วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2567

กมธ.พัฒนาการเมืองฯ เรียก กอ.รมน.-พวงทอง ร่วมถกประเด็นหนังสือ “ในนามของความมั่นคงภายใน” โฆษก กอ.รมน. ยืนยันไม่ได้มองหนังสือเป็นภัยคุกคาม แต่ยังไม่สามารถยืนยันแทนส่วนงานอื่นได้ว่าท้ายสุดจะมีการดำเนินคดีหรือไม่

 


กมธ.พัฒนาการเมืองฯ เรียก กอ.รมน.-พวงทอง ร่วมถกประเด็นหนังสือ “ในนามของความมั่นคงภายใน” โฆษก กอ.รมน. ยืนยันไม่ได้มองหนังสือเป็นภัยคุกคาม แต่ยังไม่สามารถยืนยันแทนส่วนงานอื่นได้ว่าท้ายสุดจะมีการดำเนินคดีหรือไม่


เมื่อวานนี้ (26 กันยายน 2567) ที่อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน เรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกรณีการแถลงข่าวของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ต่อกรณีการออกหนังสือ “ในนามของความมั่นคงภายใน” โดย พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีผู้ชี้แจงจากทั้ง กอ.รมน. และคู่กรณีคือ พวงทอง เข้าพูดคุยทำความเข้าใจต่อกัน


โดย พริษฐ์ วัชรสินธุ ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ และ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้เริ่มต้นการประชุมโดยตั้งประเด็นที่อยากให้แต่ละฝ่ายมาทำความเข้าใจในวันนี้ คือเนื้อหาส่วนใดในหนังสือที่ กอ.รมน. ติดใจที่ทำให้ต้องมีการออกมาแถลงข่าวด้วยท่าทีดังกล่าว กระบวนการที่นำไปสู่การแถลงข่าวเป็นอย่างไร และกรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเสรีภาพทางวิชาการในอนาคตหรือไม่


ทางฝั่งของผู้ชี้แจง พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษก กอ.รมน. ระบุว่ากรณีที่ท่าทีของ กอ.รมน. ดูรุนแรงนั้นเป็นเรื่องของพาดหัว แต่ใจความสำคัญคือมีการตรวจพบเอกสารงานวิชาการที่มีข้อมูลคลาดเคลื่อนและส่งผลกระทบต่อ กอ.รมน. จึงขอความร่วมมือให้ต้นสังกัดพิจารณาเท่านั้น โดยเจตนาแล้ว กอ.รมน. มีเจตนาที่อยากให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แต่ถ้าสื่อสารไปแล้วอาจใช้คำพูดที่ทำให้เกิดความกังวลมากเกินไป ทีมงานโฆษกต้องขออภัย ทั้งนี้ การแถลงข่าวได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอน


ในส่วนของ พล.อ.นพนันท์ ชั้นประดับ รองหัวหน้าสำนักงานรอง ผอ.รมน. ชี้แจงว่าในส่วนที่ กอ.รมน. ติดใจนั้น อยู่ในส่วนของบทที่ 3 มีข้อเสนอว่ากองทัพไทยแทรกซึมควบคุมสังคมไทยผ่าน กอ.รมน. ทั้งนี้ โดยข้อเท็จจริงคือ กอ.รมน. กับ ทบ. เป็นคนละส่วนราชการกัน นอกจากนี้ สิ่งที่ กอ.รมน. ติดใจก็คือระเบียบวิธีวิจัยที่ผิด ผู้วิจัยต้องรู้เรื่องที่สุดในสาขานั้นๆ มีความเป็นกลาง และเนื่องจากโจทย์การวิจัยดังกล่าวเป็นโจทย์ขนาดใหญ่ ควรจะใช้เอกสารชั้นต้น แต่เอกสารทั้งหมดเป็นเอกสารชั้นรองและการสัมภาษณ์บุคคล 10 คน อีกทั้งตนยังติดใจที่เป็นการวิจัยข้ามเวลา มีการกล่าวถึง กอ.รมน. ในอดีต ซึ่งเป็นคนละหน่วยงานกับ กอ.รมน. ในปัจจุบันด้วย


ในส่วนของพวงทอง ยืนยันว่าหนังสือเล่มนี้ ตนมีกรอบทฤษฎีในการวิจัยที่ชัดเจนแน่นอน จุดยืนของตนคือทหารต้องอยู่ภายใต้หน่วยงานที่เป็นประชาธิปไตย ถูกตรวจสอบควบคุมโดยหน่วยงานที่มาจากการเลือกตั้ง ทหารไม่ควรมีอิสระในการดำเนินการต่างๆ ซึ่งตนใช้หลักการนี้ในการวิเคราะห์


สิ่งที่ตนอยากให้ กอ.รมน. กลับไปดูใหม่ คือการสัมภาษณ์ 10 คนเป็นกลุ่มคนที่ถูกจับตามอง ถูกปรับทัศนคติ นักเรียนนักศึกษาที่เข้าไปอบรมกับ กอ.รมน. หรือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากกองทัพ ส่วนที่กล่าวหาว่าตนใช้เอกสารชั้นรองนั้น ตนขอให้ กอ.รมน. กลับไปนับชิ้นดูใหม่ หนังสือเล่มนี้ตนใช้เอกสารอ้างอิงจากทางราชการมาเยอะมากและปล่อยให้เอกสารเป็นตัวพูดเองหลายเรื่อง


