“ลูกเกด ชลธิชา” เสนอหั่นงบหาเสียงชิงเก้าอี้คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ถามเลือกตั้งเดือนหน้าแล้ว จะใช้งบตอนไหน ชี้ พิสูจน์ความจริงจังด้านสิทธิฯ รัฐบาลทำได้เลย ไม่ต้องของบ
วันที่ 3 กันยายน 2567 ในการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วาระ 2-3 ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี เขต 3 พรรคประชาชน อภิปรายมาตรา 10 การจัดสรรงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศ โดยระบุว่า งบประมาณจำนวนมากในปีนี้ ถูกใช้ไปกับโฆษณาชวนเชื่อสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยผ่านโครงการต่าง ๆ อย่างไรก็ดี ตนไม่แน่ใจว่างบที่ใช้จะคุ้มค่า สมเหตุสมผล และสามารถบรรลุเป้าหมายได้จริงหรือไม่
โดยขอเน้นไปที่โครงการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งมีการตั้งงบกว่า 61 ล้านบาท ถูกใช้จ่ายเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในการฟื้นฟูบทบาทของไทยในเวทีโลกด้านสิทธิมนุษยชน เช่น ค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมบทบาทของไทยในเวทีประชุมใหญ่ของสหประชาชนกว่า 30 ล้านบาท และในงบส่วนนี้เอง มีส่วนที่ตนตั้งคำถามถึงความสมเหตุสมผล คือโครงการรณรงค์สมัครรับเลือกตั้งคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HRC) กว่า 4.9 ล้านบาท เพื่อใช้ในการรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งดังกล่าว
ชลธิชากล่าวต่อว่า นโยบายฟื้นคืนบทบาทไทยในเวทีโลกด้านสิทธิมนุษยชนนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่จากข้อสังเกตต่อไปนี้ ตนไม่มั่นใจว่าประเทศไทยจะทำเรื่องนี้ได้ทัน และได้ตำแหน่งอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ข้อสังเกตแรก คือการเลือกตั้งเพื่อชิงตำแหน่ง HRC จะเกิดขึ้นต้นเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ หรืออีกไม่กี่วันหลังจากที่งบประมาณนี้ผ่าน คำถามคืองบนี้จะถูกใช้เพื่อรณรงค์หาเสียงตอนไหน เพราะการหาเสียงควรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันเอกสารชี้แจงงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศ พบว่าช่วงปี 67 มีการตั้งงบประมาณในส่วนนี้ไว้อีก 5.6 ล้านบาท แต่กระทรวงไม่ได้เบิกจ่ายแต่อย่างใด
ข้อสังเกตที่สอง การได้ตำแหน่งเราควรได้มาอย่างสมภาคภูมิ ผ่านการพิสูจน์ให้นานาอารยประเทศเห็นว่าไทยพร้อมที่จะสนับสนุนส่งเสริมประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และ มนุษยธรรมในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะกรณีสำคัญอย่างเมียนมาที่เป็นประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลไทยสามารถพิสูจน์ให้เวทีโลกเห็นได้ถึงความตั้งใจจริงของเราโดยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณเลย ที่ผ่านมาตนได้พูดคุยกับรัฐบาล นักการเมืองในประเทศพัฒนาแล้ว องค์กรระหว่างประเทศ พวกเขาต่างพร้อมสนับสนุนทรัพยากรด้านมนุษยธรรมให้ประเทศไทยรวมถึงตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา รอแค่รัฐบาลไทยพร้อม
ข้อสังเกตที่สาม เป็นประเด็นสำคัญที่จะพิสูจน์ว่าไทยมีความเหมาะสมกับตำแหน่งนี้และเราสามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องตั้งงบประมาณหาเสียงเลย นั่นคือการยกระดับสิทธิมนุษยชนไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล แต่สถานการณ์สิทธิในประเทศไทยยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด ไม่ว่าจะเป็น คดีทางการเมืองอย่างมาตรา 112 ทุกวันนี้ยังมีเด็กเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ถูกคุมขังถูกดำเนินคดี หรือแม้แต่การยุบพรรคการเมือง
ชลธิชากล่าวว่า ข้อท้วงติงและข้อเสนอแนะเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราต้องรับฟังและนำมาแก้ไขเพื่อให้แน่ใจว่าคุณค่าสิทธิมนุษยชนที่เรากล่าวอ้างกันนั้น จะเป็นสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากล ไม่ใช่แบบไทยๆ อย่างที่เราชอบอ้าง ทั้งนี้ ในชั้น กมธ.งบประมาณฯ มีการตัดลดงบประมาณก้อนนี้ลงแล้วส่วนหนึ่ง แต่จากเหตุผลและข้อสังเกตทั้งหมดที่กล่าวมา ตนขอยืนยันขอตัดลดงบประมาณทั้งโครงการนี้ลง จำนวนกว่า 4.9 ล้านบาท เพราะไม่เชื่อมั่นว่ากระทรวงการต่างประเทศจะสามารถใช้งบส่วนนี้รณรงค์หาเสียงที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ได้