“ธิดา” ตั้งข้อสังเกตคดีพ.อ.ร่มเกล้า
ทำไมเพิ่งมาฟ้องปี 62 และทำไมอ้างว่ามีการเขวี้ยงระเบิดจากบ้านไม้โบราณ
ทั้งที่ยืนยันมาตลอดว่ารถูกยิงมาจากเครื่องยิงระเบิด M79
ยูดีดีนิวส์ : วันที่
2 ก.พ. 64 การทำเฟซบุ๊คไลฟ์ของ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ในฐานะที่เป็นอดีตประธานที่ปรึกษานปช.,
เป็นอดีตประธานนปช. และอยู่ในเหตุการณ์ปี 53 จำเป็นต้องออกมาพูดในประเด็น
“ศาลยกฟ้องคดี พ.อ.ร่มกล้า
กรณีชุมนุมนปช.ปี 53”
อ.ธิดากล่าวว่า โปรดสังเกตว่าคดีนี้มีการมาฟ้องร้องในปี
62 คดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้รับผิดชอบและอัยการฟ้องคดีในปี 62 โดยมีนางนิชา
ธุวธรรม ภรรยาของพ.อ.ร่มเกล้าเป็นโจทก์ร่วมฟ้อง มีจำเลย 3 คน คือ สุขเสก หรือเสก
พลตื้อ, กนกพร ศิริพรรณาภิรัตน์ และสุรชัย หรือหรั่ง เทวรัตน์
อ.ธิดากล่าวต่อไปว่า จำเลยที่ 1
และจำเลยที่ 3 ถูกฟ้องในคดีผู้ก่อการร้ายปี 53 ด้วย ดิฉันเองก็ได้เจอ
เพราะก่อนหน้านี้ดิฉันไม่รู้จักคนที่ไม่ได้เป็นนปช. (คือทั้ง 3
ท่านนี้ไม่ได้เป็นแกนนำหรือการ์ดนปช.)
แต่คุณกนกพรนั้นในฐานะเป็นผู้ที่มาสนับสนุนในเรื่องอาหาร
ก็จะเห็นกันอยู่ แต่อีก 2 คนนั้น ตามข่าวบอกว่าเป็นลูกน้องเสธ.แดง
เรามารู้จักหน้าตาก็เมื่อมาอยู่ในคดีก่อการร้าย ซึ่งเขาเอามารวมกันหมดเลย
พยายามจะเอาลูกน้องเสธ.แดงมารวมกับแกนนำนปช. และในช่วงที่ดิฉันเป็นประธานนปช.
เรามีการร่วมกันสนับสนุนให้มีที่คุมขังของฝ่ายการเมืองที่บางเขน ก็ได้พบทั้ง 2
คนบ้าง ดังนั้นก็ถือว่าได้รู้จักกันหลังจากมีการดำเนินคดีหลังปี 53 ไปแล้ว ไม่ได้รู้จักก่อนหน้านั้นแต่อย่างใด
อันนี้ก็เป็นการอธิบายให้เห็นว่าในคดีก่อการร้ายนั้น
มีการพยายามที่จะเอาเรื่องราวที่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการก่อความรุนแรง เอาจำเลยมารวม
ๆ กันหมดมากมายโดยที่เราก็ไม่ได้รู้จักหน้ากัน อ.ธิดากล่าว
ทีนี้ในคดีนี้ข้อสังเกต
ประการแรก ก็คือว่า เพิ่งมาฟ้องในปี 62 ซึ่งดิฉันก็คิดว่าทำไมถึงเพิ่งมาฟ้องในปี 62 ทำไมไม่ฟ้องตั้งแต่ทีแรก ที่มาฟ้องในปี 62 เพราะมีหลักฐานใหม่หรืออย่างไร?
แต่ความที่มาฟ้องปี 62 นี่เอง จึงทำให้พยานที่เข้ามาให้การ
(จะพูดว่าปรักปรำก็ได้) ก็กลายเป็นไม่น่าเชื่อถือเลย ไม่ใช่ว่าเพราะจำไม่ได้
แต่เพราะไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะข่าวคราวอะไรต่าง ๆ ที่ผ่านมาจากปี 53 มา 62
ก็ร่วม 9 ปี ฉะนั้นเวลามาให้การเป็นพยานก็ยิ่งไม่รู้ข้อมูล นอกจากเป็นข้อมูลที่มีการส่งให้ด้านเดียว
(หรือเปล่า) ไม่มีประสบการณ์ทั้งทางตรงทางอ้อมใด ๆ เพราะฉะนั้นคำให้การจึงไม่น่าเชื่อถือ
แน่นอน!
