วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ : ภารกิจในการติดตามทวงถามความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดงยังอยู่ในใจเราทุกคน เป็นภาระหน้าที่บนบ่าของพวกเราทุกคน

 


ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ : ภารกิจในการติดตามทวงถามความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดงยังอยู่ในใจเราทุกคน เป็นภาระหน้าที่บนบ่าของพวกเราทุกคน


พี่น้องที่เคารพครับ ที่จริงมันไม่ได้ยืนตะโกนอยู่ตรงนี้นะครับ ผมนอนอยู่บนเวทีใต้ทางรถไฟนั่นแหละครับ อาบน้ำตรงนั้น กินข้าวตรงนั้น ตัดผมตรงนั้น ใช้ชีวิตตรงนั้น ร่วมชีวิตกับพวกเราที่นั่น เป็นเวลา 10 ปีพอดีนะครับ ที่เราไม่ได้มีกิจกรรมรำลึกการต่อสู้เมื่อปี 2553 กันนะจุดเกิดเหตุแยกราชประสงค์แห่งนี้ แล้วมาวันนี้มันเป็นการประกาศวาระอันดีที่บ้านเมืองเข้าสู่การเลือกตั้ง แล้วกำลังจะมีรัฐบาลของฝ่ายประชาธิปไตย


ที่มานั่งกันอยู่เนี่ย ตอนหาเสียง ตอนลงคะแนน ตอนรู้ผลเลือกตั้ง ทะเลาะกันบ้างหรือเปล่าเนี่ย?


พี่น้องที่เคารพ จะเห็นต่างกันทางการเมืองเรื่องฝ่ายประชาธิปไตยอย่างไร คะแนนในหีบบัตรอาจจะมาแตกต่างกันอย่างไรก็ตาม ขอให้พี่น้องคิดว่าเรื่องนั้นเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว แล้วก็มองไปข้างหน้าว่าในที่สุดชัยชนะก็กลับคืนมาสู่ฝ่ายประชาชนนะครับ และขอให้พี่น้องพึงตระหนักเสมอ ว่าสำหรับเราคนเสื้อแดงที่เคยถูกเขาเหยียบย่ำว่าเป็นพวกควายแดง ชีวิตของพวกเรามันร่วมเป็นร่วมตาย มันเคียงบ่าเคียงไหล่ มันผูกพันกันเสมือนพี่น้องในสายเลือดมายาวนาน หากจะมีอะไรกระทบกระทั่งกันในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา ให้เอาสิบกว่าปีที่เรากอดคอกันมานั่นแหละครับมาเยียวยาหัวใจของทุกคน ถ้าหัวใจของใครที่เคยรักกัน ที่เคยนั่งหลังพิงกันบนถนนเส้นนี้ ที่เคยนอนเคียงเรียงกันบนถนนเส้นนี้ ที่เคยแบ่งข้าวห่อเดียวกันกิน แบ่งหมูปิ้ง แบ่งไก่ย่างชิ้นเดียวกันกิน น้ำใจของเรามันท่วมหัวใจของกันและกันตลอดมา ถ้ามันถึงวันนี้แล้วน้ำในหัวใจใครก็ตามมันแห้งผาดลงสำหรับคนที่เคยเป็นพี่น้องกันให้มาตักน้ำไปจากหัวใจนี้ หัวใจนี้มีน้ำให้คนเสื้อแดงตลอดมา ให้มาเอาน้ำไปจากหัวใจนี้ ไปเติมในหัวใจตัวเอง ไปเติมในหัวใจพี่น้องเราแม้ว่าเราจะเห็นต่างกันในตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมา และถ้าหากจะมีใครสมหวัง หรือผิดหวัง มันเป็นเรื่องปกติธรรมดา ถ้าหากวันนี้จะทำให้เพื่อนเราผู้จากไปได้รับรู้ ได้รับทราบ ว่าเรายังคงมีกันและกันอยู่เสมอ ก็ขอให้หันหน้าเข้าหากันและโอบกอดกันก่อนที่จะแยกย้ายกันเดินทางไปตามเส้นทางของตัวเอง


