"พิชัย"
เผยค่าเงินบาทแข็งสุดในรอบ 19 เดือน ผลจากนโยบายดอกเบี้ยสหรัฐ
ยืนยันค่าเงินเฟ้อยังต่ำกว่ากรอบ ขอผู้ว่าแบงค์ชาติ หันมาพูดคุยกัน
ปรับลดดอกเบี้ยให้สอดคล้องนโยบายรัฐบาล และประเทศคู่ค้า
วันนี้ (25 กันยายน 2567) นายพิชัย
ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความชัดเจน
เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยว่า
นโยบายอัตราดอกเบี้ยเป็นเรื่องสำคัญกับทุกคนที่ต้องการใช้เงินลงทุนจึงต้องเป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน
เห็นได้ชัดจากเรื่องค่าของเงินที่แข็งตัวขึ้น จนเมื่อวานนี้อยู่ที่ 23
จึงถือว่าแข็งที่สุดในรอบไป 19 เดือน
ซึ่งการที่ค่าเงินแข็งขึ้นจะส่งผลกับผู้ส่งออก
เขาหากค่าเงินอ่อนจะสามารถส่งออกได้จำนวนมาก แต่จะส่งผลดีกับผู้ลงทุน
เช่นการซื้อเครื่องจักรต่างประเทศ ดังนั้นแต่ละคนจึงมีความต้องการไม่เหมือนกัน
แต่สำคัญที่สุดต้องทราบสาเหตุก่อนว่าการที่ค่าเงินแข็งตัวขึ้นมีผลมาจากภายนอก
โดยเฉพาะสถานการณ์ของสหรัฐอเมริกาที่มีนโยบายอัตราดอกเบี้ยสูงมาอย่างยาวนาน
ดังนั้นทุกประเทศทั่วโลกจะได้รับผลกระทบ
เพราะเม็ดเงินจะไหลเข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ผลที่จะตามมาคือค่าเงินเฟ้อ
แต่จากประเมินไม่น่าจะสูงอย่างที่คาดการณ์ไว้
แต่อย่างไรค่าเงินเฟ้อก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะนำมาพิจารณาเรื่องการกำหนดอัตราดอกเบี้ย
โดยกำหนดกรอบไว้ 1-3% ดังนั้นหากอัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบก็ต้องดูว่าแล้วอัตราดอกเบี้ยสูงเกินไปหรือไม่
เพิ่งจะส่งผลต่อความมั่นใจของผู้ผลิตมากขึ้น
ซึ่งนโยบายของรัฐบาลมุ่งเน้นให้เศรษฐกิจเติบโตแต่
แต่ถ้าดันให้ดอกเบี้ยสูงมันจะสวนทางกัน
ซึ่งหากกังวลว่าหากปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เกิดการใช้จ่ายเงินจำนวนมากทำให้เกิดเงินเฟ้อ
ขอยืนยันว่าอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่ากรอบต่ำ
และอยากให้มาทำนโยบายการเงินการคลังร่วมกัน
และเป็นไปตามที่รัฐบาลได้เคยสัญญาไว้กับประชาชน
"
หากกลัวว่าดอกเบี้ยลงแล้วคนจะกู้มากขึ้นและทำให้เป็นหนี้มากขึ้น
เราก็มองเห็นว่าแนนั้นใช่ในภาวะที่คนเงินเยอะ
แต่ถ้าดอกเบี้ยลงในภาวะที่คนไม่มีเงินจะเอาที่ไหนไปกู้
อันนี้อาจต้องเอามานั่งดูกันว่าตรรกะที่แท้จริงคืออะไร "
ส่วนผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะรับรู้และรับทราบถึงสถานการณ์ทั้งหมดหรือไม่นั้น
นายพิชัย กล่าวว่า คนเข้าใจในสถานการณ์
การจะคุยกันเรื่องนี้ต้องถอดใจมาฟังลูกหนี้และคนหาสินเชื่อว่าเขาคิดอะไร
ถ้าจะพูดเรื่องความมั่นคงก็ต้องถอดใจไปฟัง สถาบันการเงิน ดังนั้นการจะพูดเรื่องอัตราดอกเบี้ยก็ต้องดูว่า
ใครได้รับผลกระทบบ้าง
ดอกเบี้ยลงเนี่ยดังนั้นเชื่อว่าหากมีการปรับลดดอกเบี้ยลงจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
ทั้งหมดเพื่อภาพรวม เชื่อว่าหากมองร่วมกันน่าจะเห็นอะไรที่ตรงกันบ้าง
ขณะที่นายเผ่าภูมิ ย้ำว่า
อัตราเงินเฟ้อของไทย ขณะนี้ยังต่ำกว่ากรอบที่คาดการณ์ไว้
และไม่มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่กรอบในระยะเวลาอันใกล้
และอัตราการแลกเปลี่ยนยังถือว่าดีกว่าเพื่อนบ้าน
ส่วนใครจะดูว่าดอกเบี้ยนโยบายมีความเหมาะสมหรือไม่ให้ดูการเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งตอนนี้เราต่ำไป
เราจึงต้องเหยียบคันเร่งโดยการ จ่ายเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจกว่าแสนล้านบาท
ซึ่งสถานการณ์ของหลายประเทศทั่วโลกขณะนี้มีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง
นั้นนโยบายของประเทศจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสอดคล้องกับนโยบายการเงินของประเทศคู่ค้า