วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2567

“หมอเหวง” เรียกรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง “ครม.วงศาคณาญาติ”


“หมอเหวง” เรียกรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง “ครม.วงศาคณาญาติ”


ถอดจากรายการ เรื่องใหญ่รายวัน ช่อง one31

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567


***พอมีครม.อย่างเป็นทางการแล้ว หลายท่านให้ฉายาค่อนข้างแรง ว่าเป็น ครม.สืบสันดาน วันนี้คุณอุ๊งอิ๊งก็บอก โอ้โหแรงจังเลย คุณอนุทินบอกว่าอย่างใช้วาทกรรมมาพูดกันแบบนี้ ในมุมของคุณหมอเหวงคิดยังไงกับประเด็นนี้***


คือ “การเมือง” สำหรับผมเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ เพราะทำหน้าที่ในการรับใช้ประชาชนกับรับใช้ประเทศชาติ พรรคการเมืองที่มารวมตัวกันต้องถืออันนี้เป็นหลัก ถ้าไม่ถืออันนี้เป็นหลักนี่จบเลยนะ ก็แปลว่าพวกคุณเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น คือต้องการที่จะมีโอกาส มีศักดิ์ศรี มีโอกาสได้สายสะพาย อะไรต่าง ๆ เหล่านี้เป็นต้นซึ่งมันผิด ฉะนั้นต้องเริ่มต้นตรงนี้ก่อน “การเมืองเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์” คือต้องมาเพื่อรับใช้ประชาชนและผลักดันให้ประเทศก้าวหน้าขึ้นไป ถ้าคิดอย่างนี้ต้องเอาคุณภาพของคนเป็นหลัก ไม่ใช่เอาสัมพันธภาพส่วนตัวเป็นหลัก แยกสองเรื่องนี้ออกจากกันนะครับ


ขออนุญาตย้อนหลังนิดหนึ่ง คือตั้งแต่สมัยทักษิณแล้ว เอาคุณสมัครมาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็ว่าเป็นเรื่องที่แปลก แต่ว่าก็พอที่จะเข้าใจได้อยู่ คุณสมัครก็เป็นคนที่มีความสามารถบริหารชาติบ้านเมืองได้มาก พอคุณสมัครได้รับชะตากรรมทางการเมืองไป ผมทราบมาว่าคุณสมัครก็พร้อมที่จะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ปรากฏว่าคุณทักษิณไม่สนับสนุนอีกต่อไป ตอนนั้นชัดเจนว่าคุณทักษิณเขามีบารมีสูงในพรรคพลังประชาชน กลับกลายเป็นว่าอยู่ ๆ เปลี่ยนตัวมาเป็น สมชาย วงศ์สวัสดิ์ แล้วก็กลายเป็นว่าคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผมก็เพิ่งรู้ว่าเป็นน้องเขยคุณทักษิณ ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาผมก็รู้สึกเอะใจอยู่แล้ว แต่ว่าในกรณีคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เขาเคยมีประวัติในการรับใช้ราชการมาในตำแหน่งสูงของประเทศ ก็เลยคิดว่ามีความสามารถในการที่จะบริหารราชการแผ่นดินได้ เราก็ไม่ว่ากัน แต่ว่าตรงนี้ก็รู้สึกตะขิด ๆ ใจอยู่นิดหนึ่งว่าทำไมไม่เอาคุณสมัครต่อไป


***แต่รอบนี้ล่ะครับ ที่มีลูกสาวคุณทักษิณก็ดี ลูกสาวคุณชาดา น้องคุณธรรมนัส คุณหมอมองยังไงครับ***


คือเส้นทางนี้มันเป็นอย่างนี้มาตลอด ตั้งแต่คุณทักษิณไปเอาคุณยิ่งลักษณ์มา เราเห็นชัดแล้วว่านี่มันเป็นระบบครอบครัวนะครับ ผมเองอาจจะไม่ใช้คำแรงแบบที่บางคนเขาพูดว่าเป็น “ครม.สืบสันดาน” แต่ผมใช้คำว่าเป็น “ครม.วงศาคณาญาติ” เพราะมันเห็นชัด


คืออย่างที่ผมพูดเมื่อสักครู่ การเมืองไม่ใช่เป็นเรื่องของการทดแทนกัน บางคนเขาอาจจะมีความสามารถทางการเงินสูง เพราะฉะนั้นเขาอาจจะทุ่มเงินไปสนับสนุนพรรคการเมืองได้ การทุ่มเงินไปสนับสนุนพรรคการเมืองก็ไม่ว่ากันเพราะรู้ว่าคุณมีจิตศรัทธาต่อพรรคการเมืองนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าพอคุณทุ่มเงินไปสนับสนุนพรรคการเมืองนั้น พรรคการเมืองนั้นต้องมีภาระที่จะโอบอุ้มคุณขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี มันไม่ได้! ถ้าคิดอย่างนี้นะ เพียงเท่านี้มันไม่ได้ อย่างที่ผมว่าภารกิจทางการเมืองมันศักดิ์สิทธิ์


กลับมาประเด็น คือผมดูแล้วพรรคการเมืองไม่น้อยเลยในเมืองไทยมีลักษณะเช่นนี้ คือคนที่มาสนับสนุนพรรคการเมืองดังกล่าว สมมุติ ก. ทุ่มเงินเข้ามาก็ดี หรือคนที่มีบารมีในเขตนั้นก็ดี หรือคนที่มีอิทธิพลในเขตนั้นก็ดี ซึ่งทำให้พรรคการเมืองดังกล่าวได้รับการเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก พอผ่านจากการเลือกตั้ง เขาก็ได้รับการสนองตอบโดยการได้ตำแหน่งรัฐมนตรีตามจำนวนที่เขาสามารถเลือกเข้ามาได้ เห็นชัดที่โคราชในกรณีของเพื่อไทยไปดู เที่ยวนี้นะ ผมไม่ได้ไปตำหนิใครนะ แต่ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการทำงานการเมืองแบบนี้ ว่าตอบสนองต่อคนที่ทำคุณประโยชน์ต่อพรรค แต่เดี๋ยวนี้มันเป็นอย่างนี้ครับ


ผมไม่ก้าวล่วงเข้าไปในพรรคไหนนะ แต่ว่ากรณีของภูมิใจไทยก็เห็นชัดนะว่าคุณชาดา พอดูท่าทางว่าอาจมีปัญหาที่ก่อนหน้านี้ผมก็ติดตามการให้สัมภาษณ์คุณชาดามาตลอดว่าคุณชาดาเขามีความมั่นใจ ว่าสะอาดปลอดภัยแน่นอน แต่พอมีเสียงคัดค้านก็เอาลูกสาวมาเลย เขาก็มีสิทธิ์ ผมไม่ได้ไปลิดรอนสิทธิ์เขา แต่ผมตั้งคำถามว่า


สุดท้ายแล้วการทำงานการเมืองคุณทำงานด้วยจุดประสงค์อะไรครับ?


ด้วยจุดประสงค์ในการที่จะค้นหาคนที่มีความสามารถสูงสุดในพรรคของคุณ เพื่อมาผลักดันให้ประเทศชาติบ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า ใช่หรือเปล่าครับ?


ในพรรคของคุณอนุทินมีเฉพาะคุณซาบีดาเท่านั้นใช่มั้ยครับที่มีความสามารถเทียบเท่ากับคุณชาดา อย่างนี้เป็นต้น


รวมไปถึงพรรคเพื่อไทยก็ไม่ต่างอะไรกัน ลองไปดูนะครับ


Cr. รายการ เรื่องใหญ่รายวัน ทางช่อง one31


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #หมอเหวง