วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2567

ธิดา ถาวรเศรษฐ : เสถียรภาพของรัฐบาลขึ้นอยู่กับฝั่งอนุรักษ์นิยมที่ไม่เป็นเอกภาพกัน มี “บิ๊กดีล” ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะราบรื่น

 


ธิดา ถาวรเศรษฐ : เสถียรภาพของรัฐบาลขึ้นอยู่กับฝั่งอนุรักษ์นิยมที่ไม่เป็นเอกภาพกัน มี “บิ๊กดีล” ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะราบรื่น


ถอดจากรายการ คนดังนั่งคุย ทางช่อง 8

ออกอากาศเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2567

ลิ้งค์ยูทูป https://www.youtube.com/watch?v=54hju5U_UWQ


*** ความรู้สึก เพื่อไทย จับมือ ประชาธิปัตย์ ***


ถ้าพูดถึงคนเสื้อแดงทั่วไป ถ้าย้อนเวลาไปหลายคนก็รู้สึกว่าแผลยังสดอยู่เลย ความเจ็บปวดยังดำรงอยู่ ในกรณีของพรรคประชาธิปัตย์ ดิฉันเชื่อว่าคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ยังรู้สึกเจ็บปวดและไม่ยินดีกับการที่มีพรรคประชาธิปัตย์ในรัฐบาล แต่ว่าเนื่องจากการข้ามขั้วมันเกิดขึ้นก่อน การข้ามขั้วตรงนั้นมันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แล้วหลายคนก็คาดอยู่แล้วว่าตอนข้ามขั้วประชาธิปัตย์อาจจะมาร่วมอยู่ด้วยก็ได้ ครั้งนั้นเจ็บปวดอย่างมากไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็คือมีประชาธิปัตย์มามันก็เป็นอะไรที่ซ้ำแผลที่เจ็บอยู่แล้ว


แต่ด้านหลักก็คือว่าการที่มาเป็นรัฐบาลร่วมกับพรรคที่เป็นรัฐบาลเดิมของพลเอกประยุทธ์ ได้ก้าวข้ามจากฝั่งสนับสนุนประชาธิปไตยโดยที่บอกว่าสลายความขัดแย้ง ซึ่งความจริงมันสลายไม่ได้ เพียงแต่ว่าเพื่อมาเป็นรัฐบาลแล้วจะได้เดินทางต่อ



*** ถูกหักหลัง ***


ถ้าเป็นคนเสื้อแดงที่เน้นอุดมการณ์และการต่อต้านรัฐประหารเป็นหลัก นปช.คือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ดังนั้นก็คือถ้าเน้นตรงหลักการอันนี้ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของคนเสื้อแดง จุดกำเนิดของคนเสื้อแดงอยู่ที่การต้านรัฐประหารปี 49 ต้านรัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งเป็นผลผลิต นี่คือจุดกำเนิดของคนเสื้อแดง


แล้วในการต่อสู้ต่อมาก็ยังเป็นประเด็นการต่อต้านรัฐประหารเป็นหลัก เพราะว่าเรามาเจอรัฐประหารรอบใหม่อีก ในคนส่วนนี้จะรู้สึกว่าถูกหักหลังตั้งแต่ตอนก้าวข้าม แต่ว่าเสื้อแดงบางส่วนซึ่งเรียกว่ามีความรู้สึกที่ว่าเป็น FC พรรคเพื่อไทย มีความผูกพันกันมาก คนเหล่านี้ก็อาจจะถือว่าพรรคเพื่อไทยไปไหนก็ไปด้วย คือไม่ได้ยึดเรื่องการต่อต้านรัฐประหาร แต่ยึดในฐานะเป็นแฟนคลับของพรรคเพื่อไทย คนสองส่วนนี้ส่วนไหนมากกว่าเราก็ต้องไปดูตอนโหวต อย่างผลโหวตตอนปี 62, ปี 66 ก็ดูจะเป็นแนวทางที่เห็นว่าพรรคเพื่อไทยก็เสียโหวตเตอร์ไปเยอะ