ดิฉันก็ต้องการแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียของทหาร
ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าดีใจที่ยกฟ้องแล้วไม่สนใจอะไรเลย
ดิฉันพร้อมทั้งแกนนำนปช.คนอื่น ๆ และคนเสื้อแดง ไม่ได้อยากให้มีใครเสียชีวิต
ไม่ได้ต้องการให้มีทหารตาย
แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการให้ประชาชนที่มาชุมนุมต้องตายและสูญเสียเช่นกัน
ถามว่าทำไมเราเอาคนตายมารวมกันเป็น 99
ชีวิต (ก็คือรวมทหารที่เสียชีวิตด้วย) เพราะเราไม่ได้แบ่งแยก เราถือว่ามีการตายเกิดขึ้น
แล้วการตาย 99 ชีวิตนี้ต้องทำให้กระจ่าง
ถ้าเราตั้งใจจะทำให้เกิดการสูญเสียของทหารและกองทัพ เราก็แยกเลย ทหารก็ทหาร
ประชาชนที่ตายก็ส่วนประชาชนที่ตาย แต่เรานับรวมกัน นี่เพราะว่าเราไม่ต้องการให้มีใครตาย
มันเป็นความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น
คนที่มีความคิดเห็นต่างทางการเมืองไม่สมควรถูกฆ่า
แล้วทหารหรือตำรวจก็ไม่ควรถูกใช้เข้ามาจัดการปราบปรามแล้วเกิดมีการเผชิญหน้ากัน
แล้วก็เกิดอะไรก็ไม่รู้ทำให้เกิดการตาย แต่แน่นอน! ประชาชนไม่ได้ถืออาวุธ
ไม่ว่าจะเป็นหลักนโยบายของนปช.ที่ปรากฎชัดเจน และการขึ้นเวทีพูดอยู่ตลอด
ถามว่ามีใครขึ้นเวทีพูดว่าไปฆ่าทหารไหม? ไม่มีเลย!
ดิฉันก็อยากเรียนตรงนี้ว่าเราก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของกองทัพที่มีการสูญเสีย
โดยเฉพาะครอบครัวของพ.อ.ร่มเกล้า จะเป็นภรรยา จะเป็นคุณแม่
ดิฉันเองก็มีคนในครอบครัวที่เป็นทหาร
แล้วก็รู้จักทหารมากมายที่เป็นเพื่อนของน้องชาย
ไม่ต้องการจะคิดว่าทหารไทยเป็นศัตรู เรารู้ว่าเขามาตามคำสั่ง
แต่คำสั่งที่ไม่ถูกต้อง การจัดการที่ไม่ถูกต้อง ก็ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้อง
เกิดการสูญเสียทั้งฝ่ายประชาชนและทหารตำรวจ
ที่สูญเสียมากที่สุดคือประเทศไทยและอนาคตของเยาวชนไทยซึ่งเผชิญกับบาปกรรมอันนี้
แล้วไม่สามารถก้าวหน้าไปได้ ดิฉันต้องออกตัวตรงนี้ว่าเราไม่ได้ดีใจที่มีทหารตายแล้วก็บอกว่าจับใครไม่ได้
ไม่ใช่! เราต้องการให้กระจ่าง
เพราะฉะนั้นในประเด็นที่ศาลยกฟ้องก็เลยตั้งข้อสังเกตตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า
ทำไมคุณเพิ่งมาฟ้องปี 62 คุณมีหลักฐานใหม่หรือเปล่า?
