“ปลอดประสพ”
นำทีมเพื่อไทยลุยหาเสียง-จับเข่าคุย ทุกข์ของคนบางขุนเทียน ชี้ปัญหาฝุ่น PM2.5
รัฐบาลต้องตั้งใจ ข้าราชการประจำต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ลั่นภายในปีเดียวหลังเป็นรัฐบาลแก้ปัญหาอย่างเห็นผลแน่
เผยพร้อมเอาบางขุนเทียนกลับมา เล็งสร้างเกาะคล้ายสร้อยไข่มุกสยาม
ป้องกันน้ำทะเลกัดเซาะ
วันที่
9 พฤษภาคม 2566 แกนนำพรคเพื่อไทย นำโดยนายปลอดประสพ สุรัสวดี
ประธานคณะกรรมการนโยบายที่ดินและสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย
ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย พร้อมนายประภัสร์ จงสงวน แกนนำพรรคเพื่อไทย, นายอุเมส
ปานเดย์ แกนนำภาค กทม. และนายศรัณยสัณฑ์ วีรกุลสุนทร ผู้สมัคร ส.ส.กทม.
เขตบางขุนเทียน (เฉพาะแขวงท่าข้าม) และเขตจอมทอง (ยกเว้นแขวงบางขุนเทียน)
พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่หาเสียงที่บริเวณตลาดคลองพิทยาลงกร เขตบางขุนเทียน ทั้งนี้
แกนนำและผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย
ยังนั่งรถสามล้อไฟฟ้าเพื่อไปตรวจพื้นที่ทะเลบางขุนเทียน ผ่านป่าชายเลน
และรับเรื่องร้องเรียนจากประธานชุมชนที่อาศัยอยู่ริมทะเล รวมถึงเครือข่าย 7
จังหวัดประสบน้ำทะเลกัดเซาะ ณ สะพานรักษ์ทะเล
ที่ขอให้ผลักดันการก่อสร้างคันหินป้องกันน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียนให้ด้วย
เพื่อรักษาที่ดินและการดำรงชีวิตการเกษตร
รวมถึงอาชีพประมงของชาวฝั่งทะเลบางขุนเทียน
จากนั้น
แกนนำพรรคเพื่อไทยได้ออกเดินทางไปเขตจอมทอง
เพื่อตรวจสอบการก่อสร้างบริเวณริมถนนพระราม 2 ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดฝุ่น
PM2.5 โดยประธานชุมชนจอมทอง พร้อมด้วยประชาชนในชุมชนกว่า 100 คน
ได้เดินทางมาร้องเรียนปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5
เพื่อขอให้พรรคเพื่อไทยช่วยแก้ปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5
ให้กับชาวบ้านเป็นเรื่องเร่งด่วนทันทีที่พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งและได้เป็นรัฐบาลอีกด้วย
นายปลอดประสพ
กล่าวว่า ปัญหาฝุ่น PM
2.5 ในระยะยาวอาจส่งผลอันตรายถึงชีวิตได้ โดยมีที่มาจาก 2 แหล่งคือ
1.ในเมืองใหญ่ และ 2.ในพื้นที่ชนบท ซึ่งในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ นั้น
จากการศึกษาพบว่า สาเหตุส่วนใหญ่มาจากรถยนต์ถึง 70% ที่เกิดจากการสันดาปไม่สมบูรณ์
และเป็นรถบรรทุกมากกว่ารถยนต์นั่ง นอกจากนี้ยังเกิดจากต่างประเทศ
โดยลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดฝุ่นจากการเผาซางข้าวโพดมาจากประเทศกัมพูชา
รวมถึงการที่กรุงเทพฯ อยู่ติดทะเล ดังนั้นไอเกลือก็จะผสมมาด้วย
โดยไอเกลือจะจับฝุ่น PM 2.5 ไม่ให้เคลื่อนย้ายไปไหน ดังนั้น
วิธีแก้ ในกรุงเทพฯ จึงต้องแก้จากต้นตอ คือ 1.เอารถไฟฟ้ามาแทน
