วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2567

“ชัยธวัช” นำพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป ม.152 ชี้ยื่นยุบ “ก้าวไกล” ไม่กระทบการทำงานฝ่ายค้าน - พร้อมสู้คดีเต็มที่ ห่วงการยุบพรรคด้วยข้อหาล้มล้างการปกครองยิ่งเป็นการดึงสถาบันฯ มาใช้ทางการเมือง ทำสังคมไทยถลำลึกสู่วงจรความขัดแย้ง ชี้ ไม่เป็นผลดีต่อสถาบันฯ เอง

 


ชัยธวัช” นำพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป ม.152 ชี้ยื่นยุบ “ก้าวไกล” ไม่กระทบการทำงานฝ่ายค้าน - พร้อมสู้คดีเต็มที่ ห่วงการยุบพรรคด้วยข้อหาล้มล้างการปกครองยิ่งเป็นการดึงสถาบันฯ มาใช้ทางการเมือง ทำสังคมไทยถลำลึกสู่วงจรความขัดแย้ง ชี้ ไม่เป็นผลดีต่อสถาบันฯ เอง

 

วันที่ 13 มีนาคม 2567 ที่อาคารรัฐสภา ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับตัวแทนจากพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 5 พรรค ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ โดยยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกับแถลงข่าวถึงเนื้อหาสาระของญัตตินี้

 

ชัยธวัชระบุว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านหวังว่าการอภิปรายครั้งนี้จะเป็นการตรวจการบ้านครั้งสำคัญ หลังจากที่มีการจัดการเลือกตั้งและรัฐบาลจากการรัฐประหารพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ประชาชนต่างคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามาฟื้นฟูประเทศในทุก ๆ ด้าน แต่ 6 เดือนที่ผ่านมาการดำเนินนโยบายของรัฐบาลไม่ได้เป็นไปตามที่ประชาชนคาดหวัง จึงหวังว่าการอภิปรายครั้งนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างมีนัยสำคัญหลังจากนี้ เพื่อไม่ให้ประเทศเสียโอกาส

 

จากนั้น ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ยังไม่ผ่านจะส่งผลต่อการอภิปรายหรือไม่ ชัยธวัชระบุว่า แน่นอนว่าการใช้งบประมาณมีความสำคัญ และก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นร่วมกันว่าจะยังไม่ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 เพื่อรอให้รัฐบาลใช้งบประมาณอย่างเต็มที่เสียก่อน อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบริหารประเทศภายใต้รัฐบาลเศรษฐาก็ยังมีเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องอภิปรายแน่นอน โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายเรือธงต่าง ๆ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ยังไม่เข้าเป้า

 

ผู้สื่อข่าวยังได้ถามถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรคก้าวไกล จะส่งผลต่อการอภิปรายหรือไม่ ชัยธวัชระบุว่าเรื่องนี้เป็นกรณีของพรรคก้าวไกลพรรคเดียว ไม่เกี่ยวกับการอภิปราย ซึ่งทางพรรคก้าวไกลก็ได้เตรียมการต่อสู้คดีทางกฎหมายไว้แล้ว และจะทำงานทุกวันให้ดีที่สุด แม้ต้องยอมรับว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 อาจจะทำให้พรรคก้าวไกลต่อสู้ได้ยาก แต่เราก็จะต่อสู้เต็มที่ว่ามันไม่มีเหตุผลเพียงพออย่างไรที่ถึงขั้นจะต้องยุบพรรคก้าวไกล

 

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความกังวลหรือไม่ที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะไม่มีการเปิดไต่สวน ซึ่งชัยธวัชระบุว่า โดยปกติศาลจะต้องมีการไต่สวนอยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุดศาลต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องคือพรรคก้าวไกลได้แก้ข้อกล่าวหา เสนอทั้งข้อเท็จจริงและพยานผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ แต่คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญจะอยู่ที่ดุลพินิจของศาล เมื่อใดที่ศาลเห็นว่ามีข้อเท็จจริงเพียงพอแล้วก็อาจจะยุติการแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมได้ จึงเป็นหน้าที่ของผู้ถูกร้องที่จะต้องต่อสู้ให้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงให้มากที่สุด

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีการพิจารณาทางเลือกให้กรรมการบริหารพรรคลาออกจากตำแหน่งก่อนหรือไม่ ตามที่เคยมีบทเรียนจากกรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ชัยธวัชระบุว่าในพรรคยังไม่ได้มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ แต่ตนคิดว่าบทเรียนที่สำคัญน่าจะเป็นบทเรียนสำหรับสังคมไทยและผู้มีอำนาจมากกว่า ว่าการยุบพรรคการเมืองไม่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาทางการเมืองแต่อย่างใด ซ้ำร้ายอาจจะนำไปสู่การขยายความขัดแย้งทางการเมืองได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งสวนทางกับความคาดหวังของประชาชนหลังจากที่มีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการรัฐประหารแล้ว

 

ซ้ำร้ายการยุบพรรคการเมืองด้วยการอ้างเหตุผลเรื่องการล้มล้างการปกครอง การเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ในด้านกลับอาจจะเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ที่สังคมไทยรักเสียเองก็ได้ เพราะยิ่งเป็นการดึงประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองมากขึ้น เรื่องนี้ก็ต้องระมัดระวังเช่นกัน

 

ผมเป็นห่วงสังคมไทย ลองจินตนาการถึงสังคมไทยหลังจากนี้ เรากำลังเข้าสู่วังวนแบบเดิม ๆ ที่หาทางออกไม่เจอ และอาจจะยิ่งถลำลึกต่อไปมากขึ้น การยุบพรรคการเมืองจากเหตุที่กล่าวหาว่าล้มล้างการปกครองและเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เป็นผลดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แต่ประการใด” ชัยธวัชกล่าว

 

ชัยธวัชยังระบุว่า สุดท้ายตนคิดว่านี่ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะของพรรคก้าวไกล แต่เป็นปัญหาของวิธีการทางการเมืองแบบเดิมซึ่งควรจะหมดไปได้แล้ว รวมถึงการคิดว่าจะเอาชนะคะคานกันทางการเมืองด้วยการยุบพรรคการเมือง ซึ่งควรจะเป็นบทเรียนของสังคมไทยได้แล้วว่ามันไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่จะแย่ลง


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคร่วมฝายค้าน #ก้าวไกล #อภิปรายไม่ไว้วางใจ