จากคำกล่าวของทนายซึ่งอยู่ในการรับฟังได้อ้างสิ่งหนึ่งซึ่งดิฉันคิดว่าเขาอาจจะคิดว่าเป็นข้อมูลใหม่หรือเปล่า
ที่ว่า “ที่ศาลรับฟังว่ามีการดยนระเบิดจากบ้านไม้โบราณตรงข้ามโรงเรียนสตรีวิทยา
แต่ไม่มีประจักษ์พยานที่น่าเชื่อถือหรือน่ารับฟังได้ว่าเป็นจำเลยในคดีนี้ทั้ง 2 คน”
ตรงนี้ดิฉันอยากจะตั้งข้อสังเกตเป็นประการที่
2 คือ ทำไมคุณอ้างว่ามีการโยนระเบิด
เพราะในอดีตที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกองทัพหรือรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
(ในขณะนั้น) จนกระทั่งเลือกตั้งปี 54 และหลังจากนั้น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, สุเทพ
เทือกสุบรรณ ที่เขียนในเอกสารต่าง ๆ พูดอย่างเดียวว่าเป็นการยิงมาจากการใช้เครื่องยิงระเบิด
M79
ถามว่าทำไมเขาถึงคิดอย่างนั้น? เขาไม่ได้คิดว่ามันเป็นระเบิด เพราะเขาคิดว่ามันต้องเป็นคนเสื้อแดง
แล้วคนเสื้อแดงอยู่ไกลจากสถานที่
ดังนั้นคนเสื้อแดงต้องใช้เครื่องยิงมันถึงเกิดระเบิดขึ้น
แต่จากผลการผ่าชันสูตรซึ่งดิฉันทราบตั้งแต่แรก
ๆ เพราะว่าคุณหมอสลักธรรมเข้าไปร่วมในฐานะผู้ช่วย ก็รับรู้ผลว่ามาจากสะเก็ดระเบิด M67 ทั้งหมด
ยกเว้นไม่ได้ชันสูตรศพของพ.อ.ร่มเกล้าคนเดียว ก็ทำให้สงสัย
แต่ว่ามาบัดนี้ก็แสดงว่าหลักฐานก็ชัดเจนเหมือนกันว่าการเสียชีวิตของทหารและบาดเจ็บจำนวนหนึ่งนั้นเกิดจากระเบิด
M67
เมื่อเป็นระเบิด M67 สิ่งที่ดิฉันต้องการจะชี้ประเด็นนี้ก็คือ
แปลว่าคนเสื้อแดงอยู่ตรงบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ถ้าคุณนึกถึงภาพที่ทหารอยู่หน้ารร.สตรีวิทยาไปจนกระทั่งถึงแยกสะพานวันชาติ
แล้วมีรถเกราะซึ่งเมื่อยืนขึ้นมองจะคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมด คือมีรถเกราะอยู่ริมถนนดินสอด้านที่บอกว่าเป็นบ้านไม้โบราณนั่นแหละ
เพราะถนนฝั่งรร.สตรีวิทยาเป็นเหมือนคล้าย ๆ กับที่บัญชาการของกองทัพเต็มที่ แล้วคนที่ยืนอยู่บนรถเกราะนั้น
จริง ๆ แล้วสามารถมองคุมพื้นที่ได้หมดเลย ส่วนคนเสื้อแดงอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ถ้าใครเห็นคลิปในช่วงเวลานั้น แล้วก็มีคนมายืนโบกธง
แล้วก็ถูกยิงหัวระเบิดสมองกระจาย ไม่ได้เกี่ยวกันเลย เขาถือธงนะ
นี่ยกเรื่องที่เกิดขึ้น ทีนี้คำถามว่าตอนนี้กลายเป็นเพิ่งรู้หรืออย่างไรว่าเกิดจาก
M67 แล้วถ้าเกิดจาก M67 ก็แปลว่าคนเสื้อแดงที่อยู่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขว้างมาไม่ถึงแน่นอน
มันก็เลยเกิดนิยายอันใหม่ขึ้นมา...ใช่หรือเปล่า?
ว่าจะต้องมาจากบ้านโบราณซึ่งอยู่ตรงข้ามรร.สตรีวิทยา และนิยายเรื่องนี้เราเห็นแล้วตั้งแต่
คอป. รายงานของคุณสมชาย หอมลออ อนุกรรมการค้นหาความเป็นจริง ก็พูดเบ็ดเสร็จ
อาจจะเป็นข้อสรุปของฝ่ายกองทัพหรือเปล่าไม่รู้ว่า ถ้าเป็น M67
ก็ขว้างจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมาไม่ถึง ก็แปลว่าต้องมาขว้างที่หน้ารร.สตรีวิทยา คำถามว่า
ก็คุณคุมพื้นที่เต็มทั้งหมดแล้ว และตรงบริเวณรั้วบ้านไม้โบราณไม่ใช่เป็นรั้วสูงมาก
ยืนอยู่บนรถเกราะก็สามารถคุมพื้นที่ได้หมด
อันนี้ดิฉันก็พูดเพิ่มเติม ดิฉันไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับการเป็นพยานหรือไปให้การ
แต่อันนี้เล่าในฐานะที่เราสืบค้นเรื่องราว แล้วเราก็เช็คจากคลิปต่าง ๆ ทั้งหมด
คุณเปิดเพลงอะไรเราก็ได้ยิน (ที่มีการยิงตอนนั้น) เสื้อแดงเปิดเพลงอะไร
กองทัพเปิดเพลงอะไร ไปฟังเอาเอง!
