วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2567

“หมอเหวง - หมอสันต์ - อ.ธเนศ” แถลงขอศาลเมตตาพิจารณาไม่รับฝากขัง “ตะวัน-แฟรงค์” คดี ม.116 และปล่อยตัวทั้งสอง ขณะที่พ่อ“ตะวัน” ยื่นประกันอีกครั้ง ก่อนศาลยกคำร้อง เหตุอยู่ในการดูแลของแพทย์ ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

 


หมอเหวง - หมอสันต์ - อ.ธเนศ” แถลงขอศาลเมตตาพิจารณาไม่รับฝากขัง ตะวัน-แฟรงค์” คดี ม.116 และปล่อยตัวทั้งสอง ขณะที่พ่อ“ตะวัน” ยื่นประกันอีกครั้ง ก่อนศาลยกคำร้อง เหตุอยู่ในการดูแลของแพทย์ ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

 

วันนี้ (16 มีนาคม 2567) เวลา 10.00 น. ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายแพทย์เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ และ ศ.ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ อดีตคณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วย นายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม และประชาชน เดินทางมายื่นคำแถลงขอความเมตตาให้ศาลพิจารณาไม่รับฝากขัง น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์และ นายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ แฟรงค์ ผู้ต้องขังในคดี ม.116 บีบแตรใส่ขบวนเสร็จ เพื่อผดุงความยุติธรรมของประเทศ

 

นายแพทย์เหวง โตจิตาการ กล่าวว่า วันนี้ที่ตนมายื่นคำแถลงเพราะรู้สึกเห็นอกเห็นใจและเป็นห่วง ตะวันและแฟรงค์ รวมถึงเป็นห่วงกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ตลอดเวลาชีวิตของตนเรียนรู้มาอย่างหนึ่ง ว่าสิ่งสำคัญที่สุดของมนุษย์คือความยุติธรรม มนุษย์คนทุกคน ทนทุกอย่างได้ แต่ทนความอยุติธรรมไม่ได้ และที่ใดในโลกนี้ ไม่มีความยุติธรรม ที่นั่นก็จะไม่มีความสงบสุขเด็ดขาด ที่ผ่านมาตนต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพและความยุติธรรมมาโดยตลอด

 

วันนี้ตนจึงมาขอความเมตตาจากศาล โปรดกรุณา ให้ท่านกรุณายกคำร้องของตำรวจ ที่จะมายื่นฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองในผัดต่อไป เพราะว่าตำรวจสามารถสืบสวนสอบสวนพยานต่าง ๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องเอาตะวันและแฟรงค์เข้าไปขังอยู่ในเรือนจำ การเอาผู้ต้องหาทั้งสองไปฝากขังในเรือนจำโดยอ้างว่าจะต้องสืบสวนสอบสวนเสาะแสวงหาพยานหลักฐาน ตนว่าฟังไม่ขึ้น และเป็นสิ่งที่สร้างความทุกข์ยากขมขื่นโดยไม่จำเป็น ทั้งนี้ตนเคารพกฎหมายและเคารพกระบวนการยุติธรรมว่ากฎหมายกระบวนการยุติธรรมจะเป็นที่พึ่งของประชาชนทั้งประเทศที่จะสร้างความยุติธรรมขึ้นได้

 

ผมเติบโตมาในยุค 14 ตุลาคม 2516 ผ่านเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ประชาชนในยุค 14 ตุลา เห็นการต่อสู้ของนิสิตนักศึกษาที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ตนได้พูดคุยกับทนายคนหนึ่งที่ได้รับรางวัลแมกไซไซ เขาเคยปรารภกับตนว่ากฎหมายในการฝากขัง 7 ผัด ผัดละ 12 วันนั้น น่าจะไม่มีความยุติธรรมให้กับผู้ที่ถูกกล่าวหาเพราะอาจจะเป็นไปได้ว่าให้ตำรวจใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นงานผู้เห็นต่างหรือไม่เห็นด้วย

 