พี่น้อง มันไม่มีใครเข้าใจหัวอกเราเท่าอกเราเองที่แบกความทุกข์ยากด้วยกันมา มันไม่มีใครเจ็บปวดแทนเราได้เท่ากับคนเสื้อแดงด้วยกันที่เจ็บปวดแทนกันและกันตลอดมา และมันไม่มีใครที่ลืมตัวลืมตาย ยอมตายแทนกัน เอาชีวิตหนึ่งปกป้องอีกชีวิตหนึ่งเพราะใส่เสื้อสีเดียวกัน ตัวเดียวกัน เชื่ออย่างเดียวกันตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องทุกคนนะครับ น้ำใจมาเอาที่นี่ ถ้ามีน้ำตา เอาหัวใจนี้ไปเช็ดน้ำตาให้แล้วยืดอกขึ้นมาแล้วเดินหน้าต่อไป


พี่น้องครับ ผมมาเจอพี่น้องวันนี้ด้วยความรู้สึกยินดีว่าเรายังคงมีกันและยังคงเห็นหน้าสบแววตากันได้เต็มตาอยู่เสมอ ไม่มีใครทำผิดต่อกันระหว่างคนเสื้อแดง ไม่มีใครเป็นคู่ชิงชังกันในหมู่คนเสื้อแดง เพราะเราคือประชาชนผู้รอดตายมาด้วยคนโดยมีเพื่อนเราเขาตายแทน เราจะปกป้องหัวใจของเรา ปกป้องเกียรติยศศักดิ์ศรี ปกป้องความผูกพันในนามคนเสื้อแดงเอาไว้เพื่อบูชาพี่น้องผู้จากไปในการต่อสู้ที่ผ่านมา


พี่น้องครับ แล้วผมก็อยากจะบอกพี่น้องเพียงช่วงสั้น ๆ เนื่องจากว่ามันมีภารกิจที่นัดหมายต้องให้สัมภาษณ์ต้องสื่อสารกับเขา และไอ้คนเสื้อแดงเรานี่เป็นคนซื่อ พูดกับใคร ตกลงกับใคร นัดกับใครไว้เราก็ต้องรับผิดชอบ ดังนั้น ก็อย่าให้เขาว่าได้ ผมเพียงอยากจะเล่าให้พี่น้องฟังว่า ภารกิจในการติดตามทวงถามความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดงยังอยู่ในใจเราทุกคน เป็นภาระหน้าที่บนบ่าของพวกเราทุกคน ผมปรึกษาหารือผู้รู้ทางกฎหมายหลายท่าน พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายหลายคน คิดอ่านกันอยู่หลายหนว่าจะมีแนวทางไหนที่จะหนุนเสริมกับหลายแนวทาง ที่คปช.ทำอยู่ ที่ครูบาอาจารย์ ที่พรรคการเมืองต่าง ๆ เขาเสนออยู่ เพื่อให้มันตรง เพื่อให้มันเร็ว และมันหวังผลได้ทันทีอย่างน้อยก็ในสถานการณ์เฉพาะหน้าก่อนที่มาตรการอื่น ๆ จะตามมาหนุนเนื่องต่อกัน


ดังนั้น จึงได้ข้อสรุปครับ ผมจะประสานงานส.ส. ซึ่งประทานโทษเถอะครับ ผม..มันจำเป็น เพราะว่ามันเป็นข้อเท็จจริง ไม่ได้มีนัยวาระการเมืองอื่น คือผมคุยกับพี่ ๆ น้อง ๆ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเอาไว้ 30 คน จะเข้าชื่อกันและทันทีที่สภาเปิดปฏิบัติงาน จะยื่นร่างแก้ไข พ.ร.บ.ป.ป.ช. ทันที ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ป.ป.ช. ที่ว่ามันมีสาระสำคัญยังไง มันมีเนื้อหาโดยสรุปแบบไหน มันมีสาระสำคัญประการที่ 1 ในกรณีคดีความที่ผู้มีอำนาจทางการเมืองหรือบุคคลในกลไกรัฐ ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด มีการยื่นร้องต่อป.ป.ช. ถ้าป.ป.ช.ไม่รับ ให้ผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายตามกฎหมายนี้คือผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องศาลฏีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองโดยตรงได้เลย


