วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

‘ตะวัน-แบม’ ดีใจจนน้ำตาไหลเมื่อเพื่อนข้างนอกได้ปลดกำไล EM ทั้งสองยืนยันว่าศาลต้องให้ประกันตัวเพื่อนทุกคนที่ถูกคุมขังขณะต่อสู้คดีทางการเมือง ไม่ใช่เฉพาะคดีมาตรา 112

 


ตะวัน-แบม ดีใจจนน้ำตาไหลเมื่อเพื่อนข้างนอกได้ปลดกำไล EM ทั้งสองยืนยันว่าศาลต้องให้ประกันตัวเพื่อนทุกคนที่ถูกคุมขังขณะต่อสู้คดีทางการเมือง ไม่ใช่เฉพาะคดีมาตรา 112

 

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ศูนย์ทนายความเพื่อนิทธิมนุษยชน รายงานว่า คำชี้แจง ทนายความเข้าเยี่ยม "ตะวัน" ทานตะวัน และ "แบม" อวรรณ ประจำวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566


ในวันที่ 3 ก.พ. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยมตะวันและแบมที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ในช่วงบ่ายของวัน ทนายความขอชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดอาการและการเข้าพบทั้งสองต่อสาธารณชนดังต่อไปนี้


ในวันนี้ทนายความได้เข้าพบทั้งคู่ พร้อมกับได้มอบช่อดอกไม้สองช่อที่มีคนฝากมานำส่งให้ โดยแบมได้แสดงความดีใจมาก ๆ พร้อมบอกว่าช่อกุหลาบสีชมพูนี้สวยมาก ส่วนตะวันยิ้มเงียบ ๆ และได้ขอโทษทนายความว่าขออนุญาตนอนระหว่างคุยกันเพราะลุกไม่ไหวแล้ว ซึ่งทั้งคู่มีอาการตรงกับแถลงการณ์ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และได้เล่าว่า ขณะนี้แพทย์ได้ทำการสอดเข็มเปิดเส้นคาไว้ที่มือของทั้งคู่เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้มีความพร้อมในการเตรียมรับกับสถานการณ์ฉุกเฉินอันน่าจะเกิดขึ้นได้


เมื่อทั้งสองคนได้ทราบข่าวคราวว่า มีเพื่อนข้างนอกจำนวนมากได้ปลดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็คทรอนิกส์ หรือกำไล EM แล้ว ทั้งสองคนแสดงอาการดีใจเป็นอย่างมาก โดยตะวันที่นอนอยู่มีน้ำตาไหลออกมาและได้ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกมาหลายครั้ง


ทนายความได้นำเอกสารคำชี้แจงที่มีการแจกที่ศาลอาญา เกี่ยวกับกรณีที่ศาลยุติธรรมเชิญ “สื่อมวลชนทุกแขนงร่วมงานแถลงข่าวชี้แจงกระบวนการพิจารณาสั่งประกัน การกำหนดเงื่อนไขปล่อยตัวชั่วคราว และการคุ้มครองสิทธิผู้ต้องขังในคดีอาญาซึ่งเกี่ยวกับคดีกล่าวหาการชุมนุมสาธารณะโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ความผิดอื่นที่เกี่ยวพันกับการชุมนุม อันสืบเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันอาจมีการสื่อสารข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ไม่ครบถ้วน ส่งผลต่อความเข้าใจในกระบวนการพิจารณาของศาลยุติธรรม และสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องขัง อันจะมีผลต่อความเห็นต่างในสังคมที่ลุกลามบานปลายต่อไป” ให้ทั้งสองคนได้อ่าน และได้สรุปรายละเอียดของการชี้แจงในวันนี้ให้ทั้งคู่ได้ฟัง เนื่องจากเป็นกรณีที่ศาลพูดถึงทั้งสองคนโดยตรง


สำหรับกรณีที่โฆษกศาลยุติธรรมและศาลได้ชี้แจงตามเอกสารว่า การติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็คทรอนิกส์ หรือกำไล EM นั้นเป็นไป “โดยความยินยอมของผู้ต้องหา” ทั้งตะวันและแบมมีความเห็นตรงกันว่าไม่เห็นด้วยกับข้อความดังกล่าว โดยตะวันได้เล่าว่า “หนูเหมือนถูกบีบบังคับ ให้ต้องยอมทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่ยอมก็จะไม่ได้ออกมา อดข้าวจนตายก็ไม่ได้ออก หากไม่รับเงื่อนไข”


แบมเบะปาก แต่ไม่ได้พูดอะไร ส่วนตะวันกล่าวว่า “หนูรู้สึกว่าเขายิ่งพูดเหมือนยิ่งแย่นะ”


ทั้งสองคนยังคงสอบถามถึงสถานการณ์การให้ประกันตัวผู้ต้องหาทางการเมืองทุกคน โดยทั้งคู่ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าศาลต้องให้ประกันตัวเพื่อนทุกคนที่ถูกคุมขังขณะต่อสู้คดีทางการเมือง ไม่ใช่เฉพาะคดีมาตรา 112


แบมได้กล่าวว่า “แม้ศาลอาจจะมองว่าพวกเขายากจน ดูไม่ดี แต่เขาก็เป็นคนเหมือนกับเรา มีชีวิต มีความรู้สึก มีพ่อแม่ มีคนที่รักเขา รอเขาอยู่ และเขาก็คงอยากจะออกมาไปกินข้าวกับครอบครัวของเขา”


สำหรับตะวันนั้น “เพื่อนต้องได้ออกทุกคน” หลังจากนั้นก็ทำท่าเหนื่อยมากจึงหลับแล้วไม่พูดอีก


3 กุมภาพันธ์ 2566


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ตะวันแบม