วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ศาลยกฟ้องปล่อยชั่วคราว "ตะวัน" หลัง “พิธา” ยื่นประกันครั้งที่ 2 ก่อนหน้ามีคำสั่งอนุญาตฝากขังต่ออีก 5 วัน

 


ศาลยกฟ้องปล่อยชั่วคราว "ตะวัน" หลัง “พิธา” ยื่นประกันครั้งที่ 2 ก่อนหน้ามีคำสั่งอนุญาตฝากขังต่ออีก 5 วัน


วันนี้ (17 พ.ค. 65) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส.ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง สภาผู้แทนราษฎร และทนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ได้เดินทางมาเพื่อยื่นขอประกันตัว ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ “ตะวัน” นักกิจกรรมทางการเมือง ผู้ต้องหาคดี112 กรณีเมื่อวันที่ 5 มี.ค. ด้วยการโพสต์ข้อความหมิ่นสถาบัน ซึ่งปัจจุบันถูกขังอยู่ที่เรือนจำทัณฑสถานหญิงกลางและได้อดอาหารมาเป็นเวลา 27 วันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา


พิธา กล่าวว่านอกจากความกังวลในเรื่องสุขภาพของทานตะวันแล้ว วันนี้ยังมาเพื่อยืนยันหลักการว่าด้วยการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดี ซึ่งเป็นหลักการระหว่างประเทศที่รัฐไทยได้ให้สัตยาบันไว้กับกติการะหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ( ICCPR) ซึ่งบัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสอง ว่าสิทธิในการประกันตัวเป็นสิทธิของพลเมือง 


จากการพูดคุยกับทนายความ ตามกฎหมายอาญา ม.108/1 ว่าด้วยการสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว จะมีเหตุเฉพาะ แต่ทานตะวันไม่เข้าข่ายความผิด ทั้งหมดนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของมาตรา 112 เรื่องขอบเขตการบังคับใช้กว้างเกินไป มีอัตราโทษที่สูงเกินไป รวมถึงการแจ้งความโดยบุคคลใดก็ได้โดยไม่มีหลักเกณฑ์ ซึ่งกมธ.พัฒนาการเมือง ได้ทำการประชุมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานอัยการถึงปัญหาการใช้กฎหมายมาตรา 112 แล้ว พร้อมกับตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาและพิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อไป พร้อมย้ำว่า การบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 ในลักษณะนี้ นอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อผู้ต้องหาแล้ว ยังไม่เป็นผลดีต่อระบบกระบวนการยุติธรรมไทย ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ รวมถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย พิธา กล่าว


พิธา กล่าวอีกว่า วันนี้คาดหวังว่าทานตะวันจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว แต่หากศาลไต่สวนคำร้องแล้วไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ก็ขอเรียกร้องไปยังสถาบันตุลาการว่าต้องยึดมั่นในหลักนิติรัฐนิติธรรมให้มาก ส่วนตัวขอยืนยันจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด


ด้านทนายกฤษฎางค์ เปิดเผยถึงสุขภาพของ “ตะวัน” ล่าสุดว่ามีอาการหน้ามืดวันละ 3-4 ครั้ง เป็นผลจากการอดอาหารอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ทนายความคงไม่สามารถเปลี่ยนความคิดผู้ต้องหาในการใช้วิธีนี้ได้ แต่จะพยายามทำให้ศาลยึดมั่นในหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยในคดีเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีเหตุจะต้องนำเยาวชนอายุ 20 ปีไปคุมขังไว้เช่นนี้ คดีนี้จึงถือเป็นบทพิสูจน์ว่าระบบยุติธรรมไทยใช้ได้จริงหรือไม่ 


ทนายกฤษฎางค์ ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ “ตะวัน” เองก็ไม่ได้พูดคุยกับตนถึงการเรียกร้องสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราว เพราะคิดว่าคงไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้ง ๆ ที่ในคดีนี้ พนักงานอัยการยังไม่ได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีแต่อย่างใด โดยในวันนี้ ขณะที่เราได้มายื่นขอประกันตัว จะมีการไต่สวนคำร้องขอฝากขังด้วย ซึ่งหากศาลไม่รับฝากขัง ก็ต้องปล่อยตัว “ตะวัน” โดยไม่มีเงื่อนไขอยู่แล้ว


ในเวลาต่อมา ศูนย์ทนายความฯ ได้รายงานผ่านทวิตเตอร์ว่า การไต่สวนคัดค้านฝากขัง ตำรวจขอฝากขังอีก 12 วัน อ้างรอเสนอสำนวนต่อผู้บังคับบัญชา ซึ่งตำรวจยอมรับ “แม้ศาลจะปล่อยตัว “ตะวัน” ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำสำนวนคดี”


ด้าน “ตะวัน” เผยอดอาหาร 28 วัน รู้สึกอ่อนเพลียมาก หน้ามืดวันละหลายหน ร่างกายไม่ไหวแล้ว


ต่อมา เวลา 15.30 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขัง “ตะวัน” ต่ออีก 5 วัน โดยอ้างว่า ตำรวจมีเหตุจำเป็นที่จะต้องส่งสำนวนให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาและผู้บังคับบัญชาอาจตีกลับสำนวนให้สอบสวนในประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้องอีก


ขณะนี้กำลังยื่นขอประกันตะวันครั้งที่ 2 โดยมี #พิธา หน.พรรคก้าวไกลเป็นนายประกัน


ในเวลาต่อมา ศูนย์ทนายฯ รายงานว่า ศาลยกคำร้องขอประกันตัว"ตะวัน" ซึ่งใช้ตำแหน่ง สส.ของ #พิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยศาลชี้ว่าไม่ปรากฏหลักฐานเงินเดือน (สลิปเงินเดือน) ของผู้ร้อง และไม่มีพฤติการณ์พิเศษอื่นที่จะพิจารณาคำร้องได้


ทั้งนี้ พิธายื่นขอประกันโดยแนบหนังสือรับรองจากสนง.เลขาธิการสภาผู้แทนฯ ที่ระบุอัตราเงินเดือนไว้ชัดเจน


#ตะวัน #มาตรา112

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์