*** ทักษิณและอนุรักษ์นิยม มีศัตรูร่วมกัน ***


มองว่าเป็นความเสี่ยงของคุณทักษิณนะ เพราะว่าคุณทักษิณเองก็ไม่ได้เป็นที่ไว้วางใจของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ในส่วนที่เป็นฝ่ายแค้นเก่าหรือกลุ่มจารีตสุดโต่ง กลุ่มนี้ก็ยังไม่สามารถรับการเข้ามาร่วมของพรรคเพื่อไทยได้ แม้จะเป็นความจำเป็น แต่ว่าเฉดที่ต้องการดึงเพื่อไทยให้มาร่วมเพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการสืบทอดอำนาจ ก็ยังจะพยายามให้เพื่อไทยดำรงอยู่ แต่ดิฉันมองว่าเป็นความเสี่ยง ก็คือ การที่จะสร้างคะแนนนิยมก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่จะทำได้ง่าย ๆ เพราะคุณจะเจออุปสรรคทั้ง 2 ปีก ทั้งฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่เขาไม่ยินดีกับคุณ คุณจะมี “นักร้อง” ร้องทุกวันเลย มี 20 คดี 40 คดี มันก็ต้องโดนสักคดีหนึ่งล่ะ คุณจะต้องเจอตุลาการภิวัฒน์ ซึ่งเขาก็ยังไม่โอเคกับคุณ ในส่วนประชาชนที่เขาไม่เห็นด้วย เพราะฉะนั้นคุณจะอยู่ในท่ามกลางการขนาบของ 2 ปีกของ 2 ขั้ว แม้ว่าคุณจะบอกว่าคุณข้ามมาแล้ว แต่ทางฝั่งอนุรักษ์นิยมก็ไม่ได้รับเต็มที่


ในขณะเดียวกันฝั่งที่เป็นทหารของคุณก็กลายไปเป็นทหารของพรรคประชาชน ทำให้การเมืองประเทศไทยกลับมาถึงจุดที่ไม่น่าไว้วางใจอีก ไม่มีเสถียรภาพ แม้ดูเหมือนว่านักลงทุนจะดีใจ หุ้นขึ้น แต่ว่ายังรับรองไม่ได้ว่ารัฐบาลนี้จะสามารถอยู่ไปได้นานเท่าไหร่ น่าเป็นห่วง!



*** หลอกใช้กันอยู่? ***


เขาคิดว่า win-win ทั้งคู่ คุณทักษิณก็อยากเป็นรัฐบาล อยากกลับมา อยากมีอำนาจ แต่ว่าการมาเป็นรัฐบาลตรงนี้ ฝั่งอนุรักษ์นิยมก็ถือว่า win เพราะว่าสามารถที่จะจัดการพรรคประชาชนออกไปได้ ก็คือยังสามารถเป็นรัฐบาลที่ต่อเนื่องมาจากชุดของพลเอกประยุทธ์เมื่อปี 62 ได้ เพราะเราจะเห็นว่าพรรครัฐบาลเดิมอยู่เต็มเลย แต่ว่าคะแนนเสียงไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นคุณทักษิณก็เลยกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ได้ไว้วางใจสักเท่าไร เขาอาจจะมองว่า win-win ทั้งคู่ คุณทักษิณได้เป็นรัฐบาล ได้กลับมา ทางฝั่งนี้ก็ได้เป็นรัฐบาล


แต่ถ้าอาจารย์มองว่ามันไม่ง่าย! เพราะว่าความไม่เป็นเอกภาพของฝั่งอนุรักษ์นิยม ก็อาจจะจัดการกับพรรคคุณทักษิณเมื่อไรก็ได้ เพราะว่าฝั่งนี้เขาอาจจะไม่สนใจในความคิดเชิงยุทธศาสตร์ว่าต้องเอาพรรคเพื่อไทยมาอยู่นะ ไม่งั้นก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะว่าวิธีคิดของอนุรักษ์นิยมหรือจารีตนิยมที่สุดโต่งไม่สนใจประเทศจะเป็นยังไง แต่ไม่ต้องการให้ระบอบทักษิณกลับมา