ในกรณีที่ยื่นไปแล้วป.ป.ช.รับเรื่องไว้พิจารณาแล้วยกคำร้อง บอกว่าไม่มีมูล โดยคดีตีตกไปเหมือนกรณีคดีของพี่น้องที่เสียชีวิตซึ่งเจออยู่เวลานี้ เราก็จะแก้เนื้อหาในมาตรา 58 สาระสำคัญความว่า ถ้าป.ป.ช.ยกคำร้องให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด และให้อัยการสูงสุดแจ้งป.ป.ช. ให้นำพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดที่พิจารณาและยกคำร้องไป ส่งมายังอัยการสูงสุดโดยเร็วในเวลาไม่เกิน 30 วัน และให้อัยการสูงสุดพิจารณา หากอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้อง ก็ฟ้อง หากอัยการสูงสุดไม่สั่งฟ้อง ผู้เสียหายมีสิทธิที่จะยื่นฟ้องตรงต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเช่นเดียวกัน แล้วก็ยังมีความอีกว่า หากเป็นกรณีความผิดที่มีผู้เกี่ยวข้องทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทหาร หรืออื่น ๆ ให้ผู้เสียหายสามารถฟ้องได้คราวเดียวในศาลเดียวกัน ยกตัวอย่าง หลายคดีที่เข้าสู่ป.ป.ช. แล้วไปศาลฎีกานักการเมือง มีการฟ้องทั้งคนเป็นรัฐมนตรี ฟ้องทั้งข้าราชการ ฟ้องไปถึงภาคเอกชนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็ทหารเป็นข้าราชการหน่วยหนึ่ง ดังนั้นเมื่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีเนื้อความอย่างนี้ ผู้เสียหายย่อมมีสิทธิในการฟ้องโดยตรงเป็นพวงเดียว เนื้อความโดยสรุปสาระสำคัญเป็นแบบนี้ ท่านที่สนใจรายละเอียดโหลดไปดูได้ที่เพจเฟซบุ๊ก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผมลงเอาไว้ [รายละเอียดตามลิ้งค์ https://www.facebook.com/photo/?fbid=797612755053657&set=pcb.797612821720317]

.

และหมายเหตุไว้ด้วยว่า ในระหว่างรอสภาเปิดปฏิบัติหน้าที่ ถ้ามีผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญท่านใดมีข้อสังเกต มีข้อเสนอแนะ ขอให้แจ้งมา ผมจะรีบไปหา ผมจะรีบไปพบท่าน รับเอาความรู้มาและเอามาปรับปรุงแก้ไขให้รอบคอบ รัดกุม ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นก็จะไปประสานงานกับรัฐบาลชุดใหม่ซึ่งชัดเจนตรงไปตรงมาว่าเมื่อพรรคก้าวไกลได้ที่ 1 พรรคก้าวไกลก็ต้องเป็นแกนนำ แคนดิเดตนายกฯ ก็ต้องมาจากพรรคก้าวไกล ไม่มีเป็นอย่างอื่น ผมก็จะไปประสานขอให้รัฐบาลนำเอาการแก้กฎหมายนี้เข้าไปในวาระ 100 วัน เพื่อดำเนินการทันที และประสานให้คณะรัฐมนตรีเสนอร่างเนื้อหาทิศทางเดียวกันเข้าเป็นร่างประกบด้วย ถ้ากระบวนการดังกล่าวดำเนินการทันทีในกรอบเวลา 100 วัน ก็คาดหวังว่ากฎหมายเสร็จสิ้นประกาศบังคับใช้ภายใน 6 เดือน และภายใน 6 เดือนแรกของรัฐบาลนี้ เราจะเห็นคดีนี้ขึ้นสู่ศาลโดยประชาชนที่เป็นผู้เสียหาย


ส่วนมาตรการอื่น ๆ ก็เป็นวาระของหลายคน หลายท่าน หลายพรรคการเมือง หลายองค์กร ซึ่งก็จะเป็นการหนุนเสริมกันในโอกาสต่อ ๆ ไป ถามว่าทำไมต้องทำเร็ว เพราะผมเห็นว่านี่ไม่เรียกว่าเร็วเลย เพราะประชาชนรอความยุติธรรมมา 13 ปี ต่อเนื่องกันเข้าไปแล้ว และในสายตาผม ผมเห็นว่าสถานการณ์การเมือง ณ ปัจจุบัน มันมีเงาทะมึนของความขัดแย้งปรากฏให้เห็นอยู่ มันมีเค้าลางของวิกฤตวับแววให้เห็นอยู่บ้าง ดังนั้นถ้ากฎหมายนี้แก้เสร็จ บังคับใช้ก่อน อย่างน้อยที่สุดมันจะเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับประชาชนไว้ได้หนึ่งชั้น ใครก็ตามที่มีอำนาจจะสั้งปราบปรามประชาชนไม่ง่ายก็แล้วกัน และผู้เสียหายเขามีสิทธิที่จะฟ้องร้องคดีต่อศาล


