วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2567

การกลับมาของ “ทักษิณ ชินวัตร” และการเยือนเชียงใหม่ ในมุมมองของ “นพ.เหวง โตจิราการ”

 


การกลับมาของ “ทักษิณ ชินวัตร” และการเยือนเชียงใหม่ ในมุมมองของ  “นพ.เหวง โตจิราการ”


จากรายการ “เปิดโต๊ะข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์ PPTV HD36 เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567


การกลับมาของคุณทักษิณ ทำให้พี่น้องเสื้อแดงรู้สึกมีกำลังแข็งแรงกลับขึ้นมามั้ยครับ? 


ก่อนอื่นเราต้องให้ความยุติธรรมกับคุณทักษิณก่อนเพราะว่าเขาถูกกลั่นแกล้งรังแกจากคณะรัฐประหารปี 2549 จากนั้นเป็นต้นมาชะตากรรมชีวิตของเขาก็ลำบากมาตลอด เป็นเวลาประมาณ 17 ปี ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน ที่เขาไม่ได้กลับเมืองไทยเลย เขาไม่ได้มีโอกาสกลับมาสัมผัสกับครอบครัวที่เชียงใหม่ ไม่ได้มีโอกาสไปคารวะสุสานบรรพบุรุษที่เชียงใหม่ และไปสัมผัสพี่น้องประชาชนที่เชียงใหม่ ต้องมองด้านบวกไว้ก่อน


แน่นอนครับ หลายคนอาจจะมองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง เป็นธรรมดาเพราะคุณทักษิณเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี จะบอกว่าการไปเชียงใหม่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเลยก็ไม่ตรงความจริง มันเป็นการเมืองแน่นอน แต่เราต้องให้ความยุติธรรมกับคุณทักษิณก่อนว่าเขามีสิทธิ์ในการที่จะไปกราบหรือคารวะสุสานบรรพบุรุษ ขณะเดียวกันก็ไปพบครอบครัวที่เชียงใหม่ ไปพบเพื่อนเก่า ๆ รวมถึงคนเก่า ๆ ที่เขารู้จักและยังชื่นชมศรัทธาเขา อันนี้เป็นสิทธิ์ของเขา เราจะไปวิพากษ์วิจารณ์เขาไม่ได้ แต่เรื่องการเมืองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง


แต่อีกซีกที่กระทบการเมือง คนก็จะคิดว่าคุณทักษิณกลับมา หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องฟื้นฟูแรงศรัทธาพรรคเพื่อไทย


ผมเองเป็นพุทธศาสนิกชน ผมก็น้อมนำเอาหลักของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลัก คือทุกอย่างต้องไปดูที่เหตุแล้วแก้ที่เหตุ ต้องไปดูที่เหตุว่าขณะนี้ที่เพื่อไทยตกต่ำลงเพราะอะไร? ต้องไปดูว่าในสมัยคุณทักษิณที่ได้รับความนิยมชมชื่นจากประชาชนทั่วทั้งประเทศอย่างมหาศาลเพราะอะไร คือในสมัยทักษิณที่ประชาชนเขานิยมชมชอบเพราะว่าคุณทักษิณเขาแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชนทั้งประเทศได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือเชียงใหม่ เพราะตอนที่ทักษิณมาเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก ไทยรักไทย สถานการณ์ทางการเมืองแข็งแรง ระบอบประชาธิปไตยแข็งแรง มันตรงข้ามโดยสิ้นเชิงกับปัจจุบัน ปัจจุบันสถานการณ์ทางการเมืองประเทศไทยไม่แข็งแรง ปัจจุบันยังอยู่ในภาวะของเผด็จการซ่อนรูป พวกที่ยึดอำนาจยังมีอำนาจอยู่ภายใต้เสื้อคลุมของการเลือกตั้ง กระทั่งเพื่อไทยชนะก็ตาม เพื่อไทยจะมาเป็นรัฐบาลได้หรือถ้าหากไม่ข้ามขั้วไปจับมือกับสองลุงที่เป็นหัวหน้าคณะในการยึดอำนาจรัฐประหาร ถ้าหากรากเหง้าตรงนี้อยู่ ในความเห็นส่วนตัวของผมนะ คุณทักษิณไม่สามารถแก้รากเหง้าหรือเหตุมูลฐานนี้ได้ครับ เหตุมูลฐานที่ทำให้ประชาชนไม่นิยมชมชอบพรรคเพื่อไทยก็คือ เขาเห็นว่าพรรคเพื่อไทยข้ามขั้วไปจับมือกับคณะรัฐประหาร เพียงแต่ว่าสิ่งที่คุณทักษิณจะแก้ได้เนื่องจากว่าประชาชนยังเชื่อมั่นและศรัทธาในสมองอันแหลมคม สติปัญญาอันแหลมคม และสัมผัสกับชาวโลกมาเยอะ ตรงนี้จะช่วยแก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจได้ คุณทักษิณจะช่วยได้ตรงนี้เท่านั้นเอง