แล้วฝั่งอนุรักษ์นิยมที่มีความคิดเชิงยุทธศาสตร์ที่เอาคุณทักษิณมา ก็อาจจะควบคุมเขาไม่ได้ เช่น มีนักร้อง มีองค์กรอิสระ มีตุลาการภิวัฒน์ บิ๊กดีลหรืออะไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าจะราบรื่น เพราะฉะนั้นเป็นความเสี่ยงของคุณทักษิณ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นความเสี่ยงของเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไทยที่มันจะถึงไปสู่อนาธิปไตย



*** การรวมตัวกันของ “ม็อบพันธมิตร/กปปส./นปช. ***


ก็น่าจะมีแต่พันธมิตรกับกปปส. เพราะฝั่งคนเสื้อแดงที่เขาไม่พอใจคุณทักษิณ อาจารย์คิดในอีกแง่แบบที่รู้จักกันนะ ยังไงเขาก็ยังมองว่าเคยเป็นมิตรกัน คงไม่ได้ออกมาในเชิงขับไล่ และจะให้เขามารวมกับฝั่งกปปส.คงไม่ไหว แผลมันยังมีอยู่ ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 53 แล้วก็การถูกจับกุมคุมขัง, คดีความอะไรต่าง ๆ มันเยอะมาก ดังนั้นคงจะอยู่เงียบ ๆ มากกว่า แต่อาจจะแสดงบทบาทในโซเชียลมีเดียจำนวนหนึ่ง แต่คนเสื้อแดงถ้าเป็นรุ่นเก่า ๆ เขาก็คงจะไม่ถนัดในโซเชียลมีเดีย


เพราะฉะนั้นก็คือ ภาวะในขณะนี้อาจารย์มองว่าคนเสื้อแดงใช้วิธีการต่อสู้โดยการไปเลือกตั้งและเลือกพรรคการเมืองมากกว่าจะใช้วิธีลงถนน การเลือกตั้งปี 62 เนื่องจากบัตรใบเดียว อนาคตใหม่ก็ได้เสียงมาเยอะ ตอนนั้นก็ยังมองว่าอาจจะเป็นเพราะยุบไทยรักษาชาติ เสียงเลยไปได้ แต่จริง ๆ ก็ไม่ใช่อย่างนั้นเสียทีเดียว พอมาเลือกตั้งปี 66 ใช้สีและใช้ครอบครัวเพื่อไทยกลายเป็นสีแดง สีแดงเดิมไม่ใช่สีของพรรคเพื่อไทยนะ พรรคเพื่อไทยก่อนหน้านี้ไม่ได้จำเป็นต้องใช้สีแดง แต่คนอยากใส่เสื้อแดงเอง อย่างปี 54 ของคุณยิ่งลักษณ์ คนก็เอาเสื้อแดงตัวเก่าที่ใส่ปี 53 มาปี 54 ตอนนั้นคุณทักษิณไม่อยากให้ใส่เสื้อแดงเลย


แต่ว่าพอมาปี 66 ก็มองเห็นแล้วว่าเสียงหายไปเยอะ ก็ต้องการให้คนเสื้อแดงกลับบ้าน ก็เลยเปิดเป็นสีของพรรค เป็นสีแดง ต่างไปจากในยุคปีก่อน ๆ มันหายไปแล้วรอบหนึ่ง พอตอนปี 66 เสียงมันต่างจากคุณยิ่งลักษณ์อยู่เกือบ 5 ล้านเสียง มันจะไปอยู่ที่ไหน มันก็ต้องไปอยู่ที่พรรคประชาชนมากกว่า เพราะว่าเสื้อแดงที่มีอุดมการณ์ในการต่อต้านรัฐประหารและอยู่ในฝั่งประชาธิปไตย เขาก็มีสิทธิจะเลือกเพราะว่านปช.เราบอกว่ามันต้องมี 2 ขาในการต่อสู้ ขาหนึ่งอยู่ในเวทีรัฐสภา คุณจะสนับสนุนพรรคอะไรก็ได้แต่ให้เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งเมื่อก่อนมีพรรคเดียว มันก็ไม่มีปัญหาอะไร ชอบ/ไม่ชอบ สส.หรืออะไรก็ต้องเลือก อีกขาหนึ่งนอกเวทีรัฐสภา ต่อสู้ทางการเมือง ต่อต้านรัฐประหาร คืนอำนาจให้ประชาชนเป็นหลักอย่างเดียว ไม่ทำเรื่องอื่นเลย นี่คือจุดยืนของคนเสื้อแดง


