112 วัน บุ้งยังไม่ได้รับความเป็นธรรม “หมอเหวง-ใบตองแห้งแห้ง-ช่อ-ทนายเมย์-ใบปอ” ร่วมเสวนา ชี้ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เร่งเปิดเผยความจริงเหตุ “บุ้ง” เสียชีวิต
วันนี้ (2 ก.ย. 67) เวลา 17.30 น. ที่อาคาร All Rise สำนักงาน ilaw ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และกลุ่มทะลุแก๊ส จัดกิจกรรม “112 วัน บุ้งยังไม่ได้รับความยุติธรรม” เพื่อรำลึกถึง น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ทะลุวัง นักกิจกรรมทางการเมือง ที่อดอาหารและน้ำ เพื่อประท้วงกระบวนการยุติธรรม ก่อนมาเสียชีวิต เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา
ภายในงานได้จัดมุมวาดภาพ และเขียนข้อความ #ถึงบุ้งในความทรงจำ พร้อมฟังดนตรีสด จาก หนวด ริมทาง และอ่านบทกวี แด่ บุ้ง เนติพร โดย รอนฝัน ตะวันเศร้า
จากนั้น 18.00 น. เป็นการเสวนาในหัวข้อ “112 วัน ความยุติธรรมที่ยังไม่ได้รับ และความอยุติธรรมที่ลืมไม่ลง” โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นพ.เหวง โตจิราการ คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 (คปช.53), นายอธึกกิต แสวงสุข หรือ ใบตองแห้ง สื่อมวลชนอาวุโส, น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า, น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ หรือ ทนายเมย์ ทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน , ใบปอ ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ นักกิจกรรม กลุ่มทะลุวัง ดำเนินรายการโดยนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ กลุ่มทะลุแก๊ซ
พรรณิการ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนเองได้ประสบ ไม่อาจจะเปรียบเทียบกับกลุ่มนักกิจกรรมทางการเมืองที่สูญเสียอะไรไปบ้าง สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในกรณีของบุ้งทะลุวังคือ ยิ่งประชาชนที่ไม่มีราคาจ่ายยิ่งราคาแพง หากประชาชนไม่มีราคาที่ต้องจ่ายคุณคือคนที่จ่ายแพงที่สุดในประเทศนี้ บุคคลที่จ่ายหนักที่สุดก็คือประชาชน
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของนักการเมืองในเวลานี้ ทำไมเราต้องมีนักการเมืองในสภาเพราะว่าประชาชนต่อสู้แค่ไหนสิ่งที่อยากจะทำให้การต่อสู้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยนักการเมืองและพรรคการเมือง ในขณะที่พรรคการเมืองและนักการเมืองก็ต้องอาศัยประชาชนในสภา ถ้าปราศจากนักการเมืองเหล่านี้ก็จะไม่บรรลุผลนั่นคือความแน่นแฟ้นที่ขาดกันไม่ได้ระหว่างนักการเมืองในสภาและประชาชนที่เคลื่อนไหวนอกสภา โดยต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง แล้วอย่างไรที่ทำให้ประชาชนเคลื่อนไหวอย่างปลอดภัย นางสาวพรรณิกากล่าวว่าถ้ารัฐธรรมนูญได้คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนแต่มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง จึงต้องทำ
ในรอบห้าปีที่ผ่านมาการใช้กฎหมายมาตรา 112 ถือว่ามีความเป็นเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องผลักดันให้กับอนาคต ซึ่งอนาคตตราบใดที่ภาคประชาชนไม่ได้เสี่ยงในสภาก็อาจจะไม่เกิดขึ้นได้ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ตนคิดว่าจะสำเร็จ นั่นคือ พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ซึ่งถือว่าเป็นปลายเหตุที่สำคัญ