คนเสื้อแดงนั้น แก่นของมันก็คือต่อต้านรัฐประหาร แก่นของมันคือต้องการสร้างประชาธิปไตย แต่แน่นอน ชาวบ้านจำนวนหนึ่งเขานิยมชมชอบทักษิณเนื่องจากทักษิณเขาแก้ปัญหาปากท้องให้เขาเงยหน้าอ้าปากได้ แต่ยังมีแก่นนี้อยู่ แม้กระทั่งคนที่เขานิยมชมชอบทักษิณที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ แต่ในเมื่อละเมิดแก่นตรงนี้ จำนวนหนึ่งจึงไม่เอาเพื่อไทย และเป็นเรื่องที่ผมประหลาดใจและผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ก็คือ สันกำแพง “เพื่อไทย” ยังแพ้ก้าวไกลเลย ฉะนั้นคุณทักษิณไปสัมผัสพี่น้องประชาชนเชียงใหม่ จะกู้ภาพตรงนี้ได้หรือเปล่านี่ผมไม่แน่ใจ


ต้องดูที่สนามเลือกตั้ง อบจ. ก่อนมั้ย?


คือการเลือกตั้งไม่ว่าระดับไหนก็ตาม ในวันนี้ผมมีความชื่นใจที่ประชาชนมีความตื่นตัวทางการเมืองสูงขึ้น ประชาชนเขาจะเลือกจากหลักการของเขาเอง ในขณะนี้ประชาชนมีสองส่วน ส่วนหนึ่งเลือกจากสิ่งที่เขาต้องการให้รัฐบาลหรือผู้บริหารมาแก้ปัญหาปากท้องของเขา ส่วนนี้เขายังจะฝากฝังทั้งความเชื่อมั่นกับทักษิณและเพื่อไทย แต่อีกส่วนหนึ่งเขาตัดสินใจเลือกที่จะให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ เพราะเขาเบื่อหน่ายกับอำนาจรัฐประหารยาวนาน สำหรับผมนับแล้ว 25 ครั้งนะ มันเกินไปแล้วครับประเทศเดียวมีการรัฐประหาร 25 ครั้ง คนเบื่อและเอือมระอาและมองเห็นแล้วว่าการทำรัฐประหารสร้างความพินาศย่อยยับให้ประเทศไทย คนไทยส่วนใหญ่เขาต้องการให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่แข็งแรง ฉะนั้น คนเสื้อแดงที่รักทักษิณก็ยังรักอยู่นะ ไม่ได้เกลียด แต่เขารับไม่ได้กับการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร คนที่มาเลือกก้าวไกลก็ไม่ได้แปลว่าเขาเกลียดทักษิณ อย่าไปมองแบบขาวดำนะ


คุณหมอเชื่อมั่นในตัวคุณทักษิณขนาดไหน? บางฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการลงพื้นที่เชียงใหม่รอบนี้ ถ้าคนเสื้อแดงยังเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวคุณทักษิณ อาจจะต้องเห็นมวลชนมามากกว่านี้ บางคนตั้งข้อสังเกตว่ามวลชนมาบางตากว่าที่คาดการณ์ไว้ด้วยซ้ำ


