“สิทธิพล” เสนอญัตติด่วน ศึกษาผลกระทบธุรกิจ-ทุนข้ามชาติผิดกฎหมาย พร้อมแนวทางแก้ไข แนะรัฐบาลเอาจริงสร้างการแข่งขันเป็นธรรม ไม่ปล่อยเอสเอ็มอีไทยถูกเอาเปรียบ
วันที่ 13 มีนาคม 2567 ที่รัฐสภา สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวยื่นญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบของธุรกิจและทุนข้ามชาติผิดกฎหมายต่อเศรษฐกิจไทยและวิธีป้องกันแก้ไข โดยระบุว่า ปัจจุบันการลงทุนจากต่างประเทศขยายตัวอย่างรวดเร็ว เป็นปัจจัยสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในภาวะที่เทคโนโลยีด้านการเงินมีความก้าวหน้า การลงทุนข้ามประเทศยิ่งทำโดยง่าย ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างกว้างขวาง
ทั้งนี้การลงทุนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ภาครัฐสามารถกำกับดูแลเพื่อความปลอดภัยของประชาชนและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ย่อมส่งผลกระทบเชิงบวกให้กับเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน มีการไหลเข้ามาของเงินทุนและบริษัทข้ามชาติที่ผิดกฎหมายหรืออาศัยช่องว่างทางกฎหมายเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยจำนวนมาก ก่อให้เกิดปัญหา ส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ความรุนแรงของปัญหามีทั้งเชิงกว้างและลึก กระจายตัวไปทุกภูมิภาคของประเทศ ครอบคลุมหลายประเภทธุรกิจและอุตสาหกรรม หลายธุรกิจมีการกินรวบตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
เช่น ในธุรกิจท่องเที่ยว ที่กินรวบทั้งร้านอาหาร โรงแรม ร้านขายของที่ระลึก สถานที่ท่องเที่ยว บริการรถหรือเรือโดยสารในประเทศ หรือในธุรกิจเกษตร ที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ปัจจุบันมีนักลงทุนและล้งต่างชาติเข้ามาประกอบกิจการ รับซื้อผลผลิตทางการเกษตร แม้ระยะสั้นอาจส่งผลดีต่อราคาสินค้าเกษตรเนื่องจากมีอุปสงค์จำนวนมาก แต่ในระยะยาวส่งผลให้เกษตรกรไทยมีอำนาจต่อรองต่ำ เพิ่มมูลค่าผลผลิตได้ยาก กำไรส่วนใหญ่ตกอยู่ในผู้ประกอบการต่างชาติ กระทบรายได้ คุณภาพชีวิต และความมั่นคงของพี่น้องเกษตรกร
สิทธิพลกล่าวว่า สส.พรรคเก้าไกลเล็งเห็นถึงปัญหา ว่าหากไม่ทำอะไรจะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรงและกว้างขวางในอย่างน้อย 5 มิติ (1) ธุรกิจไทย โดยเฉพาะขนาดกลางและเล็ก ธุรกิจในท้องถิ่นแข่งขันยาก เสี่ยงปิดกิจการ ล้มหายตายจากในที่สุด การประกอบธุรกิจโดยทุนต่างชาติมีข้อได้เปรียบหลายข้อ ทั้งในแง่เงินทุนที่มีมากกว่า และเครือข่ายที่สามารถสนับสนุนกันได้ดีกว่า
มิติที่ (2) กระทบการจ้างงานแรงงานไทย สถานการณ์นี้พบได้ในร้านอาหาร ธุรกิจต่างๆ โรงงาน ที่มีแรงงานต่างชาติจำนวนมาก แรงงานเหล่านี้จำนวนมากทำงานโดยไม่ได้รับวีซ่าอนุญาตให้ทำงาน บ้างใช้วีซ่านักท่องเที่ยวหรือนักเรียน ขณะที่แรงงานไทยถูกแย่งงาน หางานยากขึ้น จำนวนแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายที่เพิ่มขึ้นในแต่ละท้องที่ ยังทำให้ทรัพยากรในประเทศหรือในท้องที่นั้นถูกแย่งชิง กระทบค่าครองชีพคนไทย (3) กระทบศักยภาพในการแข่งขันระยะยาวของประเทศ การเข้ามาแข่งขันของทุนต่างชาติผิดกฎหมายที่ได้เปรียบกว่าทั้งเงินทุน เทคโนโลยี และเครือข่าย ทำให้ในระยะยาวผู้ประกอบการไทยอยู่ยาก กระทบการลงทุน การจ้างงาน และศักยภาพในการแข่งขันของภาคเอกชนไทย
(4) กระทบการจ่ายภาษี และการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ในมิติหนึ่งกระทบรายรับภาษีที่รัฐจะเก็บได้ ในอีกมิติหนึ่ง ยังสร้างความไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการไทยที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกัน แต่จ่ายภาษีครบถ้วน ทำให้มีต้นทุนสูงกว่า (5) ทุนต่างชาติผิดกฎหมายจำนวนมากยังสัมพันธ์กับปัญหาสังคมและอาชญากรรมอื่นๆ เช่น ปัญหาคอร์รัปชัน พนันออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์หลอกลวง ค้ามนุษย์ ตลอดจนกระทบภาพลักษณ์ประเทศ
จึงมีความจำเป็นที่สภาผู้แทนราษฎร ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องศึกษาผลกระทบเพื่อประเมินและออกแบบวิธีการแก้ไขและป้องกัน ทั้งทบทวน ปรับปรุงกฎหมายให้มีความเหมาะสม สามารถกำกับทุนข้ามชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขจัดทุนข้ามชาติผิดกฎหมาย เพื่อคุ้มครองผู้ประกอบการไทย ตลอดจนผู้ประกอบการต่างชาติ ที่ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายภูมิภาค ถ้าเราไม่ทำอะไร จะทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนไทยกับคนต่างชาติ ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันระหว่างคนไทยกับธุรกิจต่างชาติที่ประกอบธุรกิจอย่างถูกกฎหมาย” สิทธิพลกล่าว
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวเพิ่มเติมต่อคำถามของผู้สื่อข่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลเสนอร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ในมิติหนึ่งคนที่ไม่เห็นด้วยเสนอว่าจะกระทบต่อภาคธุรกิจและ SMEs จึงอยากสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนและรัฐบาลว่า สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องทำ คือต้องทำให้การแข่งขันเป็นธรรม วันนี้พี่น้องผู้ประกอบการ SMEs ไทยกำลังถูกเอาเปรียบ ปัญหานี้ลุกลามอยู่ในทุกภูมิภาคและในทุกภาคเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องเอาจริงเอาจังเพื่อแก้ปัญหา ทำให้คนไทย ธุรกิจไทย สามารถแข่งขันได้
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #SME #smethailand #เอสเอ็มอี #ทุนข้ามชาติ