ดังนั้น ปี 66 เราเห็นชัด ตอนนั้นยังไม่ข้ามขั้วนะ คุณณัฐวุฒิยังไปช่วยหาเสียงให้ครอบครัวเพื่อไทย แล้วก็บอกไม่เอา 2 ลุง แต่มาบอกเอาในตอนหลัง เพราะฉะนั้น ความชัดเจนของพรรคที่เกิดขึ้นใหม่อาจจะมีส่วนดึงดูด ก็ทำให้เสียงหายไปอย่างมากเลย คนที่มีอุดมการณ์แน่วแน่ที่ถูกปลูกฝังมาตั้ง 10 กว่าปี อาจารย์ว่ามีโอกาสไปเลือกพรรคใหม่สูงมาก



*** มนต์ขลัง “ทักษิณ” เสื่อม ***


คนรุ่นใหม่ต้องการแก้ปัญหาการเมืองก่อน เพราะว่าวิกฤตเศรษฐกิจมันก็ขึ้นอยู่กับวิกฤตการเมือง คุณจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำยังไง? คุณจะแก้ปัญหาทุนผูกขาดได้ยังไง? มันเป็นไปไม่ได้ถ้าหากคุณไม่แก้ปัญหาทางการเมือง แล้วคุณไม่เข้าสู่โครงสร้าง การเข้าสู่โครงสร้างมันอาจจะมีปัญหากับชนชั้นนำ 1% ปัญหาอยู่ก็คือว่าคนรุ่นใหม่ต้องการแตะ ต้องการแก้ปัญหาโครงสร้าง ในความเชื่ออาจารย์นะ ก็คือเขามองวิกฤตการเมืองเป็นสำคัญเพื่อจะแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ถ้าคุณไม่แก้ปัญหาที่วิกฤตการเมือง คุณก็ทำได้อย่างนี้แหละ ทำได้อย่างละชิ้น แจกเงิน สังคมสงเคราะห์ แจกมากก็ไม่ได้ ต้องแจกเฉพาะคนจนแบบสังคมสงเคราะห์ คุณจะไปทำสวัสดิการหรือแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่มีแก้ปัญหาระบบรายได้รายจ่ายของประเทศ ถ้าคุณไม่แก้การเมืองคุณก็ไปแตะไม่ได้ คุณก็แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ มันก็เหมือนประพรมน้ำไปเรื่อย ๆ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ถ้าสำหรับคนรุ่นใหม่ อาจารย์มองว่าเขาไม่เอา


*** ความหวังของคนเสื้อแดงต่อเพื่อไทย ***


คนเสื้อแดงแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่เป็น FC ไม่ว่าจะขึ้นภูเขา ลงทะเล เขาก็ตาม แต่ถ้าถามว่าใครมากกว่า อาจารย์ว่าแดงอุดมการณ์มีมากกว่า ไม่มีการนำนปช.ต่อไปแล้ว แต่ด้วยทิศทางมันเป็นทิศทางเดียวกันคือให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ให้อำนาจเป็นของประชาชน ไม่มีการทำรัฐประหาร เดินไปเส้นทางที่เป็นระบอบประชาธิปไตยแบบสากล ไม่ใช่แบบไทย ๆ พอเป็นเส้นทางเดียวกัน เขาก็เรียนรู้โดยอัตโนมัติโดยไม่จำเป็นต้องมีการชี้นำ ดังนั้น เพื่อไทยในยุคนี้ต้องใช้แนวทางบ้านใหญ่ จะเป็นแนวทางกระแสประชาธิปไตยก็คงไม่ได้แล้ว ก็คงเปลี่ยนยุทธศาสตร์ในการหาเสียงใหม่ ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น เพราะว่าเสียงฐานเดิมเป็นเสียงฝ่ายประชาธิปไตย แต่พอก้าวข้ามมาสนับสนุนพรรครัฐบาลเดิมที่เป็นฝ่ายสืบทอดอำนาจ มันก็จะหาเสียงกับฝ่ายประชาธิปไตยยากล่ะ ก็คงต้องเปลี่ยนเป็นยุทธศาสตร์แบบบ้านใหญ่ แบบเดียวกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมทั้งหมด