ต้องขออภัยที่ผมไม่ได้ไปเชียงใหม่ ได้ติดตามจากภาพข่าว ความสามารถในการสื่อสารของผมก็จำกัดเฉพาะที่ปรากฏในทีวีกับในสื่อเท่านั้นเอง ผมก็เลยไม่รู้ว่ามากน้อยแค่ไหน จากที่ผมดูในวันแรกค่อนข้างที่จะเงียบ ผมก็ยังสงสัยว่าทำไมคุณธรรมนัสไปปรากฏตัวใกล้ ๆ คุณทักษิณ นี่แปลว่าอะไร? มันมองได้หมด คุณธรรมนัสบอกว่าไปตรวจราชการบังเอิญไปพ้องต้องตรงกัน ผมว่านี่ไม่ตรงไปตรงมา ผมไม่รู้นะ คุณธรรมนัสอาจจะเป็นอย่างนั้นก็จริง แต่เป็นคำอธิบายซึ่งทำให้คนเขามองคล้าย ๆ ว่ากลมกลืนกัน บอกว่าผมไปตรวจราชการนะ บังเอิญไปเจอคุณทักษิณ คุณก็รู้อยู่แล้วว่าคุณทักษิณมีกำหนดไปเชียงใหม่เมื่อไหร่ แล้วทำไมคุณจัดเวลาให้มันตรงกัน 


คุณหมอกำลังจะบอกว่า จุดอ่อนตรงนี้คือการข้ามขั้ว พอไปเชียงใหม่ปั๊บไปอยู่คู่คุณธรรมนัส ยิ่งหนักกว่าเดิม


คือผมว่าทุกอย่างเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ทำอะไรต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณทักษิณเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ผมไม่บังอาจที่จะไปสอนนะ แต่ว่าประสบการณ์ในชีวิตผมมันสอนผมตลอดเพราะผมก็พลาดอยู่เรื่อย ๆ ว่าเราทำอะไรเราต้องละเอียดลออ จะไปพบกับใคร จะไปปรากฏตัวที่ไหน จะพูดอะไร  อย่างไร กับใคร ต้องละเอียดลออ การที่คุณธรรมนัสซึ่งอยู่กับทางสองลุงไปอยู่ข้างเคียงคุณทักษิณและภาพที่ปรากฎมันประมาณว่าอี๋อ๋อกัน ผมว่าไม่เป็นประโยชน์กับคุณทักษิณและไม่เป็นประโยชน์กับพรรคเพื่อไทยนะ มันคิดได้หมด ถ้าจะบอกว่าสองลุงยังมีบทบาทในระดับหนึ่งกับคุณทักษิณ กับพรรคเพื่อไทย ก็ได้


คุณหมอจะบอกว่า ไปเชียงใหม่ ใครจะมา ใครจะไป จะมาพบ มันไม่รู้หรอก ใครก็ได้ ฝ่ายไหนก็ได้


ถูกต้อง แต่ว่าจริง ๆ แล้ว เวลาผู้หลักผู้ใหญ่เขาเจอกัน ในชีวิตผม เขาส่งสัญญาณได้ บอก “คุณครับมันยังไม่เหมาะนะ เราไปพบกันที่อื่นนะ” “คุณครับ เราไปพบกันโดยไม่มีสื่อได้มั้ยครับ” ประมาณนี้เป็นต้น หรือ “คุณครับ คุณอาจจะส่งคนอื่นมาพบแทนได้มั้ยครับ” มันได้หมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้น อันนี้ผมไม่อยากจะมองแง่ร้ายนะ เอาเป็นว่าสมมุติเขาไปราชการจริง แล้วบังเอิญไปเจอจริง แล้วคุณทักษิณต้องการที่จะพัฒนาเชียงใหม่จริง แล้วคุณธรรมนัสจะเป็นประโยชน์จริง ก็โอเคมองอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่ผมคิดว่ามันทำให้คนเขาคิดมาก


