ธิดา ถาวรเศรษฐ : การทวงความยุติธรรมของ
“คนเสื้อแดง” กับการตอบสนองจากพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย
หลังการแยกทางของอดีตแกนนำนปช.
และการล่มสลายของการนำรวมหมู่ ภายใต้ชื่อองค์กร นปช. ในปี พ.ศ. 2561
ก่อนการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2562
เราพบว่า
ผู้คนเสื้อแดงที่ยังรักและมีความหวังกับองค์กร นปช.
ก็ยังอยากให้ดำรงอยู่และปรับเปลี่ยนการนำ ผู้นำใหม่ (อ้างอิง : "ยูดีดีนิวส์"
เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อ นปช. ลิ้งค์ : https://udd-news.blogspot.com/search?updated-max=2021-03-22T16:04:00%2B07:00&max-results=7&start=797&by-date=false) แต่เป็นเรื่องที่ยากและเป็นไปไม่ได้ในเรื่ององค์กรนำที่จะมีการปรับเปลี่ยน
เท่ากับไม่มีภาวะนำองค์กรอีกต่อไป
เพราะองค์กรต่อสู้ทางการเมืองแบบ นปช. จำเป็นต้องมีการนำรวมหมู่และมีโครงสร้างการนำ
มีการจัดตั้งขององค์กร มีหลักนโยบายและกระบวนการขับเคลื่อนองค์กร
จึงจะทำให้การดำรงอยู่ขององค์กรและการขับเคลื่อนทางการเมืองจะเกิดขึ้นได้อย่างมีพลัง
ไม่ใช่การนำโดยบุคคลที่อาจปรับเปลี่ยนความคิด แนวทาง หนทางการต่อสู้ทางการเมืองได้
และไม่อาจเรียกร้องศรัทธาและพลังจากประชาชนได้เมื่อไม่มีภาวะนำจากการนำรวมหมู่
ไม่มีการขับเคลื่อนการนำโดยองค์กร นปช. อีก ก็เท่ากับว่า บทบาทของ นปช.
ยุติโดยปริยาย แต่ UDD news
สื่อที่ทำงานอยู่ในเพจของเฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์, เว็บไซต์ที่เป็น
BLOG ในชื่อ “ยูดีดีนิวส์”
ยังทำงานต่อไปและขยายใน TicTok ด้วย เพื่อสืบทอดภารกิจและเจตนารมณ์ของคนเสื้อแดงที่ยังต้องกระทำต่อและขับเคลื่อนต่อไป
อย่างน้อยที่สุดคือการทวงความยุติธรรมให้ผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ
และถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรม จึงต้องจัดตั้งองค์กรทวงความยุติธรรมให้ประชาชนเนื่องจากกรณีปี
2553 ขึ้น เพื่อดำเนินการทวงความยุติธรรมให้ทั้งคนตาย-คนเป็น ทั้งกระบวนการยุติธรรมในประเทศและต่างประเทศ
ดิฉัน ในฐานะอดีตประธาน นปช. จาก 1
ธันวาคม 2554 ถึง 15 มีนาคม 2557 ซึ่งได้ร่วมดำเนินการกับทนายความทั้งในประเทศ,
ต่างประเทศ และรัฐบาลในขณะนั้น ยังไม่เสร็จสิ้นก็ถูกรัฐประหารเสียก่อน
จากนั้นคดีความก็ถูกแช่แข็งและบิดเบือน มีแต่ฝ่ายประชาชนถูกฟ้องร้อง ลงโทษ
จับกุมคุมขัง แต่ผู้ปราบปรามประชาชนกลับพ้นผิดลอยนวล
ทั้งนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ
ด้วยความสำนึกในเจตนารมณ์ของคนเสื้อแดงที่ร่วมการต่อสู้และประสบชะตากรรม เราจึงต้องร่วมกันตั้ง
“คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553” ขึ้น เพื่อให้ 1) ใช้เป็นองค์กรขับเคลื่อนในการทวงความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง
2) ร่วมทวงความยุติธรรมให้กับเยาวชน/ประชาชนที่ถูกจับกุมคุมขังลงโทษอย่างไม่เป็นธรรมหลังการทำรัฐประหาร
2557 เป็นต้นมาจนบัดนี้ และ 3) ประการสำคัญที่สุดคือ การทวงอำนาจประชาชนคืนมา
ให้ได้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง มิฉะนั้น
การทวงความยุติธรรมจะไม่มีวันสัมฤทธิ์ผล ตราบเท่าที่อำนาจ การเมือง การปกครอง
ไม่อยู่ในมือประชาชน
เราจึงเริ่มต้นปฏิบัติการรวบรวมข้อมูลผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากการถูกปราบปราม
เป็นข้อมูลเบื้องต้น ดังปรากฏในหนังสือเล่มนี้ เพื่อดำเนินการเร่งรัดทวงความยุติธรรมในประเทศ