ทั้งรถโดยสารประจำทางและรถยนต์ส่วนตัว โดยรถโดยสารประจำทางนั้น
รัฐบาลจะต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่าย ส่วนรถยนต์ส่วนตัวรัฐบาลก็จะต้องช่วย
โดยอาจจะลดภาษีหรือลดราคา สำหรับปัญหารถติดในกรุงเทพฯ นั้นก็ต้องไม่ให้รถติด
โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดใหญ่ๆ
เราจะต้องทำถนนสายพิเศษให้รถบรรทุกเหล่านี่วิ่งเข้าออกไปจนถึงท่าเรือคลองเตยเพื่อไม่ให้เกิดรถติด
เป็นต้น ขณะที่ต่างประเทศเราก็ต้องเจรจากับประเทศกัมพูชา
เพื่อไม่ให้มีการเผาซางข้าวโพดในช่วงลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดมาด้วย อย่างไรก็ตาม
เราเคยทำการศึกษากับนาซ่า ที่เขาจะมาช่วยศึกษาเกี่ยวกับเรื่องไอทะเล
แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คัดค้าน เพราะกลัวว่าประเทศจีนจะเข้าใจประเทศไทยผิด
ไม่เช่นนั้นเวลานี้เราคงมีความรู้เรื่องไอทะเลมากกว่านี้ไปแล้ว
นายปลอดประสพ
กล่าวต่อว่า สำหรับต่างจังหวัด โดยเฉพาะในภาคเหนือ 70% เกิดจากการเผาซางข้าวโพด
ซึ่งส่วนมากมาจากประเทศพม่าหรือประเทศลาว ดังนั้น
การดำเนินการในเรื่องนี้จะต้องบังคับบริษัทของประเทศไทยที่ไปทำธุรกิจอยู่ในประเทศเหล่านี้
ต้องควบคุมหรือใช้การลงโทษโดยการขึ้นภาษีหรือไม่ให้นำเข้า ซึ่งมีอยู่ประมาณ 5
บริษัท เพราะเรื่องนี้เรามีความตกลงระหว่างประเทศอยู่แล้ว
เกี่ยวกับการปฏิบัติทางการเกษตรที่ถูกต้อง
รวมทั้งยังมีข้อตกลงในอาเซียนไม่ให้มลพิษทางอากาศลอยข้ามประเทศ
กรณีเผาปาล์มน้ำมันด้วย โดยอาจจะลงโทษด้วยการเก็บภาษีหรือไม่ให้นำเข้า
ตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่จะมีขึ้นในอนาคตหากใครก็ตามที่ทำให้เกิดมลพิษ จะต้องจ่าย
ขณะที่ในประเทศไทยเองที่มีการเผาเราก็ต้องไม่ให้เผาเช่นกัน
โดยจะใช้วิธีเชิญชวนให้เปลี่ยนมาปลูกต้นไม้ยืนต้นแทน ซึ่งมีชาวเขาประมาณ 20,000
ครอบครัวที่ปลูกข้าวโพด จะให้ครอบครัวเหล่านี้หันมาปลูกต้นไม้ยืนต้นแทน
โดยจะแจกโฉนดให้เพื่อให้เปลี่ยนมาปลูกไม้ยืนต้นแทน
เชื่อว่าจะช่วยลดการเผาป่าในเมืองไทยได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเองจะต้องทำงานหนักกว่านี้
ขณะที่กระทรวงมหาดไทยก็ต้องเข้ามาช่วยด้วย โดยการรื้อฟื้นสำนักควบคุมไฟป่าขึ้นมาใหม่
แล้วจ้างชาวบ้านในพื้นที่ให้เข้ามาช่วยกันดูแลป่าไม้จากไฟป่าเหล่านี้
“พรรคกำลังคิดที่จะตั้ง
“เกษตรกลวิธาน” หรือการนำเครื่องมือกลเข้ามาใช้
ซึ่งจะเข้ามาช่วยทำหน้าที่ฝังกลบให้ ซึ่งนอกจากจะลดการเผาแล้ว ยังจะทำให้เนื้อดินดี
ร่วนซุย และอุ้มน้ำ ทั้งนี้ เชื่อว่าฝุ่น PM 2.5 ในต่างจังหวัดนั้น
ถ้าเจรจากับต่างประเทศ ควบคุมการเผาได้
ภายในปีเดียวหลังจากเป็นรัฐบาลจะเห็นผลแน่นอน แต่รัฐบาลต้องตั้งใจ
และข้าราชการประจำต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ส่วนในกรุงเทพฯ
