วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2567

“ชาญวิทย์ - สุชาติ” ผิดหวังหลัง“ตะวัน - แฟรงค์” ถูกฝากขังเป็นผลัดที่สาม แถลงขอศาลปล่อยตัวชั่วคราว ทั้ง 2 ควรได้โอกาสหลักการทางกฎหมายถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เชื่อตุลาการไทยจะเป็นเสาหลักของประเทศปกป้องประชาชนผู้เห็นต่างและถูกคุกคาม

 


ชาญวิทย์ - สุชาติ” ผิดหวังหลัง“ตะวัน - แฟรงค์” ถูกฝากขังเป็นผลัดที่สาม แถลงขอศาลปล่อยตัวชั่วคราว ทั้ง 2 ควรได้โอกาสหลักการทางกฎหมายถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เชื่อตุลาการไทยจะเป็นเสาหลักของประเทศปกป้องประชาชนผู้เห็นต่างและถูกคุกคาม

 

วันนี้ (8 มีนาคม 2567) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตามที่เวลา 14.10 น. ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขัง นางสาวทานตะวัน หรือตะวัน นายณัฐนนท์ หรือแฟรงค์ เป็นครั้งที่สาม ระยะเวลา 12 วัน โดยเห็นว่าพนักงานสอบสวนยังมีพยานบุคคลต้องสอบอีก 2 ปาก ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา และยังต้องรอวิดีโอพยานหลักฐาน เพื่อที่จะพิจารณาสั่งฟ้องต่อไป ทั้งผู้ต้องหาทั้งสองมีสิทธิยื่นประกันตัวต่อศาลอีก แต่กำชับให้พนักงงานสอบสวนเร่งรัดสอบปากคำให้แล้วเสร็จในการฝากขังครั้งนี้

 

ในเวลาต่อมา เวลา 14.30 น. ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ นักวิชาการประวัติศาสตร์และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี อดีตศิลปินแห่งชาติและนักเขียนอาวุโส เจ้าของนามปากกา “สิงห์สนามหลวง” ได้เดินทางยื่นคำแถลงต่อศาล พร้อมด้วยประชาชนที่มาร่วมใจกำลังใจ

 

อ.ชาญวิทย์ ระบุว่า เมื่อทราบคำสั่งของศาลว่าอนุญาตให้ฝากขังทั้งสองต่อเป็นผัดที่ 3 ตนและนายสุชาติรู้สึกผิดหวังมาก ในวันนี้ตนยื่นคำแถลงต่อศาลระบุว่า “ข้าพเจ้าเคยเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยเห็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาหลายยุคหลายสมัย เห็นความโหดร้ายในการปราบปรามประชาชนในการสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 อันเกิดขึ้นจากการที่มีผู้คนอ้างความเชื่อที่ถูกปลุกปั่นยุยงให้เข้าประหัตประหารเยาวชนนักเรียนนิสิตนักศึกษา

 

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สร้างขึ้นโดยมีเจตนารมณ์ว่าบ้านเมืองต้องมีกฎหมายเป็นหลัก ผู้คนต้องเท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมายอันเป็นเจตนารมณ์ของนายปรีดี พนมยงค์ บรรพตุลาการและรัฐบุรุษของพวกเราทั้งหลาย เพื่อให้การปกครองบ้านเมืองนั้น ใช้การปกครองในระบบกฎหมายเท่านั้นโดยปราศจากอคติทั้งปวง

 

เมื่อเด็กทั้งสองคนนี้ยังคงเป็นผู้ถูกกล่าวหา จึงต้องใช้หลักการสันนิษฐานไว้ก่อน ว่าเขาทั้งสองเป็นผู้บริสุทธิ์และต้องใช้หลักการความเป็นธรรมทางกฎหมายทั้งปวงที่ท่านมีอยู่ในมือเพื่อใช้ดำรงหลักการและคุ้มครองบ้านเมืองให้สงบสุขต่อไป

 

จึงขอให้พิจารณาไม่รับฝากขังเยาวชนทั้งสองตามคำขอของตำรวจและให้ปล่อยชั่วคราวไปตลอดเวลาในการพิจารณาคดีจนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด“

 

ด้านนายสุชาติ ระบุถึงรายละเอียดในการยื่นคำแถลงต่อศาลอาญา ว่า ”ข้าพเจ้าเป็นอดีตนักศึกษาเก่าของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เติบโตมาในสมัยของเผด็จการถนอม - ประภาส ตลอดชีวิตที่ผ่านมาได้รับรู้และรับทราบรสชาติของการที่ประชาชนจะต้องใช้ชีวิตอยู่ใต้เผด็จการเป็นอย่างดี รู้รสชาติของสภาวะที่อำนาจตุลาการตกอยู่ภายใต้การสั่งการของเผด็จการ รู้รสชาติของการถูกถอดถอนตำแหน่งศิลปินแห่งชาติจากการมีความเห็นที่ไม่ตรงรัฐ

 

ข้าพเจ้าเชื่อว่าเด็กสองคนในคดีนี้ ไม่ควรได้รับสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยได้รับรู้รับทราบ ไม่เคยสมควรต้องได้รับรู้รสชาติเช่นตอนที่ข้าพเจ้าได้ถูกถอดถอนจากตำแหน่งศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าไม่เคยได้รับโอกาสในการโต้แย้งใด ๆ

 

เมื่อเวลาผ่านมาและข้าพเจ้าเติบโตมีปริทัศน์ขึ้น ข้าพเจ้าอยากให้เด็กได้รับโอกาสนั้น และได้รับโอกาสที่จะถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งข้าพเจ้าเชื่อว่าเป็นหลักการทางกฎหมาย

 

ข้าพเจ้าขอเรียนต่อศาลที่เคารพต่อไปว่า แม้ข้าพเจ้าจะรับรู้รสชาติของภาวะที่อำนาจตุลาการตกอยู่ภายใต้การสั่งการของเผด็จการ แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าตุลาการในยุคใหม่ไม่ใช่เช่นนั้น เชื่อมั่นว่าตุลาการเป็นอิสระได้และเชื่อมั่นว่าระบบตุลาการไทยจะเป็นเสาหลักของประเทศไทยในการปกป้องประชาชนผู้เห็นต่างและถูกคุกคาม

 

สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าขอเรียนต่อศาลที่เคารพว่า ข้าพเจ้าเชื่อว่าการไม่รับฝากขังและปล่อยตัวชั่วคราวเด็กกลับไปสู่พ่อแม่ของเขาจะไม่ทำให้ประเทศไทยในพุทธศักราช 2567 ล่มจมล่มสลายแต่ประการใด จึงขอให้ท่านไม่รับฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองนี้ต่อไปและหากมีการรับฝากขังจองจำผู้ต้องหาทั้งสองนี้ไว้ ก็ขอให้ผู้พิพากษา ซึ่งเป็นผู้พิจารณาปล่อยชั่วคราวพิจารณาให้ปล่อยชั่วคราวเยาวชนทั้งสองและเป็นหลักประกันความยุติธรรมให้ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายด้วย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คืนสิทธิประกันตัวประชาชน