และร่วมกับคณะญาติวีรชน ทนายความ และคนเสื้อแดง ไปเสนอต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องและพรรคการเมืองฝ่ายค้าน
ตามข่าวที่ปรากฏในหนังสือฉบับนี้ และตั้งข้อเรียกร้อง 8 ข้อต่อพรรคการเมือง
เรื่องทวงความยุติธรรมและอำนาจประชาชน
ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่าได้รับการตอบสนองที่น่าพอใจ เริ่มจากพรรคก้าวไกล
ซึ่งก่อนหน้านี้พูดเฉพาะเรื่องลงนามสนธิสัญญากรุงโรม สำหรับศาลอาญาระหว่างประเทศซึ่งจะไม่มีผลต่อการทวงความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง
2553
ก็ได้ปรับนโยบายให้ยินดีลงนามรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกรณีการปราบปรามประชาชน
2553 และรื้อฟื้นให้ความเป็นธรรมคดีกรณีปี 2553
ส่วนพรรคเพื่อไทยก็ตอบสนองกรณีตั้งคณะกรรมการพิจารณาการเร่งรัดตรวจสอบคดีความที่ยังค้างคาและไม่ได้รับความเป็นธรรม
และไม่ปฏิเสธในการรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เฉพาะกรณีปี 2553
สำหรับกรณีทวงอำนาจประชาชน 5 ข้อ ก็ได้รับการตอบสนองค่อนข้างดีจากพรรคฝ่ายค้านที่ถือเป็นฝ่ายประชาธิปไตย
หลังการเลือกตั้ง เมื่อมีการตั้งรัฐบาล และมีรัฐสภาใหม่ เราก็จะขับเคลื่อนต่อไป
กล่าวโดยสรุปคือ
ขณะนี้เป็นเวลาก่อนมีการลงคะแนนเลือกตั้ง 2566 ในวันที่ 14 พฤษภาคม
ท่ามกลางการรณรงค์หาเสียง พรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคตัวเต็งสำคัญอย่าง “เพื่อไทย”
และ “ก้าวไกล” ที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ได้คะแนนนิยมสูง ตอบรับข้อเรียกร้อง 8
ข้อของเราค่อนข้างดี ในการทวงความยุติธรรมและการทวงอำนาจประชาชน
และตระหนักว่านี่คือข้อเรียกร้องคนเสื้อแดงตัวจริง เสียงจริง ส่วนใหญ่ ในข้อที่จะตั้งคณะเร่งรัดฟื้นคดีความที่ถูกแช่งแข็งและบิดเบือน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ก้าวไกล” บรรจุในนโยบายและงานที่จะทำใน 1 ปีแรกชัดเจน ส่วนพรรค
“เพื่อไทย” จากการตอบสนองก็น่าจะมีการตั้งคณะทำงานเร่งรัดคดีความ
และในคำปราศรัยของ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” บางแค ในวันพุธที่ 3 พฤษภาคม
ก็แจ้งว่าจะออกกฎหมายให้ประชาชนฟ้องร้องนักการเมืองได้โดยตรงไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง
ซึ่งแม้อาจไม่ตรงกับข้อเสนอของเรา
ที่ต้องการให้นักการเมืองและทหารที่ทำผิดอาญาต่อประชาชน
ให้ขึ้นศาลแบบพลเรือนหรือประชาชนทั่วไป
แต่เป็นเรื่องที่พรรคการเมืองพยายามจะตอบสนองข้อเรียกร้องทวงความยุติธรรมของคนเสื้อแดงตามแนวคิดของพรรคนั้น
ๆ
ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดเหตุซ้ำแบบในอดีตที่เมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้วมีทัศนะแตกต่างกับประชาชนผู้ถูกกระทำ
ไม่ตระหนักมากพอกับกับข้อเรียกร้องของประชาชนและองค์กรประชาชน
มีผลให้ทั้งประชาชนและบางพรรคการเมืองประสบชะตากรรมยาวนานจนถึงปัจจุบัน
ประชาชนจะตรวจสอบต่อไป!
เราหวังว่าพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยจะได้รับชัยชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งคราวนี้
เพราะประชาชนกว่า 70%
ล้วนเลือกข้างฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ ในนามของคณะประชาชนทวงความยุติธรรม
2553 จะรอดูต่อไป และขอให้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยไปใช้สิทธิให้มากที่สุด
เลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ให้คะแนนตกหล่น ได้เป็นรัฐบาลของประชาชนจริง ๆ