สมควรหรือเปล่าที่ทำอย่างนั้น
แล้วสภาพการคุมพื้นที่ของกองทัพจากตรงบริเวณนั้นไปยันสะพานวันชาติ
แปลว่าก็เกิดหลักฐานใหม่ก็เลยมีสมมุติฐานว่าขว้างมาจากบ้านไม้โบราณ
ไม่มีประจักษ์พยาน แล้วที่ศาลบอกว่าเชื่อไม่ได้ อ้างว่าไม่มีประจักษ์พยานที่น่าเชื่อถือหรือน่ารับฟังได้ว่ามีการโยนระเบิดจากบ้านไม้โบราณโดยจำเลย
ฉะนั้น ดิฉันตั้งคำถามว่า จริงหรือเปล่าที่มีการโยนระเบิดจากบ้านไม้โบราณ
มีใครเห็นบ้าง? เพราะว่ากระเดื่องระเบิดที่ตกอยู่ทำไมไม่เอามาใช้เป็นหลักฐานในคดี
ตามที่ดิฉันติดตามกระเดื่องระเบิดนั้นตกอยู่บนถนน
หลังจากตำรวจเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ในตอนเช้า เพราะฉะนั้น
- เป็นระเบิดจากใคร
จากที่ใช้ในราชการทหาร M67 ก็ใช้อยู่
(หรือเปล่า) หรือเป็นกระเดื่องระเบิดจากที่มีใครก็ไม่รู้เห็นทหารลุยประชาชนแล้วอยากจะขว้าง
ถ้าเป็นการสอบสวน เขาจะไม่ตัดทุกอย่างที่น่าสงสัย มีความขัดแย้งในกองทัพหรือเปล่า
หรือคุณจะมองว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างเสื้อแดงที่จะต้องเล่นงานทหาร
ในทัศนะของดิฉันขณะนั้นวันนั้นดิฉันอยู่ที่ราชประสงค์
แต่โดยนโยบายและหลักการแล้วตอบได้เลยว่า 1. เราไม่มีกองกำลังผู้ถืออาวุธ 2.
คุณณัฐวุฒิระดมคนจากราชประสงค์ไป แล้วคนจากราชประสงค์นั่นแหละที่มักจะเสียชีวิต
คือไปแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่คิดว่าจะมีการใช้อาวุธจริง ไปแบบไม่ได้ระวัง
เพราะไม่นึกว่าเพียงถือธงหรือเดินอยู่เฉย ๆ ไม่มีอาวุธจะถูกยิง! ก็มีการสูญเสียเป็นจำนวนมาก
การระดมคนตอนนั้นก็เป็นการระดมคนมือเปล่า
ไม่ได้ระดมคนที่มีอาวุธเลย ไม่ได้มีกองกำลังอาวุธแล้วยกทัพกันไป ไม่ใช่! เพราะฉะนั้นเราพูดความจริงในฐานะผู้ถูกกระทำที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์
อ.ธิดากล่าว
เพราะฉะนั้นตรงนี้ที่ว่าจริงหรือไม่ที่มีการโยนระเบิดจากบ้านไม้โบราณ
หรือไปโยนตรงไหน เพราะถ้าเขวี้ยงอยู่ในรัศมี 30 – 40 เมตร ถึงหรือเปล่า? มันต้องใกล้
ทีนี้สมมุติฐานว่าถ้าไม่ได้โยนจากบริเวณถนนตรงนั้น
ก็ต้องไปโยนที่บ้านไม้โบราณหรือเปล่า? มันเป็นเพียงสมมุติฐานอันหนึ่ง
- ใครเป็นคนโยนระเบิด ไม่ใช่ทีมเสื้อแดง
ไม่ใช่ทีมที่มาจากทั้งราชประสงค์และที่อยู่ตรงสะพานผ่านฟ้า ไม่ใช่เลย! เพราะว่าอยู่กันคนละที่
พวกนั้นก็แสดงสัญลักษณ์ชัด ถ้าสมมุติว่าคุณคิดว่าเป็นชายชุดดำ แล้วชายชุดดำที่คุณถ่ายรูปมาก็มีสัญลักษณ์กันเต็มไปหมด