อาจจะต้องใช้เวลาหน่อย เพราะจะต้องมีการก่อสร้างขนาดใหญ่
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีพรรคไหนเคยพูด แต่ผมพูดได้เพราะปฏิบัติเอง
และเรื่องนี้รัฐบาลพร้อมทำทันที” นายปลอดประสพ กล่าว
นายปลอดประสพ
ยังกล่าวถึงแนวทางการป้องกันน้ำท่วมประเทศไทยด้วยว่า
เนื่องจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นซึ่งเป็นแบบนี้กันทั่วโลก ถ้าไม่ทำอะไรเลยภายใน 20
ปีจากนี้ไป ประเทศไทยจะสูญเสียพื้นที่กว่า 1.5 หมื่นตารางกิโลเมตร
ตั้งแต่จังหวัดลพบุรีลงมา รวมถึงชลบุรี และกาญจนบุรีด้วย
คนจะไม่มีที่อยู่อาศัยกว่า 15-20 ล้านคน
ซึ่งความเสียหายจะมากกว่าเมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่หลายเท่า ดังนั้น เรื่องนี้เรายอมไม่ได้
ลงทุนแค่ไหนก็ต้องทำ เพราะอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นทำให้น้ำทะเลสูงขึ้นอย่างแน่นอน
เวลานี้ทั่วโลกที่เป็นเมืองชายทะเล ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซียหรือพม่า
ก็ย้ายเมืองหลวงกันไปก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่อังกฤษ เนเธอร์แลนด์
และสหรัฐอเมริกาก็กำลังสู้อยู่ ดังนั้น ประเทศไทยก็ต้องสู้
ไม่เช่นนั้นภาคกลางจะจมทะเล โดยเราจะทำในทะเลเหมือนกับประเทศเนเธอร์แลนด์
ที่เรียกว่าเดลตาร์เวิร์ค จะสร้างเป็น 9 เกาะ เริ่มตั้งแต่จังหวัดสมุทรสาคร
ร้อยเรียงกันไปเหมือนสร้อยไข่มุกสยาม แต่ละเกาะจะมีพื้นที่ประมาณ 30 คูณ 20
กิโลเมตร ซึ่งเท่ากับว่าประเทศไทยจะมีพื้นที่เพิ่มขึ้น
เป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยจุดแรกที่จะทำคือที่บางขุนเทียน
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของฝั่งตะวันตก
และเป็นจุดเริ่มต้นของภาคกลางที่มีพื้นที่ต่ำสุด
รวมทั้งอ่อนแอต่อการกัดเซาะมากที่สุด เราจึงต้องเอาบางขุนเทียนกลับมา
นายปลอดประสพ
กล่าวอีกว่า การทำสิ่งเหล่านี้เป็นโครงการที่ใหญ่มากนับตั้งแต่มีประเทศไทยมา
ซึ่งอาจจะเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะจะเป็นการเปลี่ยนระบบนิเวศวิทยา
อาจจะกระทบต่อการไหลของกระแสน้ำ อาจจะกระทบต่อการวางไข่ของกุ้ง หอย ปู ปลาได้
ดังนั้น ในปีแรกหากเราเป็นรัฐบาล จะใช้มหาวิทยาลัย 2 กลุ่ม
มีบริษัทที่ปรึกษาเป็นพี่เลี้ยง ให้ไปทำการทบทวนสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องหรือไม่
เกิดปัญหากระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ จากนั้นเราจะเลือกผลการศึกษาที่ดีที่สุดมาทำ
ทัั้งนี้ เกาะที่เกิดขึ้นเช่น บางขุนเทียน เราจะทำให้อุตสาหกรรมประมงฟื้นตัวกลับมา
เพราะอุตสาหกรรมประมงของสมุทรสาครเราจะย้ายมาที่เกาะใหม่นี้
ท่าเทียบเรือก็จะย้ายมาที่นี่
และยังอาจจะกลายเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจแห่งใหม่ของคนกรุงเทพฯ ได้ เพราะจะมีทั้งถนน
