แรงไม่แผ่ว
นนทบุรีแตกอีกแล้ว! ‘ก้าวไกล’ ประกาศชิงชัยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เน้นความชัด-พร้อม-ตั้งใจทำงาน ‘พิธา’ ลั่น ใช้การเมืองสร้างสรรค์ ไม่ประมาท
ไม่สาดโคลน ‘ปิยบุตร’ สวน ‘วิษณุ’ รัฐบาลเสียงข้างน้อยอยู่ไปกลายเป็นเสียงข้างมาก
ถ้าลองทำเดี๋ยวจะรู้นรกมีจริง
วันที่
4 พฤษภาคม 2566 พรรคก้าวไกลจัดเวทีปราศรัยใหญ่
‘นนทบุรีตรงไป ก้าวไกลตรงมา’ ที่ตลาดนกฮูก จ.นนทบุรี นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล
พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้แก่ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร, วรรณวิภา ไม้สน, วาโย อัศวรุ่งเรือง, กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี, สุเทพ อู่อ้น และ ณธีภัสร์
กุลเศรษฐสิทธิ์
โดยเวทีปราศรัยนี้เป็นอีกครั้งที่มีประชาชนเข้าร่วมอย่างล้นหลามเต็มพื้นที่ สะท้อน
‘ปรากฏการณ์ก้าวไกล’ ที่พรรคก้าวไกลและพิธาได้รับความนิยมพุ่งสูงต่อเนื่อง
[
วางความกลัวไว้ข้างหลัง วางความหวังไว้ข้างหน้า ]
วรรณวิภากล่าวว่า
เราผ่านความเจ็บปวดของแรงงาน จนกลั่นกรองมาเป็นนโยบาย
พรรคก้าวไกลเสนอการสร้างสวัสดิการถ้วนหน้า
ซึ่งเรามั่นใจว่าหลังจากนี้จะไม่มีพรรคการเมืองใดกล้าลดสวัสดิการของพี่น้องประชาชนแน่นอน
รับปากได้ว่าสภาฯ ชุดใหม่เปิดเมื่อไร ร่างกฎหมายทั้ง 40 ฉบับของพรรคก้าวไกลจะเข้าสู่สภาฯ
ทันที ที่ผ่านมาเราเคยมีรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานเป็นตำรวจ เป็นนายพล
แล้วทำไมจะมีรัฐมนตรีแรงงานที่เป็นแรงงานตัวจริงไม่ได้ ดังนั้นวันที่ 7 และ 14 พฤษภาคมนี้ ประชาชนจะได้มีสิทธิมีเสียงเท่ากัน
อย่าให้ใครมาปล้นอำนาจของเราไป
หากทุกคนมีความฝันธรรมดาเรียบง่ายเหมือนพวกเราที่ต้องการเห็นประเทศที่การเมืองดี
ปากท้องดี มีอนาคต ไม่ต้องคิดอะไรซับซ้อน วางความกลัวไว้ข้างหลัง
วางความหวังไว้ข้างหน้า กาก้าวไกล 2 ใบให้ถล่มทลาย
[
ก้าวไกลต้องเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล เข้าไปทำเรื่องยากให้สำเร็จ ]
ต่อมาปิยบุตรขึ้นปราศรัย
กล่าวว่า พรรคก้าวไกลได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความพร้อมในการเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ
ไม่ใช่เพียงมีแผนงานโรดแมปในการขับเคลื่อนนโยบาย
แต่ยังเป็นพรรคของมวลชนที่ไม่ต้องเกรงใจใคร เกรงใจคนเดียวคือประชาชน
ถึงเวลาก็สามารถเข้าไปแก้ปัญหาที่ต้นตอได้ ทั้ง 300 นโยบายของพรรคก้าวไกลจะเปลี่ยนประเทศไทย
โดยเห็นได้ว่าข้อเสนอการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต เป็นเรื่องยากๆ ทั้งนั้น
เพราะต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560
เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