พวงทองกล่าวต่อไป ว่าที่ กอ.รมน. ชี้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นการตีความข้ามเวลานั้น หนังสือเล่มนี้ครอบคลุมตั้งแต่ช่วงสงครามเย็น อธิบายความเป็นมาว่าทำไมทหารเข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจการต่างๆ ไปถึงหลังสงครามเย็นจบแล้วมีการขยายภารกิจของ กอ.รมน. ให้กว้างขึ้น โดยใช้ทั้งเอกสาร งานวิเคราะห์เกี่ยวกับบทบาทของ กอ.รมน. มาอธิบายความเป็นมาของ กอ.รมน. ตั้งแต่ยุคก่อตั้ง ให้มีความเข้าใจว่าพัฒนาการในบทบาทหน้าที่ของกองทัพพัฒนามาสู่จุดนี้ได้อย่างไร ทั้งนี้ การทำงานวิจัยไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรืออ้างอิงแต่จากเอกสารที่หน่วยงานนั้นผลิตออกมา ถ้าทำแบบนั้นเป็นได้แค่โฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น


ทั้งนี้ หลังการชี้แจงและการโต้เถียงระหว่างทั้งสองฝ่ายซึ่งเน้นอยู่ในประเด็นเกี่ยวกับวิธีวิจัยว่าผิดหรือถูกต้องอย่างไร รอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้กล่าวและตั้งคำถามต่อผู้ชี้แจงในช่วงหนึ่งว่าต่อให้ กอ.รมน. จะมีการวิจารณ์งานของพวงทองอย่างร้ายแรง แต่ต้องถึงขั้นขอร้องให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพิจารณางดเผยแพร่อย่างนั้นเลยหรือ กอ.รมน. ใช้อำนาจทั้งทางกฎหมายหรือทางศีลธรรมอันใดในการให้คำแนะนำว่าคนไทยควรหรือไม่ควรอ่าน ถือสิทธิอะไรและอำนาจจากไหน และนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. ต้องรับผิดชอบกับการกระทำของ กอ.รมน. ด้วยหรือไม่


รอมฎอนยังกล่าวด้วยว่าทั้งนี้ ตนขอให้ทางกรรมาธิการทำหนังสือรายงานถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. ด้วยว่ากำลังเกิดสถานการณ์เช่นนี้อยู่ เพื่อให้มีความระมัดระวังให้เสรีภาพทางวิชาการและกิจกรรมทางวิชาการและปัญญาได้รับการรับรองต่อไป ไม่ได้รับการคุกคามข่มขู่ เพื่อเปิดพื้นที่ให้มีการสนทนาถกเถียงกันต่อได้อย่างสร้างสรรค์ แม้จะมีท่าทีทางญาณวิทยาหรือวิธีวิทยาที่แตกต่างกัน แต่ถ้าเอาคดีมาฟ้องกันจะแสวงหาความรู้ไปทำไม และทุกคนจะมีแต่เสียกับเสียเท่านั้น


ด้าน โฆษก กอ.รมน. ยืนยันว่าหนังสือไม่ได้ถูกมองในเชิงลบถึงขั้นเป็นภัยคุกคาม แต่ท้ายสุดแล้วเรื่องนี้จะมีการนำไปสู่การประสานเรื่องการตรวจสอบทางจริยธรรมหรือการดำเนินคดีหรือไม่ ตนในฐานะฝ่ายสื่อสารยังไม่สามารถตอบ ณ เวลานี้ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของส่วนงานอื่น


ด้านพวงทอง ระบุว่ารู้สึกสบายใจว่างานเปิดตัวหนังสือในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) คงไม่มีทหารเข้ามาตรวจสอบหรือเก็บหนังสือ แต่ยังคงกังวลว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอาจตรวจสอบจริยธรรมของตน และไม่มั่นใจว่าผลจะออกมาเช่นเดียวกับกรณี ณัฐพล ใจจริง ที่มีการร้องเรียนถึงขั้นขอให้ถอดงานวิจัยและวุฒิปริญญาหรือไม่


ด้าน พริษฐ์ ในฐานะประธาน กมธ. กล่าวสรุปว่าตนขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนกันในวันนี้ จากนี้จะหารือกับทางคณะกรรมาธิการฯ เรื่องการทำหนังสือรายงานและหารือทางนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. เรื่องวางกรอบให้ กอ.รมน. ระมัดระวังในการดำเนินการใดๆ ที่สุ่มเสี่ยงจะไปขัดต่อเสรีภาพทางวิชาการต่อในอนาคต โดยส่วนตัวตนอยากให้ กอ.รมน. ใช้วิธีการในการแถลงชี้แจงเหมือนที่ทำในวันนี้ ไม่ใช่การดำเนินการทางจริยธรรมหรือกฎหมาย ไม่ว่าจะโดยตรงเองหรือทางอ้อม รวมถึงวางแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้การสื่อสารมีความรัดกุมมากขึ้น เพราะการแถลงรอบแรกสร้างความกังวลใจต่อนักวิชาการจริงๆ นอกจากนั้น ตนเห็นว่าควรมีการจัดเวทีเชิงวิชาการให้ผู้เขียนและผู้ถูกกล่าวหามาถกเถียงแลกเปลี่ยนข้อมูลกันในลักษณะที่คล้ายกับการประชุมวันนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับฟังทั้งสองมุมมอง

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กอรมน #ในนามของความมั่นคงภายใน