วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2566

"หมออ๋อง" แถลงชี้แจงและกำหนดท่าที หลังจากพรรคก้าวไกลมีมติขับออกจากพรรค

 


“หมออ๋อง” แถลงชี้แจงและกำหนดท่าทีหลังจากพรรคก้าวไกลมีมติขับจากพรรค


วันนี้ (29 กันยายน 2566) ที่อาคารรัฐสภา ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 แถลงข่าวสืบเนื่องจากพรรคก้าวไกลมีแถลงการณ์และมีมติของทางพรรคได้ขับ  “ปดิพัทธ์” ออกจากการเป็นสมาชิก โดยวันนี้จะมีการชี้แจงและกำหนดท่าทีหลังจากนี้ไป


โดยปดิพัทธ์กล่าวว่า “สืบเนื่องตั้งแต่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดทางให้ที่ประชุมใหญ่ของพรรคก้าวไกลได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ เพื่อให้พรรคก้าวไกลสามารถทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเงื่อนไขนี้ทำให้ผมไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นรองรองประธานสภาในฐานะสมาชิกพรรคก้าวไกลได้”


แม้อีกทางเลือกหนึ่งคือการลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ เพื่อกลับไปเป็น แต่หลังจากการพิจารณาอย่างถ้วนถี่ ถ้าเลือกการลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ จะส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนวาระที่ผมได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับประชาชนและสภาผู้แทนราษฎร เพราะฉะนั้นผมจึงตัดสินใจหลังจากที่พรรคก้าวไกลได้มีกรรมการบริหารชุดใหม่ ผมจึงแสดงความจำนงว่าผมต้องการจะทำหน้าที่ในฐานะรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ต่อไป ทำให้ผมไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลได้อีกต่อไป


ปดิพัทธิ์ ได้กล่าวถึงเหตุผลที่ใช้ประกอบการตัดสินใจมีอยู่ 3 ส่วน ประการแรก ต้องการใช้วาระที่เหลือของสภานี้ ขับเคลื่อนนโยบายเพื่อยกระดับการทำงานของสภาผู้แทนราษฎรให้มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพสูง และเป็นของประชาชนตามที่ตนได้แถลงเอาไว้แต่ต้น


เรื่องสภาที่โปร่งใสนั้น ปดิพัทธ์ระบุว่าจะขับเคลื่อนให้มีการจัดเก็บและเผยแพร่ข้อมูลตามมาตรฐานสากล รวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวกับการทำงานของสภาทุกอย่าง เพื่อทำให้ทุกภาคส่วน สามารถนำไปวิเคราะห์ได้ และเป็นรูปแบบของ machine readable (แนวทางการจัดเก็บข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ต่อได้) ทั้งหมด เช่น ในสภานะของร่างกฎหมาย ผลการลงมติ รายงานประชุม งบประมาณสภา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องทำให้โปร่งใสให้ได้


และในปีหน้า เมื่อมีความพร้อมในการตรวจรับสภามากขึ้น ปดิพัทธ์จะยกระดับการตรวจจับใบหน้า หรือ ‘face detection’ เพื่อป้องกันปัญหาการเสียบบัตรแทนกันในสภา


ส่วนของสภาประสิทธิภาพสูง ปดิพัทธ์กล่าวว่า จะขับเคลื่อนให้สภานำเทคโนโลยีทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน ผ่านการออกนโยบาย ‘cloud first policy’ นำไปสู่การประหยัดต้นทุนด้านธุรการและความปลอดภัยในการเก็บเอกสาร


ทั้งปดิพัทธ์ยังต้องการที่จะขับเคลื่อนสภา โดยคิดถึงความยั่งยืนในการบริหารจัดการ ส่งเสริมการผลิตและใช้พลังงานสะอาดในอาคารรัฐสภา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่และผู้ใช้บริการในการใช้ยานพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด


ในส่วนสภาของประชาชน ที่ปดิพัทธ์กล่าวถึงนั้น ก็จะเป็นการขับเคลื่อนให้สภายึดโยงกับประชาชนและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเมืองไทยในระบบรัฐสภา ผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน การเปิดใช้พื้นที่รองรับกิจกรรมและการแสดงออกทางการเมือง อย่างลานประชาชนจะเปิดใช้ในวันที่ 10 ธันวาคมนี้


ปดิพัทธ์กล่าวต่อว่า ต้องการขับเคลื่อน ‘สภาสรรจร’ เพื่อนำพากลไกลของสภาไปใกล้ชิดกับประชาชนทุกพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง หรือผู้ที่อยู่ชายขอบซึ่งเป็นพลเมืองของประเทศไทย และจะเดินหน้าในการตรวจรับสภาให้ไม่มีการทุจริต ให้มีความรับผิดชอบต่อความล่าช้า และจะทำให้ประชาชนรู้ว่างบประมาณจากภาษีของประชาชนนั้นเป็นประโยชน์ของใคร


ข้อที่ 2 ปดิพัทธ์ยังต้องการปฏิบัติหน้าที่รองประธานสภาอย่างเป็นกลางต่อทุกพรรคการเมืองในสภาและต่อประชาชนทุกชุดความคิดไม่ว่าตนจะสังกัดพรรคใดก็ตาม ดังนั้นการที่ต้องเปลี่ยนพรรคต้นสังกัดจึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อหน้าที่และแผนงานในฐานะรองประธานสภา


ข้อที่ 3 มั่นใจว่าพรรคก้าวไกลมีบุคลากรและมีความพร้อมในการจะดูแลความทุกข์ร้อนของงประชาชนชาวพิษณุโลกเขต 1 แน่นอน โดยเขาจะยังเป็น สส.ที่ได้รับความไว้วางใจจากชาวพิษณุโลก และการตัดสินใจครั้งนี้ตนก็ได้สอบถามพี่น้องประชาชนในเขตและทั่วประเทศอย่างคร่าว ๆ เรียบร้อยแล้ว “ผมมั่นใจว่าการทำหน้าที่ในการเป็นร้องประธานสภาฯ ของตนนั้น เป็นประโยชน์ต่อการดูแลทุกข์สุขของชาวพิษณุโลกเฉกเช่นเดิม “


แต่ในการทำงานในฐานะพรรค พรรคจะต้องตัดสินใจเอง และปดิพัทธ์เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะมีบุคลการในฐานะของพรรคก้าวไกลในพิษณุโลกเขต 1 ได้ ซึ่งพรรคยังมี สส.พรรคก้าวไกลในพิษณุโลกอีก 1 คน และทีมงานที่อยู่กับทีมจังหวัดของพิษณุโลก ก็จะทำงานร่วมกับตนเหมือนที่เคยรับผิดชอบมาก่อน


ปดิพัทธ์กล่าวต่อว่า “ผมขอน้อมรับมติของพรรคก้าวไกลที่ต้องการทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้สมบูรณ์แบบ และพรรคก้าวไกลได้ตัดสินใจให้สมาชิกภาพของผมในฐานะสมาชิกก้าวไกลนั้นได้ยุติลง"


จากนี้เป็นต้นไปนะครับ ไม่ว่าผมจะไปสังกัดพรรคการเมืองใด ผมจะผลักดันการทำงานของสภาอย่างเต็มที่ ตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาเอาไว้ ในฐานะรองประธานที่เป็นกลางต่อทุกพรรคและเป็นรองประธานสภาฯ ของพี่น้องประชาชนทุกคนครับ” ปดิพัทธ์กล่าวในที่สุด


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #หมออ๋อง #ก้าวไกล