วันนี้ตนจึงมากราบเรียนต่อศาลว่าได้โปรดยกคำร้องที่ตำรวจจะยื่นฝากขังในผัดต่อไป เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับตะวันและแฟรงค์ โดยผู้ต้องหาทั้งสองไม่ได้มีประวัติในการไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน มีครอบครัวและที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงไม่มีเหตุใดเลยที่จะฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองให้อยู่ในเรือนจำ

 

นอกจากนี้ นพ.เหวง กล่าวถึงพนักงานสอบสวน ว่าขอให้เลิกทำคำร้องมาขอฝากขังทั้งนี้ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานโดยไม่จำเป็นต้องมายื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาล

 

ด้าน ศ.เกียรติคุณ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ที่ตนใช้คำว่าศาสตราจารย์นำหน้าเพราะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานให้ตามคำทูลถวายของมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหิดล หาใช่เพื่อเป็นการข่มขวัญหรือโอ้อวดแต่ประการใดไม่

 

ในฐานะแพทย์ที่เห็นผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้ป่วยเด็กหรือเยาวชนที่กำลังอยู่ในภาวะอันตรายถึงชีวิตจากการอดอาหารมากกว่า 1 เดือน จึงใคร่ขอความเมตตาจากผู้ที่เกี่ยวข้องให้เลิกจองจำเด็กและเยาวชนที่ได้รับกระบวนการยุติธรรมที่อาจจะไม่เป็นธรรมแก่เด็กที่ศาลยังไม่ตัดสิน

 

ตนได้ติดตาตรึงใจตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาเมื่อ 80 ปีก่อนกับพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ที่ส่งมีบทพระราชนิพนธ์หนึ่งว่าไว้ดังนี้

 

อันความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่

หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน”

 

ความเมตตากรุณา อันเป็นคุณธรรมสองประการแรกของพรหมวิหารสี่ ซึ่งเป็นคุณธรรมสูงสุดของความเป็นมนุษย์นั้น ย่อมอยู่ในจิตใจของมนุษย์ทุกคนและสามารถหลั่งออกมาเองจากใจโดยไม่มีใครจะบังคับได้ เพื่อเป็นเสมือนสายฝนจากฟากฟ้าสุราลัย ที่หลั่งลงมาชโลมแผ่นดินที่แห้งแล้งและแตกแยกให้กลายเป็นแผ่นดินที่ชุ่มฉ่ำ เป็นแผ่นดินผืนเดียวกันใหม่

 

“ขอให้ท่านตระหนักถึงคุณธรรมดังกล่าวและดำเนินการเพื่อให้ผู้ต้องหาที่ถูกจองจำได้รับการประกันตัว เพื่อมีชีวิตรอดและรับการดำเนินคดีนอกการจองจำต่อไป” ศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ อดีตรองประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย กล่าวทิ้งท้าย

 

ด้าน ศ.ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ อดีตคณบดี คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ตนรับหน้าที่สอนวิชาประวัติศาสตร์ ได้เห็นพัฒนาการทางแนวคิดของคนรุ่นใหม่เสมอมาเห็นความแตกต่างทางแนวคิดและทางความคิด ไม่ว่าจะ 14 ตุลา 6 ตุลา 19 และ พฤษภาทมิฬ

 

ตนต้องการจะชี้ให้เห็นว่าที่ผ่านมานั้น เราอยู่กับความเปลี่ยนแปลงที่รัฐบาล ชนชั้นนำ ข้าราชการ และผู้ผลิต ผู้ประกอบการเล็กใหญ่ ได้ร่วมมือร่วมใจกันเอาชนะอุปสรรคภายนอกและภายในประเทศได้ตลอดเวลา

 

การสืบทอดต่อเนื่องของประเทศไทยมีสูงมาก การสืบทอดอันนี้มันจะอยู่ต่อไปได้ หมายความว่า ชนชั้นนำ รัฐบาล ผู้มีอำนาจจะต้องสามารถเข้าใจสถานการณ์ภายนอก ภายใน เข้าใจถึงความรู้สึกของคนปกครอง และคนที่ถูกปกครอง

