‘เศรษฐา’ ไม่หวั่นโพลชี้กระแส ‘ก้าวไกล’ มาแรง มั่นใจ ‘เพื่อไทย’ กวาด
ส.ส.เกินครึ่งแลนด์สไลด์แน่ 280 เสียง
ย้ำมีจุดแข็งด้วยการนำเสนอนโยบาย เชื่อฐานเสียง ‘ก้าวไกล’ ยังสู้ไม่ได้ ด้านเลขาฯ
เพื่อไทย ลั่นกวาดเกือบยกโคราชแน่
วันที่
6 พฤษภาคม 2566 ที่ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา นายเศรษฐา
ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
พรรคเพื่อไทย
ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้เกมของพรรคเพื่อไทยต่อกระแสของพรรคก้าวไกลที่มีผลโพลระบุมาแรง
ว่า คงไม่มีอะไรต้องแก้เกม เพราะว่าโพลของพรรคเพื่อไทยกระแสก็มาดี
เรายังมั่นใจอยู่ว่าจะได้ ส.ส.เกินครึ่งของสภาฯ
ส่วนผลโพลที่ระบุถึงพรรคก้าวไกลนั้นก็เป็นแค่กระแส
เพราะเวลาลงพื้นที่โพลของเราก็มี
ตนไม่แน่ใจว่าโพลจะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนหรือไม่ เพราะจะขึ้นอยู่กับพรรคและนโยบายขึ้นอยู่กับผู้นำ
“ขณะนี้ถึงเวลาที่จะมาเล่น ๆ กันไม่ได้ เป็นสนามประลองฝีมือ
แต่มันคือสนามของคนมีประสบการณ์
เป็นพรรคการเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานว่าสามารถทำนโยบายที่เสนอเป็นจริงได้
ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับต่อไป อีกทั้งหลายโพลก็สำรวจเพียง1,000-2,000 ตัวอย่าง เราควรเอาโพลที่สำรวจเป็นแสนคนมาเป็นตัวชี้วัดดีกว่า” นายเศรษฐา
ระบุ
เมื่อถามว่า
กระแสของพรรคก้าวไกลยังสู้ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยไม่ได้ นายเศรษฐา ระบุว่า
สู้ไม่ได้ เรามั่นใจในฐานเสียงและนโยบายของพรรค
เรามั่นใจในความเป็นสถาบันพรรคการเมืองพิสูจน์ให้เห็นว่าเราสามารถทำได้จริง
ส่วนจะทำให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์หรือไม่นั้น
ต้องขึ้นอยู่ว่าแลนด์สไลด์หมายความว่าอะไร แต่ถ้า 200 เสียงกลาง ๆ
ยังเชื่อว่าทำได้อยู่ เรายังคิดว่ามา 280 เสียงอยู่ ตนมั่นใจ
เมื่อถามว่า
แต่ไม่ถึง 300 เสียง นายเศรษฐา ระบุว่า ไม่ทราบ
ต้องขึ้นอยู่ที่โค้งสุดท้ายเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่าทำไมโค้งสุดท้ายโพลถึงระบุพรรคก้าวไกลมีคะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้น
นายเศรษฐา
ระบุว่าเป็นเรื่องของโซเชียลมีเดียด้วยส่วนหนึ่งและอาจเป็นช่วงที่ผลโพลออกมา
เพราะโพลสำรวจก็มีแค่ 2,000-2,500 คน ประเทศไทยมีประชากรโหวตได้ 39 ล้านคน ใจเย็น ๆ
ขอให้รอวันเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. นี้
ดูนโยบายเป็นหลักประวัติศาสตร์และการพิสูจน์ฝีมือ ผู้นำที่เคยพิสูจน์ฝีมือมาแล้ว
ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสำคัญมาตลอด
เมื่อถามว่า
กระแสโพลที่เทให้กับพรรคก้าวไกลเป็นเพราะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยยังไม่มีความชัดเจนว่าเลือกแล้วใครจะเป็นนายกฯ
นายเศรษฐา ระบุว่า ตนคิดว่าอันนี้ไม่น่าใช่ประเด็นและไม่น่าใช่
แต่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยน่าจะเป็นจุดแข็งมากกว่า
อีกทั้งพรรคเพื่อไทยก็ยังมีทีมไทยแลนด์ที่แข็งแกร่ง โดยแคนดิเดตนายกฯทั้ งสามคนมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน
โดยขอให้ใจเย็น ๆ ก่อนรอผลเลือกตั้งก่อน ซึ่ง 1 ใน 3
แคนดิเดตนายกจะมีคนได้เป็นนายกรัฐมนตรี
โดยช่วงโค้งสุดท้ายก็จะเน้นนำเสนอนโยบายต่อทุกกลุ่มต่อไป
ซึ่งนโยบายที่นำเสนอจะต้องมีความเหมาะสมเมื่อมีการลงพื้นที่ด้วย
ขณะที่นายประเสริฐ
จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า
เรายังมั่นใจในแนวทางของพรรคเพื่อไทยอยู่ โพลมีหลายสำนัก
โดยโพลภายในพรรคเพื่อไทยก็ยังมีระดับความมั่นใจที่สูงอยู่ ยังแลนด์สไลด์อยู่ พรรคเพื่อไทยมั่นใจเป็นอย่างมาก
จ.นครราชสีมา มี ส.ส. 16 เขต ตามแนวทางที่พรรคเพื่อไทยกำหนดไว้น่าจะได้ ส.ส.เกือบหมดทั้ง 16 เขต
เพราะนโยบายของพรรคเพื่อไทยได้รับการตอบรับที่ดีมากทั้งนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท สิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ตัดสินใจ ดังนั้น
นโยบายของพรรคเพื่อไทยยังเป็นสิ่งที่ชี้นำในการตัดสินใจของประชาชนได้อยู่
นายประเสริฐ
ยังยอมรับว่า การต่อสู้ใน จ.นครราชสีมา เป็นการแข่งขันกันระหว่าง พรรคเพื่อไทย
พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย
โดยครั้งนี้พรรคเพื่อไทยมั่นใจในตัวนโยบายและผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย
รวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย