตโดยรถสองแถว > BTS หลักสอง
ใช้เวลาทั้งหมด 78 นาที ใช้เงินทั้งหมด 93 บาท
2.
ผู้ที่ใช้เวลาน้อยที่สุด
-
นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ เขตบางรัก ใช้เวลา 15 นาที เดินทางจากสำนักงานเขตโดยรถตุ๊กตุ๊ก (รถสามล้อ) ใช้เงินทั้งหมด 150 บาท
-
นายภัทร ภมรมนตรี เขตดินแดง ใช้เวลา 15 นาที เดินทางจากสำนักงานเขต
โดย BTS อารีย์ ใช้เงินทั้งหมด 35 บาท
-
นายวัน อยู่บำรุง เขตหนองแขม ใช้เวลา 20 นาที เดินทางจากบ้าน > ติดรถ FC วัน อยู่บำรุง > BTS วุฒากาศ ใช้เงินทั้งหมด 62 บาท
3. ผู้ใช้เงินเยอะที่สุด
-
นายไพฑูรย์ อิสระเสรีพงษ์ เขตหนองจอก เดินทางจากสำนักงานเขต โดยแท็กซี่ > Airport Link ใช้เงินทั้งหมด 300 บาท ใช้เวลา 40 นาที
-
นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ เขตบางรัก, เขตพระนคร,
เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย, เขตดุสิต เดินทางจากสำนักงานเขตโดยรถตุ๊กตุ๊ก
ใช้เงินทั้งหมด 150 บาท ใช้เวลา 15
นาที
-
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ เขตมีนบุรี, เขตสะพานสูง
เดินทางจากสำนักงานเขตโดยแท็กซี่ > ท่าเรือศรีบุญเรือง -
ประตูน้ำ > เดิน ใช้เงินทั้งหมด 145
บาท ใช้เวลา 40 นาที
ภายหลังจากชาเลนจ์ดังกล่าวเสร็จสิ้น
ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย
ได้ร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยภายใต้แคมเปญ
‘เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที’
เพื่อย้ำถึงปรัชญาหลักของพรรคในการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส
นางสาวแพทองธาร
ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยกล่าวทักทายพี่น้องประชาชนผ่านทางวิดีโอคอลว่า
ตอนนี้ตนกำลังเตรียมพร้อมร่างกาย เพื่อกลับไปพบกับพี่น้องประชาชนในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้เสนอยุทธศาสตร์การเลือกตั้งด้วยการแลนด์สไลด์ให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว
เพื่อล้มอำนาจ ส.ว. 250 เสียง ไม่เปิดโอกาสให้รัฐบาลผลพวงรัฐประหารได้มีโอกาสกลับมามีอำนาจอีก
การแลนด์สไลด์จะทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้ดำเนินทุกนโยบายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
เพราะนโยบายของเพื่อไทยที่คิดใหญ่ เพื่อแก้วิกฤตต่าง ๆ ตั้งแต่ ปัญหาฝุ่น PM2.5 ปัญหาค่าครองชีพ และคืนโอกาส คืนชีวิตให้ประชาชน และที่สำคัญคือ
พรรคเพื่อไทยไม่เอารัฐประหารและผลพวงที่เกิดจากรัฐประหาร เพราะพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นใจประชาธิปไตยมาตลอด
“โอกาสของพี่น้องประชาชนมาถึงแล้ว วันที่ 14 พ.ค.
เข้าคูหากาเบอร์ 29 ให้พรรคเพื่อไทย และ เบอร์ ส.ส.