ทางด่วน และรถไฟฟ้าเข้ามา ซึ่งเป็นการสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ขึ้นมา อย่างไรก็ตาม เกาะแรกนั้นอาจจะใช้เวลา
3-4 ปี จากนั้นจึงค่อยๆ ทำเกาะอื่นๆ ต่อไปตามสภาพความเป็นจริง
โดยระหว่างเกาะก็จะทำประตูน้ำเชื่อมด้วย
ซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวที่จะปกป้องคุณ เพราะถ้าไม่ทำอันตรายแน่
และอาจจะเร็วกว่าที่คุณคิดด้วย
“วันนี้ในตลาดเราจะเห็นว่ามีทั้งปลาทูตัวเล็กและปลาทูตัวใหญ่
โดยปลาทูเล็กเป็นปลาทูไทย ส่วนตัวใหญ่จะเป็นปลาทูอินเดีย
ซึ่งเมื่อก่อนเราไม่เคยสั่งปลาทูใหญ่เข้ามาในประเทศไทยหรอก
แต่ตอนนี้ต้องสั่งเข้ามา เพราะพล.อ.ประยุทธ์ทำประมงไทยเจ๊งหมด วันนี้ถ้าเรากลับมา
ปลาทูอินเดียจะไม่มี จะมีแต่ปลาทูไทย และที่อินเดียเองก็จะมีแต่ปลาทูไทยด้วยเหมือนกัน”
นายปลอดประสพ กล่าว
***ซัดแรง
กกต. เลือกตั้งล่วงหน้าเฮงซวย
ช่วงหนึ่งระหว่างการลงพื้นที่
นายปลอดประสพ สุรัสวดี ยังกล่าวถึงความผิดพลาดในการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าของ
กกต. จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย โดยเอ่ยทันทีว่า “เฮงซวย”
ก่อนเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง ที่พบมีรายชื่อปริศนาเพิ่มมาหนึ่งคน
ทั้งที่ตนอาศัยอยู่กับบุตรเพียงแค่สองคนเท่านั้น
ซึ่งเบื้องต้นได้มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาแล้วว่าเกิดข้อผิดพลาดจากการส่งไปรษณีย์ผิด
“นี่ปลอดประสพ อดีตรองนายกรัฐมนตรีนะ คุณยังกล้าทำ
แล้วตาสีตาสาคุณจะไม่กล้าทำหรือ”
ถามต่อถึงการเกิดข้อผิดพลาดหลายกรณี
อาจเสี่ยงถูกคนร้องให้การเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นโมฆะด้วยหรือไม่ นายปลอดประสพ
ตอบว่าไม่รู้ ตนไม่อยากเดา ก่อนตำหนิต่อว่าการทำงานของ กกต. ต่อว่า “ไม่ได้เรื่อง
ไปดูงานทำไมแต่ละองค์ บางองค์เป็นลูกน้องเก่าผมนะ อย่าให้เอ่ยชื่อ
เดี๋ยวจะโทรถามว่าจงใจรึเปล่า และอย่าตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องเท็จว่าเกิดครั้งเดียว
ครั้งหน้าไม่เกิดอีก ตนไม่เชื่อ”
เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นในการทำงานของ
กกต. นายปลอดประสพ ถามกลับมายังผู้สื่อข่าวว่าใครนะ ก่อนบอกว่า “ยังมีอยู่หรือ”
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าหากการเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นโมฆะจะส่งผลเสียต่อพรรคการเมืองหรือไม่
นายปลอดประสพ กล่าวติดตลกว่า
“ถ้าหากโมฆะเพราะ กกต. ก็กระทืบ กกต.”
“ขอให้ประชาชนออกมาเลือกตั้งเยอะ
ๆ แล้วก็ต้องเลือกพรรคเพื่อไทย ต้องเลือกพรรคการเมืองที่ชนะแน่ ๆ และชนะเยอะ ๆ
ถึงจะเปลี่ยนความตกต่ำของ 8 ปีที่ผ่านมาได้ ต้องเลือกแบบมียุทธศาสตร์”
นายปลอดประสพ กล่าวทิ้งท้าย
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66