ณัฐวุฒิ
ใสยเกื้อ :
ภารกิจในการติดตามทวงถามความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดงยังอยู่ในใจเราทุกคน
เป็นภาระหน้าที่บนบ่าของพวกเราทุกคน
พี่น้องที่เคารพครับ
ที่จริงมันไม่ได้ยืนตะโกนอยู่ตรงนี้นะครับ ผมนอนอยู่บนเวทีใต้ทางรถไฟนั่นแหละครับ
อาบน้ำตรงนั้น กินข้าวตรงนั้น ตัดผมตรงนั้น ใช้ชีวิตตรงนั้น
ร่วมชีวิตกับพวกเราที่นั่น เป็นเวลา 10 ปีพอดีนะครับ
ที่เราไม่ได้มีกิจกรรมรำลึกการต่อสู้เมื่อปี 2553
กันนะจุดเกิดเหตุแยกราชประสงค์แห่งนี้
แล้วมาวันนี้มันเป็นการประกาศวาระอันดีที่บ้านเมืองเข้าสู่การเลือกตั้ง
แล้วกำลังจะมีรัฐบาลของฝ่ายประชาธิปไตย
ที่มานั่งกันอยู่เนี่ย
ตอนหาเสียง ตอนลงคะแนน ตอนรู้ผลเลือกตั้ง ทะเลาะกันบ้างหรือเปล่าเนี่ย?
พี่น้องที่เคารพ
จะเห็นต่างกันทางการเมืองเรื่องฝ่ายประชาธิปไตยอย่างไร
คะแนนในหีบบัตรอาจจะมาแตกต่างกันอย่างไรก็ตาม
ขอให้พี่น้องคิดว่าเรื่องนั้นเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว
แล้วก็มองไปข้างหน้าว่าในที่สุดชัยชนะก็กลับคืนมาสู่ฝ่ายประชาชนนะครับ
และขอให้พี่น้องพึงตระหนักเสมอ ว่าสำหรับเราคนเสื้อแดงที่เคยถูกเขาเหยียบย่ำว่าเป็นพวกควายแดง
ชีวิตของพวกเรามันร่วมเป็นร่วมตาย มันเคียงบ่าเคียงไหล่
มันผูกพันกันเสมือนพี่น้องในสายเลือดมายาวนาน
หากจะมีอะไรกระทบกระทั่งกันในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา
ให้เอาสิบกว่าปีที่เรากอดคอกันมานั่นแหละครับมาเยียวยาหัวใจของทุกคน
ถ้าหัวใจของใครที่เคยรักกัน ที่เคยนั่งหลังพิงกันบนถนนเส้นนี้
ที่เคยนอนเคียงเรียงกันบนถนนเส้นนี้ ที่เคยแบ่งข้าวห่อเดียวกันกิน แบ่งหมูปิ้ง
แบ่งไก่ย่างชิ้นเดียวกันกิน น้ำใจของเรามันท่วมหัวใจของกันและกันตลอดมา ถ้ามันถึงวันนี้แล้วน้ำในหัวใจใครก็ตามมันแห้งผาดลงสำหรับคนที่เคยเป็นพี่น้องกันให้มาตักน้ำไปจากหัวใจนี้
หัวใจนี้มีน้ำให้คนเสื้อแดงตลอดมา ให้มาเอาน้ำไปจากหัวใจนี้ ไปเติมในหัวใจตัวเอง
ไปเติมในหัวใจพี่น้องเราแม้ว่าเราจะเห็นต่างกันในตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมา และถ้าหากจะมีใครสมหวัง
หรือผิดหวัง มันเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ถ้าหากวันนี้จะทำให้เพื่อนเราผู้จากไปได้รับรู้ ได้รับทราบ ว่าเรายังคงมีกันและกันอยู่เสมอ
ก็ขอให้หันหน้าเข้าหากันและโอบกอดกันก่อนที่จะแยกย้ายกันเดินทางไปตามเส้นทางของตัวเอง
พี่น้อง
มันไม่มีใครเข้าใจหัวอกเราเท่าอกเราเองที่แบกความทุกข์ยากด้วยกันมา
มันไม่มีใครเจ็บปวดแทนเราได้เท่ากับคนเสื้อแดงด้วยกันที่เจ็บปวดแทนกันและกันตลอดมา
และมันไม่มีใครที่ลืมตัวลืมตาย ยอมตายแทนกัน
เอาชีวิตหนึ่งปกป้องอีกชีวิตหนึ่งเพราะใส่เสื้อสีเดียวกัน ตัวเดียวกัน
เชื่ออย่างเดียวกันตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น
ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องทุกคนนะครับ น้ำใจมาเอาที่นี่ ถ้ามีน้ำตา
เอาหัวใจนี้ไปเช็ดน้ำตาให้แล้วยืดอกขึ้นมาแล้วเดินหน้าต่อไป
พี่น้องครับ
ผมมาเจอพี่น้องวันนี้ด้วยความรู้สึกยินดีว่าเรายังคงมีกันและยังคงเห็นหน้าสบแววตากันได้เต็มตาอยู่เสมอ
ไม่มีใครทำผิดต่อกันระหว่างคนเสื้อแดง ไม่มีใครเป็นคู่ชิงชังกันในหมู่คนเสื้อแดง
เพราะเราคือประชาชนผู้รอดตายมาด้วยคนโดยมีเพื่อนเราเขาตายแทน
เราจะปกป้องหัวใจของเรา ปกป้องเกียรติยศศักดิ์ศรี ปกป้องความผูกพันในนามคนเสื้อแดงเอาไว้เพื่อบูชาพี่น้องผู้จากไปในการต่อสู้ที่ผ่านมา
พี่น้องครับ
แล้วผมก็อยากจะบอกพี่น้องเพียงช่วงสั้น ๆ
เนื่องจากว่ามันมีภารกิจที่นัดหมายต้องให้สัมภาษณ์ต้องสื่อสารกับเขา
และไอ้คนเสื้อแดงเรานี่เป็นคนซื่อ พูดกับใคร ตกลงกับใคร
นัดกับใครไว้เราก็ต้องรับผิดชอบ ดังนั้น ก็อย่าให้เขาว่าได้
ผมเพียงอยากจะเล่าให้พี่น้องฟังว่า
ภารกิจในการติดตามทวงถามความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดงยังอยู่ในใจเราทุกคน
เป็นภาระหน้าที่บนบ่าของพวกเราทุกคน ผมปรึกษาหารือผู้รู้ทางกฎหมายหลายท่าน
พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายหลายคน คิดอ่านกันอยู่หลายหนว่าจะมีแนวทางไหนที่จะหนุนเสริมกับหลายแนวทาง
ที่คปช.ทำอยู่ ที่ครูบาอาจารย์ ที่พรรคการเมืองต่าง ๆ เขาเสนออยู่ เพื่อให้มันตรง
เพื่อให้มันเร็ว และมันหวังผลได้ทันทีอย่างน้อยก็ในสถานการณ์เฉพาะหน้าก่อนที่มาตรการอื่น
ๆ จะตามมาหนุนเนื่องต่อกัน
ดังนั้น
จึงได้ข้อสรุปครับ ผมจะประสานงานส.ส. ซึ่งประทานโทษเถอะครับ ผม..มันจำเป็น เพราะว่ามันเป็นข้อเท็จจริง
ไม่ได้มีนัยวาระการเมืองอื่น คือผมคุยกับพี่ ๆ น้อง ๆ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเอาไว้ 30 คน
จะเข้าชื่อกันและทันทีที่สภาเปิดปฏิบัติงาน จะยื่นร่างแก้ไข พ.ร.บ.ป.ป.ช. ทันที
ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ป.ป.ช. ที่ว่ามันมีสาระสำคัญยังไง มันมีเนื้อหาโดยสรุปแบบไหน
มันมีสาระสำคัญประการที่ 1
ในกรณีคดีความที่ผู้มีอำนาจทางการเมืองหรือบุคคลในกลไกรัฐ ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด
มีการยื่นร้องต่อป.ป.ช. ถ้าป.ป.ช.ไม่รับ ให้ผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายตามกฎหมายนี้คือผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ให้ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องศาลฏีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองโดยตรงได้เลย
ในกรณีที่ยื่นไปแล้วป.ป.ช.รับเรื่องไว้พิจารณาแล้วยกคำร้อง
บอกว่าไม่มีมูล โดยคดีตีตกไปเหมือนกรณีคดีของพี่น้องที่เสียชีวิตซึ่งเจออยู่เวลานี้
เราก็จะแก้เนื้อหาในมาตรา 58 สาระสำคัญความว่า ถ้าป.ป.ช.ยกคำร้องให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด
และให้อัยการสูงสุดแจ้งป.ป.ช.
