วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

อมรัตน์ปราศรัยใหญ่อำลาบทบาทผู้แทนราษฎร ลั่นขอใช้เวลาต่อจากนี้ทำหน้าที่กรรมการบริหารพรรค ตรวจสอบพิธาให้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน

 


อมรัตน์ปราศรัยใหญ่อำลาบทบาทผู้แทนราษฎร ลั่นขอใช้เวลาต่อจากนี้ทำหน้าที่กรรมการบริหารพรรค ตรวจสอบพิธาให้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน

 

วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ในการปราศรัยใหญ่ของพรรคก้าวไกล อมรัตน์ โชคปมิตรกุล อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล และกรรมการบริหารพรรคได้ขึ้นปราศรัยใหญ่ โดยถือเป็นการปราศรัยใหญ่เพื่ออำลาการทำหน้าที่ ส.ส. หลังจากที่อมรัตน์ตัดสินใจไม่ลง ส.ส. ในสมัยต่อไป

 

อมรัตน์เริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว พรรคอนาคตใหม่คือพรรคที่กล้าฝันถึงความเปลี่ยนแปลง เมื่อ 4 ปี ผ่านไป เราทำให้ความหวังและความฝันจับต้องได้ด้วยผลงาน 4 ปีในสภา 4 ปีแห่งความเติบโตอย่างก้าวกระโดดของพรรคก้าวไกล ไม่ได้เกิดเพราะว่าโชคช่วย แต่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็นที่ยอมรับของพรรคก้าวไกล เกิดจากความทุ่มเททำงานอย่างหนัก ใช้เวลาทุกนาทีในสภายืนอยู่ข้างประชาชน เสนอกฎหมายที่ก้าวหน้า และออกมายืนเคียงข้าง ประชาชนและเยาวชนบนท้องถนนที่พวกเขามาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย

 

นับตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหารในปี 2549 และปี 2557 นับถึงวันนี้ 17 ปีแล้ว ไม่มีเวลาไหนใน 17 ปี ที่จะเข้าใกล้ชัยชนะเท่ากับครั้งนี้ ใน 60 ชั่วโมงข้างหน้า การต่อสู้ของนักต่อสู้รุ่นที่ผ่านมา ตกทอดมรดกการต่อสู้ทั้งหมดไม่ได้สูญหายไป แต่ทั้งหมดขบวนการต่อสู้ที่ผ่านมาคือการสะสมชัยชนะ เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นเราทำให้สำเร็จในรุ่นของเรา” อมรัตน์กล่าว

 

อมรัตน์กล่าวอีกว่า ตนรู้สึกตื่นเต้นและเป็นเกียรติยศที่ได้มีโอกาสเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล ตนในให้คำมั่นสัญญากับทุกคนในที่นี้ ว่านอกจากจะใช้เวลาทุกวันในการทำงานทางความคิด บทบาทอีกอย่างหนึ่งคือการเป็นตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล อมรัตน์สัญญาว่าจะใช้บทบาทของกรรมการบริหารพรรค ทำหน้าที่ตรวจสอบพิธา ชัยธวัช และพรรคก้าวไกลให้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน

 

อมรัตน์กล่าวว่า ตนในฐานะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ที่จะกำหนดทิศทางนโยบายของพรรคก้าวไกลได้ สัญญาว่าจะตรวจสอบ กำกับดูแลให้พรรคก้าวไกลร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ไม่ให้เขาทรยศหักหลังประชาชนที่ให้ความไว้วางใจเลือกรัฐบาลก้าวไกล จะกำกับดูแลให้ปฏิรูปกองทัพ ให้ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ให้เขาทำตามนโยบาย 300 นโยบายให้ลงนามในสัตยาบรรณ ICC ทันที และทำตามกรอบระยะเวลา คือการทำใน 100 วันแรกหลังรัฐบาลก้าวไกลมีอำนาจ

 

พี่น้องคะ ดิฉันสัญญาว่าจะเปล่งเสียงแทนทุกท่าน ว่าจะเรียกร้องและตรวจสอบตัวเอง ตรวจสอบพรรคก้าวไกลด้วยกันเอง ดิฉันสัญญาว่าจะไม่ทรยศหักหลัง และจะไม่ให้พี่น้องต้องประสบเหตุแบบเดิม ๆ พายเรือมาส่งพวกเราถึงหน้าทำเนียบ แล้วพอขึ้นฟังก็ถีบหัวเรือส่ง บอกว่าส่งเราถึงฝั่งแล้ว หมดหน้าที่ กากระบาดในคูหาเลือกตั้ง 4 วินาทีแล้ว พวกท่านหมดหน้าที่ ท่านส่งเราถึงฝั่งแล้ว เดี๋ยวเราจะเดินต่อไปเอง”

 

นอกจากนี้ อมรัตน์ยังกล่าวอีกด้วยว่าจะเตือนพวกเขา ไม่ให้ประสบกับความเจ็บปวด เสียใจ แบบที่เคยเป็นมา โดยยึดหลัก ‘แก้แค้น ไม่ใช่แก้ไข’ การแก้แค้นไม่ใช่ไปหยิบอาวุธ ก่อม๊อบทำความวุ่นวายให้บ้านเมือง เราจะแก้แค้นด้วยการออกกฎหมาย แก้กฎหมายความมั่นคงที่ป้องกันการรัฐประหารทั้งหมด

 

คำสัญญาของดิฉันในวันนี้ ดิฉันขอแสดงยินดีกับทุกท่านที่อยู่ในที่นี้ ทุกท่านที่อยู่้ข้างนอก รวมถึงแสดงความยินดีกับตัวเองด้วย ว่าภายในอีกไม่ถึง 60 ชั่วโมงข้างหน้านี้เราจะมีชัยชนะที่เด็ดขาดสำคัญของประชาชน คำตอบสุดท้ายของพวกเรา คือ ‘กาก้าวไกลทั้งแผ่นดิน’ ไม่ใช่เพื่อเพียงส่งพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่การชนะครั้งนี้คือการชนะครั้งสำคัญ ไม่ใช่ชัยชนะของพรรคก้าวไกล แต่คือชัยชนะของประชาชน ผู้ทรงอำนาจสูงสุดตัวจริง” อมรัตน์กล่าวทิ้งท้าย

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66