พี่น้องครับ เอาการบ้านมาส่ง เพื่อบอกพี่น้องว่าคนเสื้อแดงไม่ต้องเคาะประตูหัวใจถามกันหรอกครับ ว่าจำความทุกข์ยาก จำความสูญเสียของพี่น้องตัวเองได้หรือเปล่า ไม่ต้องเคาะหัวใจถามกัน เพราะในหัวใจเราจำมันไม่เคยลืมไม่เคยเสื่อมคลาย และก็อยากจะบอกพี่น้องนะครับ ว่าวันนี้ผมไปอภิปรายเรื่องการต่อสู้ของคนเสื้อแดงที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยที่เราไม่เคยนึกว่าวันหนึ่งเรื่องราวของคนเสื้อแดงจะได้ถูกพูดถึง จะได้เล่าสู่กันฟังที่นั่น โดยมีนิสิตเป็นคนจัดงาน โดยมีสโมสรนิสิตเป็นคนจัดงาน และโดยมีนิสิตจุฬาฯ เป็นคนนั่งรับฟัง


ในท่ามกลางความบอบช้ำสูญเสีย เราได้เก็บเกี่ยวชัยชนะของประชาชนด้วยกันตลอดมา ในท่ามกลางความยากลำบาก เราก็ยังกัดฟันเดินและยังคงเดินหน้าอยู่ทุกวินาทีตลอดมา พี่น้องครับ คนเสื้อแดงที่เมื่อสิบกว่าปีก่อน ไม่ใช่เพียงแค่ไม่มีที่ยืนในบ้านเมืองนี้ แต่สิบกว่าปีก่อน คนเสื้อแดงไม่มีแม้แต่ที่นอนตาย ทั้ง ๆ ที่ถูกฆ่าตายเป็นร้อยใจกลางกรุงเทพมหานคร เมื่อเสร็จสิ้นการล้อมปราบ มีการจัดกิจกรรมชวนผู้คนมาล้างถนนเฉลิมฉลองร้องรำทำเพลงไชโยโห่ร้องและลบเลือนหยดเลือดคราบน้ำตาและวิถีชีวิตการต่อสู้ของเราไปทั้งหมด จากวันเวลาที่ไม่มีแม้แต่ที่นอนตาย วันนี้เราเหยียบยืนเต็มฝ่าเท้า ยืดอกเต็มตัว สูดลมหายใจแห่งชัยชนะเข้าไปให้เต็มปอดเรา เพียงแต่อย่าได้ชะล่าใจพี่น้อง อย่าได้ลำพองว่าชัยชนะนี้จะจีรังยั่งยืนอยู่บนความยอมพ่ายแพ้ของฝ่ายเผด็จการ หาจริงไม่ พวกเขายังไม่ยอมแพ้ พวกเขายังหาช่องทางที่จะเอาเปรียบกดขี่และเล่นงานฝ่ายประชาธิปไตยตลอดเวลา ดังนั้น เราจึงยังคงต้องเป็นเพื่อนตายของกันและกัน เราจึงยังเป็นเกราะป้องกันภัยของกันและกันอยู่เสมอ


พี่น้องที่เคารพครับ ผมไม่นึกเลยว่าตอนคนอื่นพูดรถหวอไม่มา ตอนผมพูดไม่รู้มาส่งสัญญาณอะไร แต่ขอให้ได้เข้าใจนะว่าเสื้อแดงที่เขามาเนี่ย เขาอาจจะกาบัตรเลือกตั้งคนละใบกัน แต่เขากาเลือกกันและกันเป็นมิตรแท้ร่วมทางกันมาเกือบ 20 ปีแล้ว พี่น้องที่เคารพครับ และเนื่องในโอกาสที่ 10 ปีเรากลับมายืนที่นี่อีกครั้ง ผมขออนุญาตร้องเพลงครับ (เพลงกันและกัน) เพลงนี้ผมเขียนขณะอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อปี 2553 ครับ และเชิญศิลปินจากการต่อสู้ของคนเสื้อแดง อาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ (ร่วมบรรเลง)


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คปช53 #คนเสื้อแดง #13ปีเมษาพฤษภา53