วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2567

“พวงเพ็ชร” เดินหน้าลุย ปราบบุหรี่ไฟฟ้า ทลายแหล่งจำหน่ายรายใหญ่เมืองชล ยึดของกลางกว่า 6 พันชิ้น มูลค่า 1.8 ล้านบาท

 


“พวงเพ็ชร” เดินหน้าลุย ปราบบุหรี่ไฟฟ้า ทลายแหล่งจำหน่ายรายใหญ่เมืองชล ยึดของกลางกว่า 6 พันชิ้น มูลค่า 1.8 ล้านบาท

        

วันที่ 26 มีนาคม 2567 ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีความห่วงใยต่อปัญหาการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า   โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน จึงกำชับให้ตนในนามที่เป็นรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ทำงานเชิงรุกเพื่อปราบปรามแหล่งจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ตัดวงจรการแพร่ระบาดทุกพื้นที่


ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาฯ สคบ. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ. ประทีป เจริญกัลป์ รองเลขาฯ สคบ. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ประสานตำรวจ กก.2 บก.สอท. ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าย่าน ต.แสนสุข  อ.เมือง จ.ชลบุรี ภายหลังจากได้รับเบาะแสแจ้งว่ามีการแอบซุกซ่อนบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ไว้ในบ้านหลังหนึ่งเพื่อส่งต่อไปให้ร้านค้าอีกทอดหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ขอหมายค้นบ้านหลังดังกล่าว เมื่อเดินทางไปถึงพบบุคคลตามหมายค้น เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปยังร้านซึ่งได้เช่าไว้เพื่อขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 2 คูหา  ซึ่งผลจากการตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ชุดปฏิบัติการพิเศษได้ดำเนินการยึดของกลางได้จำนวน 6,600 ชิ้น คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.8 ล้านบาท  จึงได้ควบคุมตัวผู้ขายและยึดบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าส่งให้ สภ.แสนสุข ดำเนินคดีต่อไป


“รัฐบาลเร่งปราบปรามการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง หลังพบว่ามีการแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชนจำนวนมาก เราพบร้านค้าที่จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าทั้งในแหล่งชุมชน  ใกล้สถานศึกษา และสามารถหาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลว่าเด็กและเยาวชนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่าย  ตอนนี้เราได้บูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจไซเบอร์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร  เพื่อปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าให้หมดไป ทั้งที่จำหน่ายแบบมีหน้าร้านและแบบออนไลน์ และต้องขอความร่วมมือผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของบุหรี่ไฟฟ้า หมั่นตรวจดูสิ่งของใกล้ตัวบุตรหลาน และตักเตือน ให้ความรู้ถึงโทษภัยบุหรี่ไฟฟ้าที่อาจส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก” ดร.พวงเพ็ชร กล่าว


ทั้งนี้ การลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เป็นความผิดตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองที่ 8/2558 เรื่อง "ห้ามขายหรือห้ามให้บริการบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า” ซึ่งหากว่าใครฝ่าฝืนเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดพบเห็นการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ หรือแจ้ง สคบ. ได้ที่สายด่วน 1166 เว็บไซต์ www.ocpb.go.th รวมทั้งศูนย์ดำรงธรรม ในทุกจังหวัด


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พวงเพ็ชร #บุหรี่ไฟฟ้า