เขตจากพรรคเพื่อไทย ให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน
เพื่อไทยพร้อมแล้วที่จะเป็นรัฐบาลที่มาจากอำนาจอธิปไตยของประชาชนทุกคน”
นางสาวแพทองธาร กล่าว
นางสาวจิราพร
สินธุไพร ผู้สมัคร ส.ส. ร้อยเอ็ด เขต 5 เบอร์ 3 พรรคเพื่อไทย
กล่าวว่า การมายืนปราศรัยอยู่ใจกลางพารากอน กรุงเทพฯ ทำให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำ
กระจุกตัวของความเจริญอย่างชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบกับทุ่งกุลาร้องไห้
จังหวัดร้อยเอ็ดบ้านของตน ซึ่งที่นี่มีระบบขนส่งสาธารณะสะดวก รถไฟฟ้า รถเมล์
ขณะที่บ้านตนเองนั้นเดินทางยากลำบาก เดินทางใช้เวลานาน
พรรคเพื่อไทยเคยมีนโยบายส่งเสริมให้ต่างจังหวัดมีโอกาสเติบโต ตั้งแต่สมัย
ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ไปลงพื้นที่รับฟัง “อาจสามารถโมเดล”
โครงการกองทุนหมู่บ้านที่เป็นทุนสร้างอาชีพ โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ส่งคนร้อยเอ็ดไปเรียนต่างประเทศสร้างอนาคต แต่โอกาสดี ๆ
ของคนร้อยเอ็ดก็ถูกตัดขาดลงไปด้วยการรัฐประหาร และในช่วงรัฐประหารก็กลายเป็นยุคทองของทุนผูกขาด
ประชาชนถูกเอาเปรียบทางเศรษฐกิจ ยากลำบาก ถูกตัดโอกาสการศึกษา
ตัดหนทางทำมาหากิน ดังนั้น
การกาพรรคเพื่อไทย ไม่ได้แค่กาให้เพื่อไทย แต่กาให้กับความหวัง ความฝัน
และโอกาสอย่างเท่าเทียม
นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์
จินตโสภณ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เขต 3 เบอร์ 5
กล่าวว่า ทุกคนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง
และการเปลี่ยนแปลงที่ตนเองอยากเห็นคือการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
ซึ่งจากสถานการณ์โควิด-19
ที่ผ่านมาส่งผลกระทบอย่างอย่างน่าตกใจให้พี่น้องในภาคบริการ ดังนั้น
วันนี้พรรคเพื่อไทยขออาสาเปิดประตู 3
บานใหม่เพื่อสร้างและรองรับเม็ดเงินรายได้จากการท่องเที่ยว ประตู 3 บานดังกล่าว ได้แก่
ประตูบาน
1 คือ Festival Hub of Asia เทศกาลไทยไปไกลถึงระดับโลก
โดยจะส่งเสริมเทศกาลด้านวัฒนธรรม สร้างเทศกาลด้านผลไม้และเกษตรกรรม ประตูบาน 2 คือ ต้องเป็น Wellness Destination ส่งเสริมการท่องเที่ยวด้านการแพทย์และสุขภาพ
นักท่องเที่ยวมาไทยจะได้ทั้งท่องเที่ยวและดูแลสุขภาพได้ในเวลาเดียวกัน และประตูบาน
3 คือ Regional Transport Hub ศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาค
เราจะเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชน ตั้งแต่ทางเครื่องบิน เชื่อมต่อรถไฟฟ้า รถไฟ
ไปจนถึงระบบขนส่งสาธารณะในทุกจังหวัดท่องเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรอง
และเมื่อประตู 3 บานนี้เปิด ก็จะสร้างรายได้ขยายเศรษฐกิจให้พี่น้องอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจากพรรคเพื่อไทย
นายอรรฆรัตน์
นิติพล ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เขต 21 เบอร์ 13
กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับ SME เพราะเรารู้ว่าธุรกิจ
SME ที่มีมากกว่า 3 ล้านธุรกิจนั้น
มีการจ้างแรงงานมากถึง 85%
และแต่ละธุรกิจมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ดังนั้น
หมายความว่าเงินของกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท
ที่จะลงไปหาคนเหล่านี้เป็นจำนวนมหาศาลและนี่เป็นแค่ยอดน้ำแข็งบนพีรามิดเท่านั้น
เพราะข้างล่างของน้ำแข็งคือเรื่องราวของระบบเทคโนโลยีบล็อกเชน
