รัฐบาล
Kick Off โอนเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงมือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-คนพิการ
นายกฯ ชี้จะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ ยันยังมีหลายนโยบายกระตุ้น
ศก.ในอนาคต
วันที่
25 กันยายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
เป็นประธานในงานเปิดตัว (Kick
Off) การโอนเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567
ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ
นายกรัฐมนตรี
กล่าวว่า ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจเรื้อรังมานานหลายปี
ไม่ใช่เพียงแค่ผลจากปัจจัยภายใน แต่ยังมีผลจากเศรษฐกิจทั้งโลกที่ฟื้นตัวช้า
ซ้ำเติมด้วยปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค
และยังไม่รวมกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้เกิดภัยพิบัติในหลายพื้นที่ทั่วโลก
รวมถึงในบ้านเราก็ได้รับผลกระทบเกิดเหตุอุทกภัย
ซึ่งถือเป็นครั้งที่รุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
หลายปัจจัยที่กล่าวมา
ทำให้เศรษฐกิจไทยฝืดเคือง สถานการณ์ไม่เอื้อให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ เงินในระบบหาย
เงินไม่หมุนเวียน คนไทยขาดเงิน ต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อการดำรงชีวิต ค้าขายยาก
เดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า ซึ่งกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่สุด คือ
กลุ่มเปราะบางที่มีรายได้น้อยรวมถึงผู้พิการ
ในอนาคตประเทศไทย
ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ทำให้พร้อมต่อการลงทุน และอุตสาหกรรมใหม่ๆ
ที่จะทำให้เกิดรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว
ซึ่งถึงแม้รัฐบาลจะเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่ก็อาจต้องใช้เวลา
บางเรื่องหลายเดือน บางเรื่องต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเห็นผล ทั้งหมดนี้ คือ ‘ความท้าทาย’
ที่รัฐบาลจะต้องเปลี่ยนให้กลายเป็นโอกาส และความหวังทางเศรษฐกิจ ให้ได้
นายกฯ
กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับนโยบายเศรษฐกิจ
หลายโครงการได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว
สานต่อมายังรัฐบาลนี้ในวันนี้ และมีแผนที่จะทำต่อในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น
การพักหนี้เกษตรกร การลดดอกเบี้ย ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านนโยบายฟรีวีซ่า
ทำให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งประเทศ
วันนี้ประเทศไทยจะถูกกระตุ้นครั้งใหญ่
เงินสดถึงมือคนไทย ระบบเศรษฐกิจจะถูกเติมเงินหมุนเวียนกว่า 145,552.40 ล้านบาท
สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ลูกแรก ที่ทำให้คนไทยได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในภาพใหญ่ ต่อลมหายใจให้พี่น้องประชาชนรายเล็กที่กำลังเดือดร้อน
นายกฯ
กล่าวอีกว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้จะถึงมือพี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบางจำนวน
14.55 ล้านคน
โดยแบ่งเป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 12.40 ล้านคน
และกลุ่มคนพิการจำนวน 2.15 ล้านคน
ทุกคนจะได้รับเงินสดคนละ
10,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
และผ่านช่องทางการรับเบี้ยเดิมของผู้พิการ ไม่ว่าจะเคยได้รับเงินผ่านบัญชีธนาคาร
หรือได้รับเงินสดผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็จะได้รับเงินในวิธีการเดิม
ที่สำคัญเงินจำนวนนี้ไม่มีเงื่อนไขในการใช้จ่ายแต่อย่างใด
เมื่อเงินเข้าบัญชีสามารถนำไปใช้จ่ายได้ทันที
เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด และถึงมือพี่น้องประชาชนมากที่สุด
ซึ่งการโอนเงินจะทยอยโอนให้ถึงมือพี่น้องประชาชนภายใน 4 วันโดย
เริ่มที่วันนี้เป็นวันแรก
นโยบายนี้จะช่วยกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชน
สร้างโอกาส สร้างความหวัง นำไปสู่การพัฒนาเพื่อต่อยอดคุณภาพชีวิต ให้พี่น้อง มีกิน
มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี อย่างที่ได้เคยกล่าวไว้
เงินหนึ่งหมื่นบาทเป็นจำนวนที่จะทำให้พี่น้องประชาชนหลายคนมีโอกาสสร้างชีวิตใหม่
มากพอที่เมื่อรวมกันหลายคน สามารถนำไปลงทุนทำมาค้าขาย
สร้างหรือต่อยอดธุรกิจพร้อมรับโอกาสดีๆ ที่จะเข้ามา
รัฐบาลเราเชื่อในศักยภาพของพี่น้องคนไทยเสมอ เมื่อมีโอกาสมาถึงมือจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์
อย่างแน่นอนค่ะ
รวมถึงพี่น้องหลายคนที่กำลังประสบความเดือดร้อนจากอุทกภัยจะได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม
ผ่านนโยบายนี้ได้อีกทางหนึ่ง
นายกฯ
เน้นย้ำว่า ยังมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รัฐบาลยังคงเดินหน้าโครงการ Digital Wallet เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้ประชาชนมี Digital
ID เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างรัฐบาลและประชาชน
ทำให้การทำธุรกรรมต่างๆกับหน่วยงานรัฐสะดวกขึ้น โปร่งใสตรวจสอบได้
เช่นการให้เงินช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ การชำระค่าไฟ เป็นต้น
และพี่น้องประชาชนสามารถติดตามข่าวสารและตรวจสอบข้อมูล
ได้ที่ทุกช่องทางของกระทรวงการคลัง และ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นายกฯ
ระบุว่า รัฐบาลมีเป้าหมายสำคัญ
คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่จะเอื้อให้พี่น้องประชาชนใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง
มีรอยยิ้ม สร้างความเท่าเทียมทางโอกาส
เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาดีอีกครั้ง
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #แพทองธารชินวัตร #เงิน10000 #กระตุ้นเศรษฐกิจ