ปชน.ขนทัพหาเสียงเลือกตั้งซ่อมเขต
1 พิษณุโลก “หมออ๋อง” ชวนชาวพิษณุโลกเลือกการเมืองที่จริงใจ พูดคำไหนคำนั้น
“พิธา” ชี้เส้นแบ่งไม่ใช่การเลือกระหว่างฝ่ายค้าน-รัฐบาล
แต่คือการเมืองแบบตรงไปตรงมา กับการเมืองแบบกลับไปกลับมา
เมื่อช่วงค่ำของวันที่
7 กันยายน 2567 ที่ตลาดถนนคนเดิน อ.เมือง จ.พิษณุโลก
แกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมเปิดเวทีหาเสียงหน้าตลาด
เพื่อประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง สส.พิษณุโลก เขต 1 แทนตำแหน่งที่ว่างลง
พร้อมแนะนำตัวผู้สมัคร คือ ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ หมายเลข 1 โดยในเวทีนี้มีผู้ปราศรัยสำคัญหลายรายจากอดีตพรรคก้าวไกล
ซึ่งมาในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ไม่ว่าจะเป็น ปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีต
สส.พิษณุโลก เขต 1, ชัยธวัช ตุลาธน และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ท่ามกลางประชาชนและพ่อค้าแม่ขายที่ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังอย่างแน่นขนัด
ในส่วนของณฐชนนได้ปราศรัยถึงวิสัยทัศน์และความสำคัญของการเลือกตั้งในครั้งนี้
โดยระบุว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเลือกระหว่าง
สส.รัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่เป็นการเลือก สส.ที่จะไปเป็นปากเสียงให้ประชาชน
พูดเรื่องที่ สส.อื่นไม่เคยพูดถึง นั่นคือปัญหาใหญ่ที่สุดของเมืองพิษณุโลกตอนนี้คือเรื่องขยะ
ตอนนี้ขยะในเมืองพิษณุโลกถูกจัดการโดยนำไปทิ้งที่นครสวรรค์บ้าง อุตรดิษฐ์บ้าง
ตีรถไปกลับเที่ยวละหลายหมื่นบาท ถ้าต้องทิ้งทุกวันเดือนหนึ่งหลายแสนบาท
นี่คืองบประมาณที่สามารถนำไปสร้างเป็นถนน ทำน้ำประปาได้
พรรคประชาชนเป็นพรรคเดียวที่เสนอทางออกว่าพิษณุโลกต้องการบ่อขยะใหม่
และไม่ใช่ให้เอกชนจัดการแต่ต้องเป็นรัฐ ผ่านกลไกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เราหาที่เจอแล้ว คือพื้นที่ของกองทัพบริเวณกองบิน 46 และค่ายเอกาทศรถ
ที่มีพื้นที่รวมกันกว่า 7,500 ไร่
เราต้องการพื้นที่มาทำบ่อขยะเพียง 200 ไร่เพื่อแก้ปัญหาให้ชาวพิษณุโลก
โดยไม่ได้หมายความว่าจะต้องไปยึดพื้นที่ของกองทัพมา แต่ใช้การทำงานร่วมกัน
ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเช่าพื้นที่ได้
ณฐชนนกล่าวต่อไปว่า
ที่ผ่านมาไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องใหม่ นนทบุรีทำมาก่อนแล้ว
ปทุมธานีก็ทำมาก่อนแล้ว แล้วทำไมที่พิษณุโลกถึงทำไม่ได้
หลายปีที่ผ่านมาเมืองพิษณุโลกต้องเจอทั้งปัญหาขยะ สุนัขจรจัด แมลงวัน หนี้นอกระบบ
สาธารณูปโภคพื้นฐาน ถนนที่ทำไม่เสร็จ ฯลฯ ไม่มีใครที่นี่จำเป็นต้องอยู่แบบนี้
ตนและอดีต สส.ปดิพัทธ์เป็นสองคนที่พูดเรื่องเหล่านี้
และจะพูดต่อไปจนกว่าคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังจะมีความหวังกับการเมืองอีกครั้ง
ตนไม่มีนโยบายสวยหรู แต่อะไรที่ทำให้ชาวพิษณุโลกนอนไม่หลับ ต้องการคนพูดแทน
ตนพร้อมอาสาเป็นปากเสียงให้ได้
มีแต่พรรคประชาชนเท่านั้นที่ประเทศไทยต้องการในเวลานี้
ในส่วนของปดิพัทธ์ระบุว่า
การเลือกตั้งซ่อมไม่มีการเลือกตั้งนอกเขตหรือเลือกล่วงหน้า
มีหลายคนอาจจะไม่กลับบ้านมาเลือก