ให้นำพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดที่พิจารณาและยกคำร้องไป
ส่งมายังอัยการสูงสุดโดยเร็วในเวลาไม่เกิน 30 วัน และให้อัยการสูงสุดพิจารณา
หากอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้อง ก็ฟ้อง หากอัยการสูงสุดไม่สั่งฟ้อง
ผู้เสียหายมีสิทธิที่จะยื่นฟ้องตรงต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเช่นเดียวกัน
แล้วก็ยังมีความอีกว่า หากเป็นกรณีความผิดที่มีผู้เกี่ยวข้องทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ทหาร หรืออื่น ๆ ให้ผู้เสียหายสามารถฟ้องได้คราวเดียวในศาลเดียวกัน ยกตัวอย่าง
หลายคดีที่เข้าสู่ป.ป.ช. แล้วไปศาลฎีกานักการเมือง มีการฟ้องทั้งคนเป็นรัฐมนตรี
ฟ้องทั้งข้าราชการ ฟ้องไปถึงภาคเอกชนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ก็ทหารเป็นข้าราชการหน่วยหนึ่ง ดังนั้นเมื่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีเนื้อความอย่างนี้
ผู้เสียหายย่อมมีสิทธิในการฟ้องโดยตรงเป็นพวงเดียว เนื้อความโดยสรุปสาระสำคัญเป็นแบบนี้
ท่านที่สนใจรายละเอียดโหลดไปดูได้ที่เพจเฟซบุ๊ก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผมลงเอาไว้ [รายละเอียดตามลิ้งค์ : https://www.facebook.com/photo/?fbid=797612755053657&set=pcb.797612821720317]
.
และหมายเหตุไว้ด้วยว่า
ในระหว่างรอสภาเปิดปฏิบัติหน้าที่ ถ้ามีผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญท่านใดมีข้อสังเกต มีข้อเสนอแนะ
ขอให้แจ้งมา ผมจะรีบไปหา ผมจะรีบไปพบท่าน
รับเอาความรู้มาและเอามาปรับปรุงแก้ไขให้รอบคอบ รัดกุม ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นก็จะไปประสานงานกับรัฐบาลชุดใหม่ซึ่งชัดเจนตรงไปตรงมาว่าเมื่อพรรคก้าวไกลได้ที่
1 พรรคก้าวไกลก็ต้องเป็นแกนนำ แคนดิเดตนายกฯ ก็ต้องมาจากพรรคก้าวไกล
ไม่มีเป็นอย่างอื่น ผมก็จะไปประสานขอให้รัฐบาลนำเอาการแก้กฎหมายนี้เข้าไปในวาระ 100 วัน เพื่อดำเนินการทันที
และประสานให้คณะรัฐมนตรีเสนอร่างเนื้อหาทิศทางเดียวกันเข้าเป็นร่างประกบด้วย
ถ้ากระบวนการดังกล่าวดำเนินการทันทีในกรอบเวลา 100 วัน
ก็คาดหวังว่ากฎหมายเสร็จสิ้นประกาศบังคับใช้ภายใน 6 เดือน
และภายใน 6 เดือนแรกของรัฐบาลนี้ เราจะเห็นคดีนี้ขึ้นสู่ศาลโดยประชาชนที่เป็นผู้เสียหาย
ส่วนมาตรการอื่น
ๆ ก็เป็นวาระของหลายคน หลายท่าน หลายพรรคการเมือง หลายองค์กร
ซึ่งก็จะเป็นการหนุนเสริมกันในโอกาสต่อ ๆ ไป ถามว่าทำไมต้องทำเร็ว
เพราะผมเห็นว่านี่ไม่เรียกว่าเร็วเลย เพราะประชาชนรอความยุติธรรมมา 13 ปี
ต่อเนื่องกันเข้าไปแล้ว และในสายตาผม ผมเห็นว่าสถานการณ์การเมือง ณ ปัจจุบัน มันมีเงาทะมึนของความขัดแย้งปรากฏให้เห็นอยู่
