วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2565

“ณัฐวุฒิ” สะท้อนกรณีดินแดง “ผมพูดไม่ได้ว่าเห็นชอบกับแนวทางนี้ และคงไม่เชิญชวนใครเข้าร่วม แต่ผมบอกได้ว่าผมเห็นใจพวกเขา พยายามทำความเข้าใจ และจะส่งเสียงเรียกร้องต่อรัฐไม่ให้ใช้ความรุนแรงต่อไป”

 


“ณัฐวุฒิ” สะท้อนกรณีดินแดง “ผมพูดไม่ได้ว่าเห็นชอบกับแนวทางนี้ และคงไม่เชิญชวนใครเข้าร่วม แต่ผมบอกได้ว่าผมเห็นใจพวกเขา พยายามทำความเข้าใจ และจะส่งเสียงเรียกร้องต่อรัฐไม่ให้ใช้ความรุนแรงต่อไป”

 

วันนี้ (13 มิ.ย. 65) ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้โพสต์กรณีเหตุการณ์เผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุม บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ความว่า

 

ผมเคารพทุกขบวนการต่อสู้ ไม่ว่าเล็ก ใหญ่ ใหม่ เก่า เมื่อเอาชีวิต อิสรภาพ วางเป็นเดิมพันเพื่อหลักการที่ถูกต้อง ถือว่าทุกคนมีสิทธิ์โดยชอบที่จะประกาศการต่อสู้ของตัวเอง

 

กรณีสามเหลี่ยมดินแดง ผมเคยแสดงความห่วงใยตั้งแต่รอบก่อน ยอมรับว่าตัวเองเข้าไม่ถึงแนวทางการต่อสู้นี้ แต่จะอย่างไรก็ตาม รัฐไม่มีสิทธิ์ใช้ความรุนแรงกับประชาชน หรือใช้เล่ห์กลใดๆ สร้างสถานการณ์ให้บานปลายป้ายสีพวกเขา

 

หากเกิดมีเรื่องเช่นนี้ เจ้าหน้าที่และรัฐบาลต้องรับผิดชอบ

 

ผมเคยเข้าพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงตรงแนวหน้า ระหว่างเจรจาชวนน้อง ๆ กลับบ้าน ก็พบว่ามีจำนวนหนึ่งเลือกจะสู้แบบพลุไฟ ตะไล ปิงปอง เกิดการกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ จนบาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย

 

แม้พยายามเอ่ยปากห้าม แต่ใจนึกถึงภาพคนเสื้อแดงใช้พลุ ตะไล สู้กับสไนเปอร์เมื่อปี 2553 ในอกก็สะทกสะท้อน

 

พี่สาวอาวุโสคนหนึ่ง เป็นแดงแท้ยาวนาน ฐานะดี บ้านพักอยู่กลางเมือง สนับสนุนการต่อสู้มาตลอดเคยบอกผมว่า “เห็นภาพพี่น้องใช้พลุบ้าง ประทัดบ้าง ขว้างใส่ทหาร ทั้งที่เห็นชัดว่าเขาใช้ปืนยิงแล้วสงสาร คิดกันยังไง ทำไปทำไม”

 

แดงตัวแม่มีคำถาม ผมก็มีคำอธิบาย “พี่ครับ พี่น้องเราเขาก็รู้นะว่าสู้สไนเปอร์ไม่ได้ รู้ด้วยว่ามันยิงจริง ตายไปแล้วหลายราย แต่ที่ทำเพราะพวกเขาต้องการบอกว่ากูสู้ กูไม่ยอม คนเล็ก ๆ ที่ถูกกดขี่มาตลอดเขาสู้เองไม่ไหว เมื่อมีวาระที่จะได้สู้ร่วมกับคนที่รู้สึกเหมือนกัน เขาก็ลืมตัวลืมตาย สำหรับบางคน การได้สู้มันยืนยันศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ครับพี่”

 

พูดไม่ทันจบผมเห็นเธอน้ำตาไหล ผมเองก็ไม่รู้ตัวว่าน้ำเต็มตาตั้งแต่เมื่อไหร่

ผมพูดไม่ได้ว่าเห็นชอบกับแนวทางนี้ และคงไม่เชิญชวนใครเข้าร่วม แต่ผมบอกได้ว่าผมเห็นใจพวกเขา พยายามทำความเข้าใจ และจะส่งเสียงเรียกร้องต่อรัฐไม่ให้ใช้ความรุนแรงต่อไป

 

เราเคยผ่านสถานการณ์ถูกป้ายสีด้วยผังล้มเจ้า กล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย แล้วก็ถูกไล่ยิงกลางเมือง นอนตายกลางมหานคร โดยคนส่วนหนึ่งไม่ทุกข์ร้อน รู้สึกว่าชนะ ยิ้มกว้างล้างถนน เราจะไม่ยอมให้เกิดเหตุแบบนี้อีก

 

เจ้าหน้าที่ต้องใช้ปัญญาและเมตตา ไม่ใช่อาวุธและยุทธวิธี ถ้าผิดก็ดำเนินคดีตามหลักฐาน ไม่ใช่เอาปืนยิง ไล่ทุบไล่ตี

 

ส่วนน้อง ๆ ผู้ชุมนุมขอให้ใช้สติ ประเมินสถานการณ์ดีๆ ฟังความให้รอบด้าน เรื่องสู้เข้าใจได้ แต่คนอีกส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือได้รับผลกระทบก็ต้องให้ความสำคัญ อย่าลืมว่าการยึดกุมความชอบธรรม ขยายการยอมรับ เป็นกุญแจดอกใหญ่สู่ชัยชนะ

ห่วงใยน้องเอ้ย

 

ที่มา : Fb.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

 

#ณัฐวุฒิใสยเกื้อ

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์