เครือข่ายอดีตเยาวชนฯ
พร้อมเครือข่ายเยาวชน ยื่นหนังสือรมว.ยุติธรรม - อธิบดีกรมพินิจฯ
คัดค้านการหั่นงบฯ ตัดตำแหน่ง“ป้ามล“ ผอ.บ้านกาญจนาฯ
วันที่
2 กันยายน 2567 เวลา 13.30 น. ณ
โถงชันล่างกระทรวงยุติธรรม แจ้งวัฒนะ
เครือข่ายอดีตเยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก
ในนามกลุ่มผู้ถูกเจียระไน เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายบางกอกดีจัง
มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มูลนิธิขวัญชุมชน
เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่าย ชุมชนลดปัจจัยเสี่ยง กลุ่มไม่ขีดไฟ
มูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว
และเครือข่ายองค์กรด้านเด็กและเยาวชนเข้ายื่นหนังสือถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล
อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพื่อแสดงจุดยืนและข้อเสนอ
ต่อการให้ยุติบทบาท ป้ามล "ทิชา ณ นคร"
ผู้อำนวยการศูนยฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก คนนอก
นายชูวิทย์
จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว กล่าวว่า จากกรณีมีรายงานข่าว
ผ่านสื่อมวลชน ระบุว่า กองทรัพยากรบุคคลกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนแจ้งว่า
งบประมาณในปี 2568
มีการตัดตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านเด็กและเยาวชนออก
ความหมายคือต้องยุติการทำหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกๆ บ้านกาญจนาภิเษกคนนอกออก
คือนางทิชา ณ นคร ออก ทำให้เกิดกระแส วิพากษ์วิจารณ์
และมีข้อกังวลในสังคมอย่างกว้างขวางว่า การดำเนินงานในระยะต่อไปของบ้านกาญจนาฯ
จะเข้าสู่ระบบราชการ อำนาจนิยมที่ควบคุมสูงหรือไม่องค์ความรู้จากการทำงาน 20
ปีที่ผ่านมา จะถูกนำไปดำเนินการต่อหรือไม่ ทั้งนี้เมื่อปี 2561
มีงานศึกษาในรูป Focus group ในกลุ่มเยาวชนบ้านกาญจนาฯ
ปี 2556 - 2559 พบเยาวชนทำผิดซ้ำเพียง 6% ต่อมาเมื่อปี 2565 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
(ก.พ.ร) ได้เสนอเรื่องไปยังรัฐบาลเพื่อดำเนินโครงการการปรับปรุงภารกิจของภาครัฐ
แนวทางการขับเคลื่อนการนำร่องถ่ายโอนงานภาครัฐ (sandbox) โดย
บ้านกาญจนาภิเษกอยู่ในนิยามกรณีศึกษาที่ดี
เนื่องจากมีนวัตกรรมที่หลากหลายที่ช่วยเจียระไนเยาชนที่หลงผิดสามารถกลับออกมาเป็นคนดีของสังคม
ไม่กระทำผิดซ้ำจนเป็นต้นแบบให้กับหลายหน่วยงานเข้ามาศึกษาดูงาน
"แต่จากการให้สัมภาษณ์ของอธิบดีกรมพินิจฯ สะท้อนวิสัยทัศน์ที่น่าเป็นห่วง
นอกจากจะไม่ยึดโยงเป้าหมายร่วมระหว่างภาคราชการกับภาคสังคมที่ทำกันมา
ไม่สนับสนุนสานต่อแล้วยังด้อยค่า และอาจหมายถึงการเลี้ยวผิดทางอีกครั้ง
ซึ่งจะส่งผลให้สังคมไทยเสียโอกาสอย่างใหญ่หลวง" นายชูวิทย์ กล่าว
ด้าน
นายอภิรัฐ สุดสาย
อดีตเยาวชนศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย)บ้านกาญจนาภิเษกกล่าวว่า
ตนคืออดีตคนที่เคยก้าวพลาดต้องไปอยู่ที่บ้านต้นทาง
ที่มีระบบของการใช้อำนาจอย่างเต็มที่ จากนั้น จึงได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านกาญจนาภิเษก
ทันทีที่ก้าวเข้ามาก็รู้สึกถึงความปลอดภัย ไม่มีการใช้อำนาจ
เราสามารถทำกิจกรรมเรียนรู้วิเคราะห์ ทำกิจกรรมร่วมกับสังคม
ต่อยอดความคิดพัฒนาตัวเองให้อยู่ในสังคมข้างนอกได้โดยไม่อ่อนแอ
แต่จากข่าวล่าการยุติบทบาทของนางทิชาทำให้รู้สึกตกใจ และกังวลว่า สิ่งดี ๆ
ที่เคยทำมาจะถูก พับเก็บ ไม่รู้ว่าทิศทางต่อไปจะเป็นอย่างไร
อาจจะมีการควบคุมสูงเหมือนเดิม ที่อธิบดีบอกว่ายังมีบ้านคุกเด็ก อื่นรองรับเพียงพอ
แต่ตนมองว่า เป็นการเดินถอยหลัง เพราะตนเคยอยู่ในนั้นมาก่อน
เรารู้ว่ามันเลวร้ายขนาดไหน มันเป็นสถานที่ที่สามารถสร้างปีศาจตนใหม่ตลอดเวลา
เพื่อที่จะปกป้องตัวเองในเวลาที่อยู่ในนั้น
ดังนั้น
เครือข่ายฯ
จึงขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อกระทรวงยุติธรรมและกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
ดังนี้
1.