มันมีเค้าลางของวิกฤตวับแววให้เห็นอยู่บ้าง ดังนั้นถ้ากฎหมายนี้แก้เสร็จ
บังคับใช้ก่อน อย่างน้อยที่สุดมันจะเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับประชาชนไว้ได้หนึ่งชั้น
ใครก็ตามที่มีอำนาจจะสั้งปราบปรามประชาชนไม่ง่ายก็แล้วกัน
และผู้เสียหายเขามีสิทธิที่จะฟ้องร้องคดีต่อศาล
พี่น้องครับ
เอาการบ้านมาส่ง เพื่อบอกพี่น้องว่าคนเสื้อแดงไม่ต้องเคาะประตูหัวใจถามกันหรอกครับ
ว่าจำความทุกข์ยาก จำความสูญเสียของพี่น้องตัวเองได้หรือเปล่า
ไม่ต้องเคาะหัวใจถามกัน เพราะในหัวใจเราจำมันไม่เคยลืมไม่เคยเสื่อมคลาย
และก็อยากจะบอกพี่น้องนะครับ
ว่าวันนี้ผมไปอภิปรายเรื่องการต่อสู้ของคนเสื้อแดงที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยที่เราไม่เคยนึกว่าวันหนึ่งเรื่องราวของคนเสื้อแดงจะได้ถูกพูดถึง
จะได้เล่าสู่กันฟังที่นั่น โดยมีนิสิตเป็นคนจัดงาน โดยมีสโมสรนิสิตเป็นคนจัดงาน
และโดยมีนิสิตจุฬาฯ เป็นคนนั่งรับฟัง
ในท่ามกลางความบอบช้ำสูญเสีย
เราได้เก็บเกี่ยวชัยชนะของประชาชนด้วยกันตลอดมา ในท่ามกลางความยากลำบาก
เราก็ยังกัดฟันเดินและยังคงเดินหน้าอยู่ทุกวินาทีตลอดมา พี่น้องครับ
คนเสื้อแดงที่เมื่อสิบกว่าปีก่อน ไม่ใช่เพียงแค่ไม่มีที่ยืนในบ้านเมืองนี้
แต่สิบกว่าปีก่อน คนเสื้อแดงไม่มีแม้แต่ที่นอนตาย ทั้ง ๆ
ที่ถูกฆ่าตายเป็นร้อยใจกลางกรุงเทพมหานคร เมื่อเสร็จสิ้นการล้อมปราบ
มีการจัดกิจกรรมชวนผู้คนมาล้างถนนเฉลิมฉลองร้องรำทำเพลงไชโยโห่ร้องและลบเลือนหยดเลือดคราบน้ำตาและวิถีชีวิตการต่อสู้ของเราไปทั้งหมด
จากวันเวลาที่ไม่มีแม้แต่ที่นอนตาย วันนี้เราเหยียบยืนเต็มฝ่าเท้า ยืดอกเต็มตัว
สูดลมหายใจแห่งชัยชนะเข้าไปให้เต็มปอดเรา เพียงแต่อย่าได้ชะล่าใจพี่น้อง อย่าได้ลำพองว่าชัยชนะนี้จะจีรังยั่งยืนอยู่บนความยอมพ่ายแพ้ของฝ่ายเผด็จการ
หาจริงไม่ พวกเขายังไม่ยอมแพ้
พวกเขายังหาช่องทางที่จะเอาเปรียบกดขี่และเล่นงานฝ่ายประชาธิปไตยตลอดเวลา ดังนั้น
เราจึงยังคงต้องเป็นเพื่อนตายของกันและกัน เราจึงยังเป็นเกราะป้องกันภัยของกันและกันอยู่เสมอ
พี่น้องที่เคารพครับ
ผมไม่นึกเลยว่าตอนคนอื่นพูดรถหวอไม่มา ตอนผมพูดไม่รู้มาส่งสัญญาณอะไร
แต่ขอให้ได้เข้าใจนะว่าเสื้อแดงที่เขามาเนี่ย เขาอาจจะกาบัตรเลือกตั้งคนละใบกัน
แต่เขากาเลือกกันและกันเป็นมิตรแท้ร่วมทางกันมาเกือบ 20
ปีแล้ว พี่น้องที่เคารพครับ และเนื่องในโอกาสที่ 10 ปีเรากลับมายืนที่นี่อีกครั้ง
ผมขออนุญาตร้องเพลงครับ (เพลงกันและกัน) เพลงนี้ผมเขียนขณะอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
เมื่อปี 2553 ครับ และเชิญศิลปินจากการต่อสู้ของคนเสื้อแดง อาเล็ก
โชคร่มพฤกษ์ (ร่วมบรรเลง)
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คปช53 #คนเสื้อแดง #13ปีเมษาพฤษภา53