วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2567

‘ลูกชายสหายภูชนะ’ ยื่น ประธาน กมธ.กฎหมายฯ สอบข้อเท็จจริงและค้นหาพยานหลักฐานการบังคับให้สูญหายนายชัชชาญ ที่ประเทศลาว เมื่อปี 2561 ผ่านหลายปีไร้ความคืบหน้า

 


ลูกชายสหายภูชนะ’ ยื่น ประธาน กมธ.กฎหมายฯ สอบข้อเท็จจริงและค้นหาพยานหลักฐานการบังคับให้สูญหายนายชัชชาญ ที่ประเทศลาว เมื่อปี 2561 ผ่านหลายปีไร้ความคืบหน้า


วันนี้ (13 มี.ค. 67) เวลา 13.20 น. ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายก่อการ บุปผาวัฏฏ์ บุตรชายของนายชัชชาญ บุปผาวัลย์ (สหายภูชนะ) พร้อมด้วยทนายความจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เข้ายื่นหนังสือต่อ นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ขอให้สอบข้อเท็จจริงและค้นหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับให้สูญหายของนายชัชชาญ ที่ประเทศลาว เมื่อปี 2561


นายก่อการ ได้กล่าวถึงจุดประสงค์ของการมายื่นหนังสือในครั้งนี้ว่า “วันนี้มายื่นเรื่องของคุณพ่อชัชชาญ บุปผาวัลย์ หรือสหายภูชนะ ที่พบเป็นศพ ลอยแม่น้ําโขงมาติดที่อําเภอธาตุพนม เมื่อปลายปี 2561ทุกวันนี้ก็ยังไม่ไม่มีความคืบหน้าจากฝั่งผู้ที่ทําคดี”


ด้านพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการ และทนายความมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้เดินทางมาร่วมยื่นหนังสือวันนี้กับก่อการฯ พรเพ็ญย้ำถึงการบังคับบุคลลให้สูญหายที่เกิดขึ้นในไทยที่มีอยู่หลายกรณี โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้ลี้ภัยทางการเมืองตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา “เราได้รับเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับให้สูญหายมาหลายกรณี รวมทั้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย แต่ตอนนี้มีคดีที่คิดว่าสําคัญก็คือคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้ลี้ภัยทางการเมืองซึ่งปรากฏว่าตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 2557 จนกระทั่งปัจจุบันมีรายงานว่ามีผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ลี้ภัยไปตั้งแต่สมัยรัฐประหารปี2557 ที่ถูกบังคับให้สูญหายไปกว่า 9 กรณี กรณีล่าสุดก็คือการบังคับวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ให้สูญหาย ส่วนกรณีของสหายภูชนะที่ได้มายื่นเรื่องในวันนี้ปรากฏพบว่าเป็นเป็นศพลอยน้ำมาที่แม่น้ำโขง”


พรเพ็ญ กล่าวต่อไปว่าแม้ว่าจะได้รับเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับให้สูญหายหลายกรณี แต่กลับยังไม่มีกรณีใดเป็นคดีภายใต้พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2566 กฎหมายฉบับใหม่ แม้แต่คดีเดียว “กระบวนการยุติธรรมยังมีความล่าช้าอยู่ นับตั้งแต่ที่เรามีพ.ร.บ.ทรมาน-อุ้มหาย ยังไม่มีการนําคดีบังคับให้บุคคลสูญหายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือริเริ่มคดีเลยแม้แต่คดีเดียว”


นอกจากนี้พรเพ็ญได้กล่าวทิ้งท้าย โดยฝากความหวังให้กมธ.ยุติธรรมฯ ช่วยดำเนินการสอบข้อเท็จจริง ค้นหาความจริงให้ประชาชน “คดีเหล่านี้มีความยากลําบากมากในการดำเนินการ จึงอยากขอให้ทางกมธ.ยุติธรรมฯ ช่วยประชาชนค้นหาความจริงเพราะการกระทําให้บุคคลสูญหายลักษณะนี้มีสิ่งที่น่าเชื่อได้ว่าอาจจะเกิดจากการกระทําของเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนชาวบ้านเราไม่สามารถจะเอื้อมมือไปขอพยานหลักฐานหรือหรือนําคดีขึ้นสู่การพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมได้ตั้งแต่ในชั้นสอบสวน จึงขอให้คณะกรรมการมาธิการฯช่วยประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง”