ซึ่งขณะนี้การขับเคลื่อนพ.ร.บ.นิรโทษกรรมขับเคลื่อนโดยโดยหลายกลุ่มหลายฝ่ายตนเองเชื่อว่าจะมีความสำเร็จ โดยกลุ่มอนุรักษ์นิยมก็ต้องการพ.ร.บนิรโทษกรรมเช่นเดียวกัน ซึ่งกลุ่มกปปส.ก็ต้องการกฎหมายนี้เช่นเดียวกันเช่นเดียวกับกลุ่มพี่น้องคนเสื้อแดง ก็ต้องการร่างกฎหมายนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งตนก็หวังว่าจะมีการรวมนิรโทษกรรมคดี 112 ในพ.ร.บ.ดังกล่าวด้วย
ด้านนพ.เหวง กล่าวว่า เป้าหมายของการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในประเทศนี้ สิ่งที่เป็นจริงตน ขอมองรวมไปถึงเรื่องของการเรียกร้องความยุติธรรมทางการเมืองทั้งหมดด้วย ประการที่สองที่ตนเองจะพูดคือการสานต่ออุดมการของ'บุ้ง ทะลุวัง' ข้อเรียกร้องให้ทางกระบวนการยุติธรรมได้มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ'บุ้ง เนติพร' ตนขอเรียกร้องให้ทางกระทรวงยุติธรรมรีบออกมาแถลงข้อเท็จจริงทั้งหมดนี้เพื่อแสดงความรับผิดชอบ รวมถึงรัฐบาลชุดนี้ด้วยซึ่งต่อเนื่องมาจากรัฐบาล นายกฯเศรษฐา จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนปัจจุบันก็จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ซึ่งการรับผิดชอบครั้งนี้ คุณแพทองธาร ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ต้องรับผิดชอบด้วย
“สำหรับเรื่องของการนิรโทษกรรมที่จะรวมคดีมาตรา 112 ตนว่าความหวังเหลือ 1% เพราะตนไม่เชื่อว่าพวกเขาจะยอม สำหรับการทวงความยุติธรรมให้ผู้นั้นก็ต้องมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ชั้นตำรวจอัยการ จนถึงชั้นศาล รวมถึงการนำคนที่รัฐประหารเข้าคุก” นพ.เหวง กล่าว
ขณะที่นายอธึกกิต สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ที่การเคลื่อนไหวแบบทะลุเพดานไม่ได้อยู่ในกรอบอย่างที่รุ่นตนเองสอนกันมา ซึ่งการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่มีความเป็นอิสระสูง การนำเสนอของสื่อมวลชนปัจจุบันนี้ อย่างกรณี ตะวัน-แฟรงค์ จะเห็นได้ถึงการตั้งข้อหา สื่อมวลชนมักจะพาดหัวแบบคลิกเบท รวมถึงสภาพสังคมปัจจุบันมีการระบายความเกลียดชังสูง กิจกรรมเหมือนว่าทำให้นักกิจกรรมทางการเมืองเป็นเหยื่อ กล่าวคือแทนที่จะสนใจประเด็นที่เขาสื่อ โดยเฉพาะในช่วงท้ายของการเคลื่อนไหว ตนจึงมองว่าสื่อมวลชนควรที่จะเที่ยงตรงต่อประเด็นในเรื่องอ่อนไหวหรือไม่ ซึ่งตนมองว่าสื่อจะตรงไปตรงมาในการนำเสนอข่าวไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อคนที่เป็นเหยื่อ
ด้าน น.ส.พูนศุข หรือ ทนายเมย์ กล่าวว่า กรณีของบุ้ง กระบวนการที่ผ่านมาแล้วมีการชันสูตรศพไปแล้ว โดยทางตำรวจสภ.คลองหลวงได้รับส่งสำนวนให้กับอัยการตรวจธัญบุรีแล้ว ซึ่งขณะนี้อัยการกำลังพิจารณาอยู่ เพื่อส่งศาลในการไต่สวนการตาย โดยตนหวังว่าคดีการเสียชีวิตของบุ้ง จะเป็นกรณีตัวอย่างในการเปลี่ยนแปลงการทำงานของกรมราชทัณฑ์ เพื่อให้ทุกคนที่เป็นผู้ต้องขังทางการเมืองรวมถึงผู้ต้องขังทุกคนมีมาตรฐานชีวิตที่ควรจะเป็น
ด้าน ใบปอ ณัฐนิช กล่าวว่า สิ่งที่บุ้งต่อสู้ที่มองว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ข้อเรียกร้องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ช่วยแค่นักโทษคดีทางการเมือง แต่ยังรวมถึงผู้ต้องขังในคดีอื่นๆ และประชาชนที่รอคอยการเปลี่ยนแปลง ตนขอฝากให้ทุกคนช่วยติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบุ้ง และเชื่อว่า จะต้องมีสักวันที่ความจริจะปรากฏ และมีผู้มีอำนาจจะต้องได้รับรู้ในสิ่งที่ตัวเองนั้นทำ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #บุ้งเนติพร #บุ้งทะลุวัง #กระทรวงยุติธรรม #กรมราชทัณฑ์