ขณะที่ผู้สมัครอีกฝ่ายรวมพลังกันมาเป็นผู้สมัครคนเดียว
ชัยชนะจึงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ ด้วยเหตุนี้ การเลือกตั้งซ่อมเขต 1 พิษณุโลกจึงถูกจับตามองจากคนทั่วประเทศ
แต่นี่คือโอกาสดีที่สุดที่ชาวพิษณุโลกจะได้มอบบทเรียนสำคัญให้กับนักการเมือง
ถ้าพรรคประชาชนแพ้
นี่จะเป็นการส่งสัญญาณผิดๆ
ว่านักการเมืองหาเสียงอะไรไว้ไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูดก็ได้
เป็นรัฐบาลแล้วเดี๋ยวประชาชนก็เลือก เพราะฉะนั้นทำอะไรก็ได้เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล
จะตระบัดสัตย์ข้ามขั้วแบบไหนก็ได้ แต่ถ้าพรรคประชาชนชนะ จะเป็นการส่งสารว่าประชาชนชาวพิษณุโลกต้องการการเมืองที่จริงใจและตรงไปตรงมา
ปดิพัทธ์กล่าวต่อไปว่า
ยังเหลือเวลาอีก 1
สัปดาห์ในการเป็นหัวคะแนนธรรมชาติให้พรรคประชาชน
เราต้องได้คะแนนเพิ่มจากคนที่ผิดหวังกับสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการข้ามขั้วจากทั้งสองฝั่งและยังลังเล
ให้มาเลือกพรรคที่เป็นประชาธิปไตย พรรคที่ตรงไปตรงมา
และเชื่อว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
ขณะที่พิธาระบุว่า
ในฐานะคนที่ทำงานร่วมกับปดิพัทธ์มาตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่
เราประสบความสำเร็จในการได้รับความไว้วางใจจากชาวพิษณุโลกติดต่อกันสองสมัย
ครั้งนี้ถ้าประชาชนอยากให้สานต่อ
ไม่มีใครคนไหนเหมาะสมสานต่อปดิพัทธ์และพิธาเท่ากับณฐชนนแล้ว ณฐชนนคือคนที่พร้อมทำงานได้ทันที
เห็นปัญหามาก่อนกาลแล้วว่าพิษณุโลกจะมีปัญหาขยะเกิดขึ้น
อาทิตย์หน้าถ้าเลือกณฐชนนเข้าไปก็พร้อมเดินหน้าเรื่องนี้ผ่านกลไกสภาฯ ทันที
อีกทั้งเขาจะเป็นฝ่ายค้านที่พูดแทนราษฎร ผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า
ตรวจสอบและอภิปรายเพื่อจี้ให้รัฐบาลเข้าร่องเข้ารอย
พิธากล่าวต่อไปว่า
การเลือกตั้งครั้งนี้มีคนพยายามตีกรอบว่าเป็นการเลือกฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล
แต่ความจริงไม่ใช่ นี่คือการตีกรอบระหว่างนักการเมืองที่ตรงไปตรงมา
กับการเมืองแบบกลับไปกลับมา ตอนขอคะแนนพูดอย่าง ได้คะแนนไปแล้วพูดอีกอย่าง
ชาวพิษณุโลกอยากได้ผู้แทนแบบไหนก็ต้องเลือกแบบนั้น
รักษาคุณค่าที่ชาวพิษณุโลกแชร์ร่วมกันส่งไปทั้งประเทศ ถ้ายังเชื่อปดิพัทธ์
เชื่อการรักษาไว้ซึ่งการเมืองรัฐสภาแบบที่ประชาชนเชื่อมั่นและเชื่อถือได้
การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นกระดุมเม็ดแรกในการนำไปสู่รัฐบาลที่ดีที่สุดที่ประเทศไทยเคยมีมาในปี
2570
สำหรับกิจกรรมหาเสียงของพรรคประชาชนยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในช่วงเช้าตรู่วันนี้
(8 กันยายน 2567) โดยแกนนำ สส.
และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคได้ดาวกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ของเมืองพิษณุโลก
ทั้งการเดินพบปะพูดคุยกับประชาชนไปตามตลาดและชุมชน การขึ้นรถแห่กระจายเสียง
การร่วมวงสนทนาสภากาแฟพบปะพูดคุยกับผู้สนับสนุน
รวมถึงการปั่นจักรยานหาเสียงไปตามเส้นทางต่างๆ ของเมืองพิษณุโลก
โดยตลอดกิจกรรมหาเสียงมีประชาชนจำนวนมากร่วมให้ความสนใจ
พร้อมตอบรับการลงพื้นที่ของพรรคประชาชนอย่างอบอุ่น