ขณะที่ พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ มารดาของบุตรทั้งห้าคนของพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงบางกลอยที่หายตัวไปหลังจากถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติควบคุมตัวเมื่อปี 2557 ได้เดินทางมาร่วมยื่นหนังสือกับก่อการในวันนี้และได้กล่าวถึงความรู้สึกของตนต่อกฎหมายและความยุติธรรมในฐานะที่ต้องเป็นผู้เสียหายเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมให้กับบิลลี่ถูกอุ้มหายว่า “ตนเชื่อว่าความยุติธรรมมีอยู่ แต่รู้สึกว่าปัญหาคือกฎหมายยังมีช่องโหว่ใหคนกระทำความผิดอยู่ด้วย อยากฝากถึงคนที่ร่างกฎหมายถ้าเป็นไปได้อยากปรับให้กฎหมายไม่ต้องมีช่องโหว่อีก”


ด้าน ชลธิชา แจ้งเร็ว เลขานุการกมธ.ยุติธรรมฯ เป็นหนึ่งในตัวแทนมารับหนังสือดังกล่าว ส.ส ชลธิชา กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า “ประเด็นในเรื่องของกรณีอุ้มหายของนักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงหลังรัฐประหารตั้งแต่ปี2557เป็นต้นมา มีจํานวนกว่า 9 คนแล้วที่ถูกบังคับให้สูญหาย” ส.ส. ชลธิชา กล่าวต่อไปถึงกรณีชัชชาญฯ ว่า “กรณีสหายภูชนะ ในช่วงที่ผ่านมาทางรัฐสภา ได้ติดตามเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว รัฐสภาในชุดที่ 25 ก็มีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญ ติดตามความคืบหน้าของคดี แต่แม้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญมาแล้วสองปีคดีดังกล่าวยังคงไม่มีความคืบหน้า


วันนี้กมธ.ยุติธรรมฯยินดีอย่างมากที่จะรับเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนที่มายื่นในวันนี้ ” ส.ส.ชลธิชา ยืนยันว่าหลังจากรับเรื่องในวันนี้ กมธ.ยุติธรรมฯ จะบรรจุเข้าวาระการประชุมของคณะกรรมธิการฯ ต่อไป


ด้าน กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ประธานกมธ.กฎหม่ยฯ ได้มารับหนังสือจากก่อการด้วยตนเอง ส.ส. กมลศักดิ์ กล่าวว่า “ในนามประธานกมธ.กฎหมายฯ กรณีที่ลูกชายชัชชาญ บุปผาวัลย์ ผู้เสียหายยื่นเข้ามา กมธ.ยุติธรรมฯ จะรับเรื่องไปพิจารณาต่อและเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาสอบถามความคืบหน้า”


“ตอนนี้เรามีพ.ร.บ.ทรมาน-อุ้มหายแล้ว ก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการฯ เคยเรียกกรณีคดีลุงเปี๊ยกมาสอบถาม แต่พบว่าเจ้าพนักงานยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ยังไม่เข้าใจถึงหน้าที่ของตนตามกฎหมายใหม่ฉบับนี้ กมธ.จึงได้ทำหนังสือเสนอไปยังกระทรวงยุติธรรม ให้รีบทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่โดยด่วน และจากการประชุมครั้งล่าสุดทราบว่ากระทรวงยุติธรรมก็ได้เรียกประชุมด่วนชี้แจงทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่เป็นนโยบายทั่วประเทศ” ส.ส. กมลศักดิ์ กล่าวถึงบทบาทของกมธ.ยุติธรรมที่ผ่านมาซึ่งได้ร่วมผลักดันการบังคับใช้กฎหมายฉบับใหม่ดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


ในช่วงท้ายส.ส. กมลศักดิ์ ย้ำว่ากรณีการบังคับให้บุคคลสูญหายภายใต้กฎหมายฉบับใหม่นี้ รวมไปถึงกรณีที่เกิดการบังคับให้สูญหายขึ้นก่อนกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ด้วย “พ.ร.บ.ทรมาน-อุ้มหาย เป็นกฎหมายใหม่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นกรณีการบังคับให้สูญหายที่เกิดขึ้นหลังจากฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ กรณีการบังคับบุคคลให้สูญหายก่อนกฎหมายฉบับนี้ ทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริง หาคนที่กระทำผิดได้” 


อย่างไรก็ตาม มูลนิธิผสานวัฒนธรรมขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันจับตาอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามการดำเนินการในขั้นตอนต่อไปของกมธ.ยุติธรรมฯ และร่วมกันกดดันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจในการสอบสวนเรื่องดังกล่าวให้เร่งดำเนินการโดยไม่ชักช้า และให้แน่ใจว่าได้ประกันสิทธิครอบครัวชัชชาญ บุปผาวัลย์ ให้มีส่วนร่วมในการค้นหาและสอบสวนในทุกขั้นตอนของการดำเนินคดี รวมถึงได้รับแจ้งความคืบหน้าและผลการสอบสวนอย่างต่อเนื่อง


ข้อมูล : มูลนิธิผสานวัฒนธรรม


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ชัชชาญบุปผาวัลย์ #สหายภูชนะ #ชัชชาญ #คดีอุ้มหาย #พรบอุ้มหาย