‘ดีอี’ จับมือ ‘พาณิชย์’ เปิด ‘ไปรษณีย์ไทย@ธงฟ้า’
เครือข่ายจุดดรอปพัสดุ สำหรับอีคอมเมิร์ซ ‘ไปรษณีย์ไทย’ ผนึก ‘กรมการค้าภายใน’
อำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ 2 หมื่นจุด เริ่มเม.ย.นี้
วันที่
7 มีนาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมเปิดโครงการ
‘ไปรษณีย์ไทย @ธงฟ้า’
เติมเต็มศักยภาพภาคธุรกิจและอีคอมเมิร์ซ เปิดจุดบริการ เพิ่มเครือข่ายจุดดรอปพัสดุ
(Drop Off) สำหรับอีคอมเมิร์ซที่ครอบคลุมกว่าเดิม
โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการเติบโตและสร้างความสะดวกให้กับผู้ประกอบการให้สามารถส่งสิ่งของได้ง่ายจากจุดดรอปพัสดุที่กระจายอยู่ทุกพื้นที่
พร้อมสร้างรายได้ให้ร้านธงฟ้ากว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ
ซึ่งจะเริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป
นายภูมิธรรม
กล่าวว่า โครงการ ‘ไปรษณีย์ไทย @ธงฟ้า’
เป็นการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมโดยใช้กลไกเครือข่ายร้านธงฟ้าที่มีอยู่ทั่วประเทศให้เป็นจุดดรอปพัสดุของไปรษณีย์
ตามแนวทางการส่งเสริมศักยภาพกันและกันอย่างเป็นรูปธรรม
โดยมีวัตถุประสงค์ในการเพิ่มเครือข่ายบริการไปรษณีย์ไทยเพิ่มศักยภาพในการให้บริการไปรษณีย์ให้ครอบคลุมต่อประชาชน
สำหรับในส่วนของร้านธงฟ้าถือเป็นการพัฒนาศักยภาพด้านการค้าให้ร้านธงฟ้า
โดยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้สร้างโอกาสให้แก่ร้านธงฟ้า
และพัฒนาร้านธงฟ้าเข้าสู่ธุรกิจรับ-ส่งพัสดุ ด้วยระบบดิจิทัลมากขึ้น
ซึ่งโครงการจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ร้านค้าออนไลน์และประชาชน
ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ลดข้อจำกัดด้านเวลา เช่น ชั่วโมงเร่งด่วน
หรือการเลือกช่วงเวลาที่สะดวกเป็นต้น
นายประเสริฐ
จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า กระทรวงมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล
และมีนโยบายให้หน่วยงานภายใต้สังกัดนําบทบาท และการดำเนินงานมาสร้างโอกาสให้กับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
พร้อมเน้นการทำงานแบบบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจ ประชาชน
รวมถึงหน่วยงานภาครัฐได้ใช้ประโยชน์จากความเป็นดิจิทัล ให้ได้มากที่สุด
โดยภาคส่วนหนึ่งที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและจำเป็นต้องสร้างศักยภาพให้ทันต่อการแข่งขันคือ
ภาคค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซที่ต้องใช้ทั้งบริการขนส่งที่มีคุณภาพ
และเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วถึงมาอำนวยความสะดวก
สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการทุกกลุ่มเป้าหมาย
จึงได้มอบหมายให้ไปรษณีย์ไทยร่วมกับกรมการค้าภายในพัฒนาระบบรองรับการขยายจุดดรอปพัสดุที่ร้านธงฟ้า
เพื่อใช้และสร้างโอกาสให้กับร้านธงฟ้าที่มีอยู่ทุกชุมชนเป็นช่องทางในการให้บริการไปรษณีย์อำนวยความสะดวกผู้ประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
มีรายได้เพิ่มมากขึ้นและผลักดันให้ระบบฝากส่งสิ่งของเป็นเรื่องที่สะดวก
และง่ายยิ่งขึ้นจากการมีจุดดรอปออฟที่กระจายอยู่ทุกพื้นที
“ไปรษณีย์ไทยเป็นกลไกสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของระบบเศรษฐกิจ
สังคมและชุมชน ซึ่งปัจจุบันจะเห็นได้ว่าเป็นรัฐวิสาหกิจที่ก้าวทันาทุกการแข่งขัน
คล่องตัว มีเครือข่าย ข้อมูล ระบบการให้บริการ
และเทคโนโลยีที่รองัรบความต้องการได้หลากหลายรูปแบบ
รวมทั้งความเชี่ยวชาญของบุรุษไปรษณีย์
ซึ่งความโดดเด่นเหล่านี้จะช่วยสร้างโอกาสให้กับทุกคนและหนุนเศรษฐกิจดิจิทัลให้เติบโตได้แบบไร้รอยต่อ”
นายประเสริฐกล่าว
ด้าน
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า
ไปรษณีย์ไทยพร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลด้วยการพัฒนาระบบขนส่งให้มีประสิทธิภาพและใช้กลไกนี้เป็นจุดเชื่อมต่อภาคส่วนต่างๆ
ให้ได้รับประโยชน์มาอย่างต่อเนื่อง สำหรับโมเดลการพัฒนาร้านธงฟ้า 20,000
แห่ง
ให้เป็นจุดให้บริการงานไปรษณีย์ในลักษณะดรอปออฟในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งแนวทางสนับสนุนภาคเศรษฐกิจ
สังคม ชุมชน
ให้มีการเติบโตในหลากหลายมิติตั้งแต่ในส่วนของร้านธงฟ้าที่สามารถสร้างรายได้โดยไม่ต้องลงทุนและสามารถสร้างเครือข่ายกับธุรกิจต่างๆ
ได้มากขึ้นในส่วนของผู้ประกอบการอีคอมเมิรซ์ที่มีสัญญากับไปรษณีย์ไทยจะได้รับความสะดวกในการดรอปสิ่งของที่จุดให้บริการใกล้บ้านทำให้ดรอปง่ายสร้างรายได้เครือข่ายครอบคลุมด้วยคุณภาพบริการตอบโจทย์ธุรกิจ
สำหรับจุดบริการ
‘ไปรษณีย์ไทย@ธงฟ้า’
ในระยะแรกจะเปิดเป็นจุดดรอปพัสดุผู้ฝากส่งเพียงเตรียมการฝากส่งล่วงหน้าซึ่งผู้ให้บริการร้านธงฟ้าสแกนบาร์โค้ดหน้ากล่องผ่านแอปพลิเคชันเพื่อรับสิ่งของเข้าระบบจากนั้นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จะเข้ามารับพัสดุไปดำเนินการเพื่อส่งต่อให้ผู้รับปลายทาง
และระบบจะคำนวณรายได้ให้ร้านธงฟ้า โดยจะเริ่มให้บริการในเดือนเมษายน 2567 ตามเวลาทำการของร้านธงฟ้าแต่ละแห่ง
ส่วนระยะต่อไปจะเปิดให้บริการทั้งจุดรับพัสดุและเป็นจุดรอจ่ายพัสดุให้ผู้รับปลายทาง
ทั้งนี้จากความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้ไปรษณีย์ไทยมีเครือข่ายรวมมากกว่า 50,000
จุดทั่วประเทศ