*** เสถียรภาพรัฐบาล จะมั่นคงหรือไม่? ***


อาจารย์ว่าไม่มั่นคง เพราะว่าไม่ใช่เป็นปัญหาของพรรคประชาชนนะ แล้วก็ไม่ใช่เป็นปัญหาของฝ่ายประชาธิปไตย หรือฝ่ายมวลชนคนเสื้อแดงนะ แต่เป็นปัญหาที่ว่าเมื่อคุณทักษิณมาอยู่แล้วมาเป็นรัฐบาล เป็นปัญหาของฝั่งอนุรักษ์นิยมที่เขาไม่ได้เป็นเอกภาพกัน เขาไม่ได้มีการขึ้นต่อกันโดยสมบูรณ์ คุณทักษิณมีบิ๊กดีลจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะราบรื่น คุณก็จะมีนักร้อง คุณก็มีม็อบ แล้วก็มีตุลาการภิวัฒน์ มีป.ป.ช. มีกกต. ซึ่งยังสืบทอดอำนาจอยู่ ขึ้นอยู่กับว่ามีการทำอะไรที่ผิดพลาดสุ่มเสี่ยง เขาร้องไปสัก 30 เรื่อง มันอาจจะโดนสักเรื่องหนึ่ง แล้วเขาร้องได้ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการครอบงำ เรื่องผิดจริยธรรม เรื่องอะไรต่าง ๆ ก็มีได้ ขึ้นอยู่กับว่าเวลาเป็นรัฐบาล อยู่ในความพึงพอใจส่วนใหญ่ของอนุรักษ์นิยมหรือเปล่า? คุณไม่สามารถที่จะทำอะไรตามใจชอบได้ อย่าคิดว่ามาเป็นรัฐบาลแล้วจะทำอะไรตามใจชอบ


ดังนั้น จึงทำให้การเมืองนับแต่นี้ยังไม่มีเสถียรภาพ ไม่อย่างนั้นคุณเศรษฐาจะโดนหรือ? คุณเศรษฐานั้นใคร ๆ เขาบอก 3 หมื่นเปอร์เซ็นจะรอด เพราะว่าคุณทักษิณมีบิ๊กดีลแล้ว และดูเหมือนได้รับความสนับสนุนจากพลเอกประยุทธ์ด้วย แต่คุณเศรษฐายังไป ปัญหาคือแล้วตอนนี้เสี่ยงมั้ย? คุณแพทองธาร ก็เสี่ยงอยู่ แต่สำหรับอาจารย์ก็คือเป็นห่วงเสถียรภาพการเมืองประเทศชาติเพราะไม่ต้องการให้มีรัฐประหารอีกแล้ว มันจึงเป็นเรื่องที่ทำนายยากว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน? เพราะว่าเครือข่ายของอนุรักษ์นิยมมีอยู่มาก ทั้งในด้านกองทัพ ในด้านตุลาการภิวัฒน์ สื่อ กลุ่มม็อบต่าง ๆ องค์กรอิสระ และนักร้อง มันมีอยู่มาก การที่จะให้คิดเห็นเป็นเอกภาพทั้งหมด อาจจะลำบาก เพราะฉะนั้น คุณทักษิณอยู่ลำบากแน่!!!


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทักษิณ #เพื่อไทย #ประชาธิปัตย์