 

ในตอนนี้ทั่วประเทศกำลังเปลี่ยนผ่านช่วงใหญ่มากอีกช่วงหนึ่ง นับตั้งแต่ยุคอาณานิคม เรากำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ คือการเปลี่ยนแปลงคราวนี้ ถ้าเราทำผิดพลาด มันหมายถึงหายนะของมนุษยชาติของคนไทยทั้งประเทศ

 

เราต้องกลับมาหาหลักพื้นฐานที่เราทำได้ คือ สังคมต้องมีความยุติธรรม และอาศัยระบบกฎหมายที่เป็นสถาบันในการสร้างประเทศ สถาบันทั้งหลายจึงต้องยึดหลักเมตตาธรรม เมตตาธรรมคือธรรมค้ำจุนโลก ในที่สุดแล้วความยั่งยืนของกฎหมายเหตุผลทั้งหลายใช้ได้ แต่สิ่งที่ได้จากผลของการตัดสินนั้นมันมีความเมตตาหรือไม่ ซึ่งมันจะสถาปนาความสถาพรมั่นคงของสังคม

 

ความขัดแย้งจะมีอย่างไรก็ตาม แต่คนส่วนใหญ่ต้องอยู่ เราต้องรักษาส่วนรวม ต้องรักษาสถาบัน แล้วสถาบันต้องเติบใหญ่ไม่ใช่ร่วงโรยไปตามเวลา เพราะฉะนั้นเมตตาธรรมค้ำจุนโลก ผู้ต้องหาทั้งสองเป็นคนรุ่นใหม่ความคิดเห็นของเขาจะถูกหรือผิดเป็นเรื่องที่ศาลต้องใช้วิจารณญาณและดุลยพินิจ ถ้าเขาผิดเราต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไข แต่ไม่ใช่การลงโทษแบบกักขังทารุณกรรม จึงขอให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสองเสียตามกลไกที่ศาลมีอยู่ และหากมีบุคคลใดมายื่นขอประกันตัว ก็ขอให้ท่านพิจารณาข้อคำนึงของตนและพิจารณาให้ปล่อยชั่วคราวด้วย” ศ.ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ อดีตคณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวทิ้งท้าย

 

นอกจากนี้ นายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือสายน้ำ กล่าวด้วยว่า ในขณะนี้เพื่อนของเราทั้งสองคนอดน้ำ และอาหาร ซึ่งมีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เราที่อยู่ข้างนอกอดอาหารเพียงแค่สองมื้อ เราก็ทรมานแล้ว แต่เขาทั้งสองคนต้องทำถึงขนาดไหนเพื่อให้ได้รับความยุติธรรม ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะจะต้องได้รับตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และทุกคนต้องได้รับความยุติธรรมเท่าเทียมกัน โดยในวันนี้นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ พ่อของ น.ส.ทานตะวัน ได้นำเอกสารมายื่นขอประกันตัว เพื่อนทั้ง 2 คนด้วยเช่นกัน โดยน.ส.อรวรรณ หรือแบม เป็นตัวแทนในการอ่านคำร้องขอยื่นประกันตัว ระบุเหตุผลว่าขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งสองอยู่ในอาการวิกฤติกว่าเดิม อันอาจทำให้เสียชีวิตได้

 

คืบหน้าล่าสุด ศาลมีคำสั่งว่าพิเคราะห์เห็นว่าเหตุตามคำร้องครั้งนี้ อ้างผู้ต้องหาทั้งสองมีอาการเป็นเหตุที่อ้างในคำขอชั่วคราวในครั้งก่อน ซึ่งศาลนี้ได้ระบุเหตุผลที่ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองจะมีอาการวิกฤตกว่าเดิมตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง แต่เมื่อผู้ต้องหาทั้งสองอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดแล้ว เชื่อได้ว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต กรณีนี้ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ยกคำร้อง แจ้งให้ผู้ร้อง และผู้ต้องหาทั้งสองทราบตามระเบียบโดยเร็ว

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ตะวันแฟรงค์