มันบ้าหรือเปล่า ถ้าหากคิดว่าจะไปใช้อาวุธแล้วไปถือทะเล่อทะล่าให้เห็น
แถมใส่เสื้อบอก ขนาดโจรบ้านนอกยังรู้จักเอาผ้าขาวม้าคลุมหน้าคลุมตาคลุมตัวไม่ให้ใครเห็น
แต่อันนี้รู้สึกจะฉลาดเกินไปหรือเปล่าถ้าสมมุติว่ามีใส่เสื้อแดงหรือเป็นชายเสื้อดำซึ่งเป็นเครื่องแบบอะไรประมาณนั้น นี่เป็นประเด็นที่ดิฉันตั้งเป็นประเด็นที่สองนะคะ
แล้วสิ่งที่คุณอ้างมาเป็นหลักฐานนั้นมันก็ไม่น่าเชื่อถือ
แล้วยังที่ศาลบอกว่ากระเดื่องอยู่ตรงไหน ใครเป็นประจักษ์พยานว่าเป็นคนไปเก็บ
ความจริงมีรายงานตำรวจหมดเลยนะ มีชื่อคนที่ไปเก็บด้วย
ดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไมดีเอสไอไม่รู้ หรือคิดว่าข้อมูลนี้จะทำให้ความน่าเชื่อถือที่ตัวเองตั้งขึ้นมานั้นลดลง
จากนั้นประเด็นที่ศาลมองก็คืออย่างที่บอก
ไม่มีประจักษ์พยานว่า 2 คนนี้อยู่ในที่เกิดเหตุและเป็นคนร้าย
อ.ธิดากล่าวว่ามันจะไปเห็นหน้าได้ยังไง และจะจำได้ได้ยังไง สมมุติว่าเป็น 2 คนนั้น
เขาจะไปเปิดหน้าให้ดูได้ยังไง ดังนั้นก็ไม่น่าเชื่อถือ
และสุดท้ายศาลก็บอกว่าจำเลย 2
คนที่ถูกอ้างนี้ก็ถูกฟ้องซ้อนกันในคดีก่อการร้าย
ฉะนั้นมันเป็นปัญหาทั้งข้อเท็จจริงที่ไม่มีประจักษ์พยานที่น่าเชื่อถือและในข้อกฎหมายด้วยว่าเป็นการฟ้องซ้อนกับคดีก่อการร้ายหรือคดีหมายเลขดำที่
อ.2542/2553 แต่ในที่สุดก็ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว
ด้านหนึ่ง ดิฉันก็ยินดีกับ 3 คน
ไม่ว่าจะเป็นคุณหรั่ง, คุณสุขเสก และคุณกนกพร ที่ศาลยกฟ้อง แต่อีกด้านหนึ่งดิฉันก็คิดว่าเขาก็คงฟ้องต่อ
เขาก็ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย ฉะนั้นมันก็เป็นชะตากรรมของพี่น้องประชาชนเสื้อแดง
แม้นเขาจะไม่ใช่นปช. แม้นเขาจะเป็นลูกน้องของเสธ.แดงก็ตาม
(ดิฉันก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า) แต่เขาก็เป็นผู้ถูกกระทำด้วยกัน
ดิฉันเองก็ดีใจที่ถูกยกฟ้อง
แต่ก็เสียใจที่ยังถูกคุมขัง แล้วลองคิดดูว่าเขาถูกคุมขังมานานแค่ไหนตั้งแต่ปี 53
นี่ก็ 64 ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่าเขาได้ประกันไปบ้างหรือเปล่า แต่ในที่สุดตอนนี้ก็รู้ว่าถูกคุมขังอยู่
เหตุการณ์มันเกิดผ่านมาจากปี 53 มาจนถึงบัดนี้ คุณมาฟ้องเอาปี 62
แล้วก็ยังขังเขาต่อ
นี่เป็นชะตากรรมประเทศไทยซึ่งเดี๋ยวเราค่อยคุยกันต่อไปว่าระหว่างทหารพม่ากับทหารไทย
ใครเป็นพี่ ใครเป็นน้อง ดูว่ามีความละม้ายคล้ายคลึงกันอย่างไร เอาไว้พบกันคราวหน้า
อ.ธิดากล่าวในที่สุด.