กระจายอำนาจปลดล็อกท้องถิ่นซึ่งเป็นการปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่
ลบล้างผลพวงรัฐประหาร เอานายพลคนทำรัฐประหารมาเข้าคุก ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปที่ดิน
ทลายทุนผูกขาด เรื่องเหล่านี้แม้เป็นเรื่องยาก แต่ไม่ทำไม่ได้
ต้องทำวันนี้เดี๋ยวนี้
“จึงจำเป็นที่พรรคก้าวไกลต้องมี ส.ส. มากเป็นอันดับหนึ่ง
เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เลือกกระทรวงสำคัญเพื่อเข้าไปบริหารเรื่องเหล่านี้
ถ้าเราไม่ได้ที่หนึ่ง เราได้ ส.ส. น้อย ไปร่วมกับคนอื่น
สวัสดิการพื้นฐานอาจไม่ได้ทำ กระจายอำนาจอาจไม่ได้ทำ ดังนั้นต้องกาก้าวไกลให้ถล่มทลาย”
ปิยบุตรกล่าว
[
เตือนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เดี๋ยวจะรู้ ‘นรกมีจริง’ ]
ปิยบุตรกล่าวว่า
เหลืออีก 10
วันก่อนหย่อนบัตร แต่ละพรรคก็มีกลยุทธ์มาแข่งขันกัน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้ยินวิษณุ เครืองาม รักษาการรองนายกรัฐมนตรีพูดว่า
โดยทั่วไปจะไม่มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ถ้าถึงเวลาจำเป็นอาจจะมีได้
และอีกสักพักจากรัฐบาลเสียงข้างน้อยจะค่อยๆ กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากเอง
“นี่มันอะไรกัน พอใกล้หย่อนบัตรก็ส่งสัญญาณกันแล้วหรือ
ตกลงว่าจะฝืนมติเสียงสวรรค์ของประชาชนไปตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เอา ส.ว.
มาหนุนใช่ไหม ถ้าอยากทำก็ลองดู เดี๋ยวจะรู้ว่านรกมีจริง รอบนี้ไม่มีใครยอมแล้ว 4
ปีที่แล้วก็ทำแบบนี้ รอบนี้พอกันที เราจะไม่ให้ ส.ว. 250 คนทำงานอีกต่อไป เราจะตั้งรัฐบาลก้าวไกล รัฐบาลเสียงข้างมากถล่มทลาย”
ปิยบุตรกล่าว
[
โต้โหวตเชิงยุทธศาสตร์ ประเทศไทยจะเป็นประชาธิปไตย ต้องเลือกแค่พรรคการเมืองเดียวหรือ?
]
ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่า
“พอรักษาการรองนายกฯ พูดแบบนี้ บางพรรคการเมืองก็เกิดตระหนกขึ้นมา
เอามารณรงค์ผ่านแคมเปญโหวตยุทธศาสตร์ แคมเปญคะแนนตกน้ำ
ด้วยการบอกว่าถ้าพรรคฝ่ายค้านเดิมหรือพรรคที่แสดงจุดยืนต่อต้านรัฐประหาร มาแข่งกันเองมากๆ
ตาอยู่จะคว้าพุงปลาไปกิน เราจะแพ้กันหมด
สาธยายเต็มไปหมดเพื่อนำไปสู่บทสรุปว่าต้องโหวตยุทธศาสตร์ อย่าให้คะแนนตกน้ำ
โดยโหวตพรรคเขาพรรคเดียว ผมอ่านแล้วรู้สึกคุ้นๆ 4 ปีที่แล้วก็เจอแบบนี้
สงสัยว่าเลือกตั้ง 2570 จะทำแบบนี้อีกหรือไม่
สรุปว่าต่อไปนี้ ประเทศนี้จะเป็นประชาธิปไตยได้
ต้องเลือกพรรคคุณแค่พรรคเดียวอย่างนั้นหรือ”
ปิยบุตรกล่าวต่อว่า
เราต้องกลับมาทบทวนการโหวตเชิงยุทธศาสตร์ หรือเรื่องคะแนนตกน้ำ
แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร
ตอนนี้ลองดูผลสำรวจคะแนนเสียงของกลุ่มพรรคฝ่ายค้านเดิมทั้งหมด ออกมาเกิน 70% ไปแล้ว