ที่เป็นพื้นฐานของข้อมูลการค้าขายของทุกคน จะได้รับการดูแลอำนวยความสะดวก
ง่ายที่สุด หากคุณไปทำทำธุรกิจเล็ก ๆ ต้องไปขอเอกสารที่หนึ่ง ขอใบอนุญาตอีกที่หนึ่ง
กี่วันจบ แต่พรรคเพื่อไทยมีโครงการรัฐบาลดิจิทัล จัดจุดบริการแบบ One stop
service จบทุกอย่างในวันเดียว
ไม่ต้องมาเซ็นบัตรประชาชนบนกระดาษอีกต่อไป
นางสาวธีรรัตน์
สำเร็จวาณิชย์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับปัญหาฝุ่น PM2.5
อย่างมาก เพราะวันนี้พี่น้องภาคเหนือยังผจญปัญหาฝุ่นอยู่
ซึ่งอากาศสะอาดเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรจะได้รับ
แต่วันนี้ทุกคนกลับต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัว
กลัวที่จะไม่กล้าแม้แต่หายใจและสูดลมหายใจที่มีฝุ่นพิษเข้าไปมันจะไม่เกิดกับคนไทยอีกเมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล
ผู้สร้างมลภาวะจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
ผู้บริหารประกอบการภาคอุตสาหกรรมต้องมีจิตสำนึกสร้างอากาศบริสุทธิ์ไปด้วยกัน
เราจะผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด ฉบับประชาชนในรัฐบาลหน้ าเพราะพรรคเพื่อไทยใส่ใจสุขภาพประชาชน
รวมถึงการยกระดับบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกโรงพยาบาล
รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกใหักับเด็กผู้หญิงทุกคนอีกด้วย
นายดนุพร
ปุณณกันต์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลายปีนี้ปัญหาพี่น้อง
กทม.ยังวนอยู่เรื่องเดิมไม่ว่าจะเศรษฐกิจปากท้อง ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะขออาสานำเสนอนโยบายเพื่อพี่น้อง
กทม.คือ 1.
นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
พรรคเพื่อไทยจะเข้ามาดูทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ต้องเปลี่ยนเป็นรถเมล์ไฟฟ้า 10 บาทตลอดสาย 2. กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อวางโครงสร้าง Digital economy เพื่ออนาคต 3. ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท/วัน เงินเดือนปริญญาตรีเริ่มต้น
25,000 บาท ภายในปี 2570
พรรคเพื่อไทยจะพาคนไทยก้าวข้ามความยากลำบากและหลุมดำแห่งความจน
พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้วที่จะคิดใหญ่ทำเป็นเพื่อคนไทยทุกคน เพราะนโยบายดี ๆ ใคร ๆก็ทำได้
แต่พรรคที่ทำได้จริงคือ พรรคเพื่อไทย
นางสาวสกาวใจ
พูนสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เขต 13 เบอร์ 4 กล่าวว่า วันนี้ชายไทยอายุ 20 ปี เจอ
“ใบเดียวชีวิตเปลี่ยน” เพราะฤดูเกณฑ์ทหาร ต้องไปจับใบดำใบแดง
ซึ่งเป็นการทำลายโอกาสทางชีวิต เศรษฐกิจ อาชีพ ของคนต้องถูกไปเกณฑ์ทหาร พรรคเพื่อไทยจึงเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
เปลี่ยนเป็นรับสมัครแบบสมัครใจ เพื่อจะได้พัฒนาฝึกอาชีพ
ฝึกฝนวิชาความรู้ให้มีคุณภาพ ไม่ถูกบังคับ
และยกระดับคุณภาพชีวิตของทหารให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น เมื่อทหารเป็นทหารมืออาชีพแล้ว
ก็จะไม่มาทำรัฐประหาร เพราะการรัฐประหารควรโดนข้อหากบฎและยึดทรัพย์
คดีไม่มีอายุความ รัฐประหารคืออาชญากรรม ผู้รัฐประหารคืออาชญกร
พรรคเพื่อไทยประกาศไม่เอารัฐประหาร
ทั้งนี้
ภายในงานมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร
ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
รวมทั้งกลุ่มผู้เข้าประกวดนางงามจากเวที Beach men Thailand ,Mrs.Internation ด้วย
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66