ขอให้อธิบดีกรมพินิจฯศึกษาทบทวนที่มาที่ไป
เป้าหมายร่วมเพื่อลดการกระทำผิดซ้ำของเยาวชนซึ่งศูนย์ฝึกฯบ้านกาญจนาภิเษก
รับนโยบายมาจากอธิบดีคนแรก นายวันชัย รุจนวงศ์และที่มอีกหลายท่าน เช่น นายธวัชชัย
ไทยเขียว โดยมี คุณหญิง จันทนี สันตะบุตร ผู้ระดมทุนสร้างบ้านกาญจนาภิเษกในวโรกาสในหลวงรัชกาลที่
9 ครองราชย์ครบ 50 ปี และมีนางทิชา ณ
นคร เป็นผู้ค้นหานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว
2.
เนื่องจากนวัตกรรมที่ศูนย์ฝึกฯบ้านกาญจนาภิเษกค้นพบ
ไม่สามารถปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่ระบบอำนาจนิยมที่ไปลึกถึงระดับนวัตกรรมองค์กร
จึงได้มีความพยายามในการค้นหาเส้นทางสายใหม่ และพบว่า พ.ร.บ. ศาล เยาวชน พ.ศ. 2553
มาตรา 55 ได้ เขียนทางออกไว้
แต่ทั้งนี้ต้องเขียนกฎกระทรวงรองรับ สิ่งที่อธิบดีฯ
ควรทำเพื่อตอบโจทย์ที่ทุกคนได้ทุ่มเทอย่างหนักในรอบหลายปีคือการ
ติดตามการเขียนกฎกระทรวงตามเจตนารมณ์มาตรา 55 ต่อจากอธิการบดีๆคนก่อนๆ
และควรชี้แจงต่อสังคมให้รับทราบถึงความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวด้วย
3.
ศูนย์ฝึกฯบ้านกาญจนาภิเษก ยังไม่ใช่ศูนย์ฝึกฯเอกชนตามที่อธิบดี
ให้สัมภาษณ์ แต่กำลังอยู่ในขั้นตอนให้เป็นศูนย์ฝึกๆ ตามมาตรา 55 ซึ่งโดยเจตนารมณ์คือภาครัฐและภาคสังคมต้องร่วมมือกัน
ภายใต้ทรัพยากรที่ตนมี เชี่ยวชาญ
เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเยาวชนที่ก้าวพลาดได้คืนสู่ครอบครัวและเป็นพลังของสังคมต่อไป
ภารกิจของศูนย์ฝึกๆบ้านกาญจนาภิเษกของอธิบดีๆคนก่อนๆของ ก.พ.ร.
จึงต้องถูกสนับสนุนอย่างจริงจังโดย อธิบดีฯ คนปัจจุบัน
4.
ในฐานะอดีตเยาวชนบ้านกาญจนา ภิเษก ที่ปัจจุบันคือประชาชน
คือนักศึกษา คือคนทำงาน
ที่กำลังสร้างความเข้มแข็งจากต้นทุนชีวิตที่ได้รับจากบ้านกาญจนาภิเษก
พวกเราทราบมาโดยตลอดว่าที่นี่ได้วางนโยบาย
มีเป้าหมายร่วมกับภาคราชการคือกรมพินิจฯกับภาคสังคมที่คุณหญิงจันทนี สันตะบุตร
และป้ามล ทิชา ณ นคร เพื่อค้นหาเครื่องมือลดการทำ
ผิดซ้ำของเยาวชนที่ก้าวพลาดในสถานพินิจ ซึ่งไม่ใชโจทย์ที่ง่าย
แต่บ้านกาญจนาภิเษกกลับทำได้ หลักฐานเชิงประจักษ์คือพวกเราที่เป็นผู้รอดกว่า 90-95
% ความจริงกรมพินิจฯ
ต้องหาทางขยายผลหรือสนับสนุนบ้านกาญจนาภิเษกอย่างจริงจัง เข้มแข็ง แทนการปิดหู
ปิดตา ปิดปาก เสมือนการค้นพบนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ได้อย่างชัดเจนของที่นี่ ไร้ค่า
ไม่มีความหมายใด ๆ ต่อพันธกิจของกรมพินิจฯ
และการมาในครั้งนี้มิได้มาเพื่อปกป้องตัวบุคคล
แต่คือการมาเพื่อต้องการแสดงให้เห็นว่าพวกเราคือหลักฐานเชิงประจักษ์จริงๆ และ
5.
ขอให้ชี้แจงให้ชัดเจนว่าระบบ กระบวนการต่าง ๆ
ของบ้านกาญจนาภิเษกซึ่งเปลี่ยนแปลง เด็กเยาวชนที่ทำผิดได้จริง
จะยังคงอยู่อย่างมีหลักประกัน
หรือจะถอยหลังกลับไปเป็นคุกเด็กแบบเดิมที่มองไม่เห็นนวัตกรรมใต
ๆแต่ยังคงวนเวียนอยู่กับรูปแบบที่แข็งแรงของระบบอำนาจนิยม ซึ่งเราขอคัดค้านการนำศูนย์ฝึกฯ บ้านกาญจนา
ภิเษกกลับไปเป็นคุกเด็กด้วยระบบแบบเดิม ๆ
และขอยืนยันจะเคลื่อนไหวคัดค้านอย่างถึงที่สุด