และสำหรับพรรคก้าวไกล เรามีลุ้นทุกเขต ดังนั้น อย่าไปกลัว อย่าไปเชื่อ
ถ้ารักถ้าชอบก็กาให้ถล่มทลาย เลือกพรรคก้าวไกลไม่มีวันคะแนนตกน้ำ
โดยเฉพาะในช่วงที่คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลพุ่งขึ้นแบบนี้
ทุกคะแนนที่พี่น้องมอบให้มีคุณค่ามหาศาล เพราะเวลาที่คะแนนเบียดกันวิ่งเข้าเส้นชัย
ทุกคะแนนมีความหมาย ครั้งที่แล้วพรรคอนาคตใหม่ก็แพ้ไปเพียงนิดเดียวในหลายเขต
[
ย้ำเลือกก้าวไกลไม่มีวันคะแนนตกน้ำ ยิ่งกายิ่งเติม ]
ปิยบุตรกล่าวว่า
“ถ้ารักก้าวไกล อย่าลังเล กาก้าวไกลทั้งสองใบ ตรงไปตรงมา นอกจากช่วยเพิ่มจำนวน
ส.ส. เพื่อนำไปสู่การตั้งรัฐบาลก้าวไกลแล้ว ยังช่วยสร้างผลสะเทือนทางการเมือง
หากคะแนนทั่วประเทศของพรรคก้าวไกลขึ้นไปถึง 30-40% นี่คือการส่งสัญญาณดังๆ
ให้สะเทือนฟ้าสะเทือนดินถึงผู้มีอำนาจ
ว่าคุณรังแกเหยียบย่ำเราตั้งแต่อดีตอนาคตใหม่
จนมาถึงวันนี้ประชาชนสนับสนุนเราเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือกลุ่มก้อนพลังความคิดแบบใหม่
ที่ไม่เอาแบบอดีตที่ผ่านมาอีกแล้ว จะเดินหน้าสู่อนาคตแบบใหม่”
ปิยบุตรกล่าวอีกว่า
ถึงตอนนี้ ต้องลบเรื่องโหวตเชิงยุทธศาสตร์ เรื่องคะแนนตกน้ำออกไปจากสมอง
อย่าให้ใครเอาโครงสร้างรัฐธรรมนูญแบบนี้มาข่มขู่เราจนไม่สามารถแสดงเจตจำนงแบบที่ต้องการได้
เพราะการเลือกตั้งคือการแสดงเจตจำนง เป็นอำนาจสูงสุดที่ติดตัวเรา 4 ปีจึงได้แสดงหนึ่งครั้ง
ดังนั้น อย่ากังวลว่าต้องคิดเยอะ ยุทธศาสตร์อะไรเต็มไปหมด
เลือกก้าวไกลไม่มีคะแนนตกน้ำ ยิ่งกายิ่งเติม
ปิยบุตรทิ้งท้ายว่า
จังหวัดนนทบุรีเป็นพื้นที่สำคัญ เลือกตั้ง 2562 คะแนนรวมของอดีตพรรคอนาคตใหม่ทั้งจังหวัดสูงมาก
ครั้งนี้พวกเราขอการสนับสนุนให้พรรคก้าวไกล ถ้าเลือกยกจังหวัดทั้ง 8 เขต ก็มีโอกาสตั้งรัฐบาลก้าวไกล มีโอกาสทำให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต
เปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ไม่เหมือนเดิม
[
ประกาศพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ]
พิธาขึ้นเวทีปิดท้ายการปราศรัย
กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ตนมั่นใจกว่าโพลทุกสำนัก
คือการได้เห็นประชาชนมารวมตัวกันจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่านนทบุรีแตกแล้ว
เมื่อก้าวไกลทั้งแผ่นดินแบบนี้ คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทางเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล
จึงขอใช้เวทีนี้ประกาศต่อประชาชนว่าพรรคก้าวไกลพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เรามีทั้งความชัดเจนและความพร้อม กล่าวคือ ‘ชัด’ ในจุดยืน ‘มีลุงไม่มีเรา
มีเราไม่มีลุง’ และ ‘พร้อม’ สร้างการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต มีความตั้งใจแก้ไขปัญหาการเมืองและปัญหาปากท้องไปพร้อมกัน