วิธีคิดของ “คนเสื้อแดง” กับเรื่องกระบวนการยุติธรรม มองเรื่องนี้อย่างไร


2553 นับจนถึงวันนี้ 2567 มัน 14 ปีแล้วนะ แล้วคดีความยังเหลืออายุอีก 6 ปี ที่บอกว่าใจเย็นจะให้เย็นถึงเมื่อไหร่ มันเย็นมาแล้ว 14 ปี ที่มีคนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งเขาตั้งใจใส่เสื้อแดงเลย ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี แล้วเขาไปปรากฏตัวเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับวีรชนเมษาพฤษภาปี 53 ผมว่าตรงนี้ต้องมองในแง่ดีนะ เพราะว่าเขาเปิดประตูบานใหญ่ที่จะให้พรรคเพื่อไทยและให้ทักษิณทำคุณประโยชน์ให้คนเสื้อแดง เพราะทันทีที่พรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณทวงความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดง ไม่ต้องมากนะ คุณตั้งคณะกรรมการเอาจริงเอาจังในการที่จะเดินเรื่องอีก 62 ศพ ที่ไม่มีการไต่สวนเลย ไม่มีการชันสูตรพลิกศพตามประมวลวิอาญามาตรา 150 และส่งศาลให้มีคำสั่งการตาย คุณทำแค่นี้นะ คนเสื้อแดงทั้งประเทศและคนที่รักประชาธิปไตย รักความยุติธรรมทั้งประเทศ เขาไชโยโห่ร้อง และคะแนนเสียงคุณจะสามารถดึงกลับมาจากก้าวไกลได้มหาศาลเลย


แสดงว่าเอาจริงพี่น้อง “คนเสื้อแดง” ยังคาใจเรื่องนี้อยู่ ถูกต้องมั้ยครับ?


แน่นอนครับ ผมว่าทุกคน กระทั่งคนที่ยังรักทักษิณแบบไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น ลึก ๆ ของเขายังมีเรื่องนี้ปักในใจทุกคนอยู่ครับว่า แล้ว 99 ศพ คุณจะว่าอย่างไร เพียงแต่ว่าพวกนั้นเขาอาจจะมีความนิยมชมชอบมากเสียจนไม่สามารถทำให้ความรู้สึกตรงนี้หรือมโนธรรมสำนึกเปล่งแสงออกมาได้ แต่มันยังอยู่ในหัวใจของคนเสื้อแดงทุกคนว่า ตกลงแล้ว 99 ศพของคนเสื้อแดง เพื่อไทยว่าอย่างไร? คุณทักษิณว่าอย่างไร?


ถ้าเคลียร์ความรู้สึกนี้ไม่ได้ จะเทไปก้าวไกลกันหมดแล้ว


เรื่องก้าวไกลเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างที่ผมเรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่า วันนี้ประชาชนเขามีความสำนึกทางการเมือง มีความตื่นตัวทางการเมืองสูง จำนวนหนึ่งเขาตัดสินใจไปเลือกก้าวไกล เพราะเขาเห็นว่าพรรคเพื่อไทยโลเลในการที่จะปฏิเสธคณะรัฐประหาร คณะยึดอำนาจ กระทั่งสันกำแพงเขายังเลือกก้าวไกล แล้วเชียงใหม่เรียกได้ว่าเป็นอาณาเขตของเพื่อไทย 100% ตอนนี้เหลือ 2 คน ผมว่ามันน่าจะให้ข้อคิดกับพรรคเพื่อไทยไปวิเคราะห์ว่ามันเกิดอะไรขึ้น สำหรับผมก็เสนอแง่มุมนี้แหละว่า คนเสื้อแดงจริง ๆ เขาต่อต้านรัฐประหาร เขาต้องการประชาธิปไตย ถ้าหากคุณละเมิดกฎนี้ไป ถึงแม้เขารักคุณ เขาไม่ได้เกลียดคุณนะ เขามองเห็นว่าคุณแก้ปัญหาให้เขา เขามองเห็นว่าคุณมีธนาคารคนจน มีกองทุนหมู่บ้าน มี 30 บาทนรักษาทุกโรค มีสารพัดเรื่อง หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ แต่ทันทีที่คุณไปจับมือกับคณะรัฐประหาร เขาก็ไม่เอาคุณ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #หมอเหวง #เพื่อไทย #ทักษิณ #คนเสื้อแดง