เพราะทั้ง 2
อย่างคือเรื่องเดียวกัน
พิธากล่าวต่อว่า
ครั้งที่แล้วชาวนนทบุรีให้คะแนนพรรคอนาคตใหม่ถึง 160,000 คะแนน
แพ้อันดับหนึ่งเพียง 4 เปอร์เซ็นต์ ครั้งนี้มีคนรุ่นใหม่กว่า
500,000 คน เมื่อรวมกันแล้ว และเห็นบรรยากาศที่คนมาเยอะขนาดนี้
ก็ยังมีคนบอกว่าเลือกพรรคก้าวไกลแล้วคะแนนจะตกน้ำ จะเป็นไปได้อย่างไร
ตนยืนยันว่าพรรคก้าวไกลมีความพร้อมทั้งเรื่องบุคลากรและนโยบาย หากเป็นรัฐบาล
จะเปลี่ยน 8 ปีที่มืด 8 ด้าน ปิดสวิตช์
3ป ให้สำเร็จ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สร้างการเมืองแห่งความหวัง
[
ชูนโยบาย 4ค. เปลี่ยนนนทบุรี ]
พิธากล่าวว่า
สำหรับพี่น้องชาวนนทบุรีที่ยังลังเลใจ พรรคก้าวไกลมีนโยบาย 4ค.
เพื่อการเปลี่ยนแปลงนนทบุรี ประกอบด้วย (1) คราฟต์เบียร์
นนทบุรีจะกลายเป็นเมืองหลวงของคราฟต์เบียร์ ภายใน 100 วันแรก
ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะแก้กฎกระทรวงการคลัง ทำให้สุราก้าวหน้าเป็นจริง (2)
คมนาคม แก้ไข พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ให้มีรถเมล์ไฟฟ้าทั่วทั้งนนทบุรี
ราคาถูกเข้าถึงได้ 8-45 บาท (3) ค่าแรง
ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ขึ้นค่าแรงทันที 450 บาทต่อวัน
มีระบบปรับขึ้นอัตโนมัติ พร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบการ และ (4) คอร์รัปชัน นนทบุรีเป็นที่ตั้งของราชการหลายหน่วยงาน ภายใน 100 วันแรก รัฐบาลก้าวไกลทำรัฐโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลทั้งหมด ใช้ระบบ AI
จับโกง
[
กระตุ้นหัวคะแนนธรรมชาติ เร่งเดินหน้าจนกว่าถึงเส้นชัย ]
“เหลืออีก 10 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง เรามาไกลเกินกว่าจะแพ้แล้ว
ขอสื่อสารไปถึงพรรคก้าวไกลทุกคน ถึงด้อมส้ม ถึงหัวคะแนนธรรมชาติว่าอย่าแผ่ว
อย่ากระพริบตา และอย่าประมาท เราต้องเร่งและเร่งเท่านั้นเพื่อไปถึงเป้าหมายเส้นชัย
ใครสาดโคลนมาเราเช็ดออก เพราะโคลนสาดโคลนไม่ช่วยอะไร ความมืดไล่ความมืดไม่ได้
ความสว่างเท่านั้นที่จะไล่ความมืดได้ เราจะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์
เพื่อให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม การเมืองดี ปากท้องดี และมีอนาคต” พิธากล่าว
สำหรับรายชื่อผู้สมัคร
ส.ส.นนทบุรี พรรคก้าวไกล ทั้ง 8 เขต ประกอบด้วย
เขต
1 สุรพันธ์ ไวยากรณ์ เบอร์ 5
เขต
2 ปัญญารัตน์ นันทภูษิตานนท์ เบอร์ 7
เขต
3 อนุสรณ์ แก้ววิเชียร์ เบอร์ 3
เขต
4 นพดล ทิพยชล เบอร์ 2
เขต
5 ปรีติ เจริญศิลป์ เบอร์ 1
เขต
6 คุณากร มั่นนทีรัย เบอร์ 1
เขต
7 เกียรติคุณ ต้นยาง เบอร์ 7
เขต
8 นนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ เบอร์ 3
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66