วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ธิดา ถาวรเศรษฐ : รำลึก 22 พฤษภาคม 2557 #9ปีรัฐประหาร

 


ธิดา ถาวรเศรษฐ : รำลึก 22 พฤษภาคม 2557


การชุมนุมที่อักษะของนปช.และคนเสื้อแดง จุดประสงค์เพื่อต่อต้านรัฐประหาร ไม่ใช่ต้องการสู้รบกับกปปส. ที่ชุมนุมยืดเยื้อมาหลายเดือน หวังจะปฏิวัติประชาชน เพราะเรามาอยู่ไกลคนละฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สถานที่อยู่พุทธมณฑลเสียด้วย เพราะพื้นที่รองรับคนจำนวนมากได้ แม้จะเดินทางยากลำบาก ประชาชนในกรุงเทพฯและปริมณฑลก็ต้องรวมตัวกันมา หรือมิฉะนั้นก็ต้องมาต่อรถรับส่งวิ่งบริเวณนั้น


ในวันที่ 22 พฤษภาคม คนตอนเช้าอาจจะน้อยบ้างเป็นปกติ แต่พอบ่าย ๆ เย็น ๆ ก็จะมีคนเดินทางมาเต็มพื้นที่เช่นเคย วันนั้นเท่าที่ทราบ มวลชนกำลังมาถึงบริเวณวัดในพุทธมณฑล กำลังจะเข้าพื้นที่ชุมนุม ก็เกิดการเข้ายึดพื้นที่ เมื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศยึดอำนาจ เวลาเดียวกันกับวันนี้ที่จะนัดประกาศ MOU ของพรรคร่วมรัฐบาลใหม่


นี่เป็นเวลาที่จะเตือนสติว่า ครั้งสุดท้ายที่ประชาชนถูกยึดอำนาจคือ 22 พฤษภาคม 2557 และวันนี้ที่ประชาชนประกาศเอาคืนอำนาจด้วยการเลือกตั้ง เมื่อเวลาผ่านมาครบ 9 ปีพอดี นี่ยังไม่รู้ว่า ว่าที่รัฐบาลใหม่จะเผชิญปัญหาอะไรบ้าง หวังว่าคงเตรียมกันดีพอควรแล้วนะ


ดิฉันขอเล่ารำลึกความหลังพอท้วม ๆ คือ วันนั้นเป็นวันที่สองของการประชุมร่วมกัน ระหว่าง ผบ.เหล่าทัพ, ส.ว., กกต., พรรคประชาธิปัตย์, กปปส., พรรคเพื่อไทย และนปช. ต่างฝ่ายต่างมีตัวแทนไป โดยก่อนหน้านี้มีประกาศกฎอัยการศึกไว้แล้ว ดิฉันยังถามคนในรัฐบาลที่เป็นแกนนำว่า รัฐบาลรู้เรื่องไหมเรื่องประกาศกฎอัยการศึก เพราะในทัศนะดิฉันมันคือการทำรัฐประหารครึ่งตัวแล้ว ผลที่เกิดขึ้นหลังเจรจา 2 วัน ซึ่งเป็นการแสดงละคร เพราะเขาเตรียมไว้หมดแล้ว เหมือนหมาป่ากับลูกแกะ ไม่ว่าผู้แทนรัฐบาลจะพยายามอ่อนข้อสละสถานะอำนาจอย่างถึงที่สุดแล้ว แต่ลาออกไม่ได้ เพราะผิดรัฐธรรมนูญ แล้วต่อให้ประกาศลาออก เขาก็ยึดอำนาจอยู่ดี 


ได้เวลาทหารก็กรูเข้ามาจับตัวไปทีละคน เริ่มต้นที่คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อถึงคิวดิฉันที่ไปร่วมประชุมในฐานะตัวแทนนปช. ที่มี คุณจตุพร, คุณณัฐวุฒิ, คุณวีระกานต์, คุณก่อแก้ว ดิฉันถูกจับไปคู่กับคุณก่อแก้ว ใส่ถุงคลุมหัวแล้วมัดมือ ดิฉันก็ถามทหารว่า เฮ้ย! ผู้หญิงแก่ ๆ ต้องถึงขนาดนี้เหรอ? อีกพักก็ใส่ถุงคลุมหัวอีกชั้น นั่งรถไปพักหนึ่งก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ แล้วไปปล่อยที่บ้านพัก 1 หลัง เราไม่ได้เตรียมอะไรเลย ยาก็ไม่มีติดตัว เสื้อผ้าเปลี่ยนก็ไม่มี ไม่มีอะไรทั้งนั้น พอเย็นก็มีทหารบางคนแอบเอาข้าวมันไก่มาให้ 1 ห่อ พอจะนอนที่ชั้นล่าง เขาก็สมเพชกระมัง รึกลัวอนาจาร ก็ให้อยู่ชั้นบน ไม่ให้ลงมา ห้องน้ำก็มีแมลงตัวกลม ๆ เต็มพรืดทั้งห้อง ขอหนังสืออ่านก็ไม่มี มีแต่หนังสือเกี่ยวกับพระป่าธรรมยุติของอาจารย์เสาร์ เออ..ก็พอได้ ดีเชียวล่ะ แต่มันมีเล่มเดียว ขออะไรก็ไม่ได้ สุดท้ายมีทหารไปซื้อเครื่องชั้นในมาให้ ถามเขาว่าซื้อได้ไง เขาบอกก็กะ ๆ เอา ก็แก้ขัดไปได้


ส่วนที่บ้าน ทราบภายหลังว่าทหารบุกเข้าไปยึดวงจรปิด เอกสาร คอมพิวเตอร์ แต่พอรุ่งเช้าก็เอามาคืน ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร หมอหวายก็ดิ้นรนจะเอายาและเสื้อผ้าไปให้แม่กับพ่อ เพราะพ่อก็ถูกจับไปขังที่คุกทหาร ส่วนณัฐวุฒิดูจะถูกขังพิเศษในห้องท่อน้ำ


สรุปว่าเราไม่รู้อะไรเลย 1 สัปดาห์ จึงมีรถมารับกลับกรุงเทพฯ เรารู้ว่าเขาจับคนไปเยอะมาก ก็บอกเขาว่าเขาต้องรีบคืนอำนาจโดยเขียนโรดแมปให้ชัดเจนว่าจะสิ้นสุดการยึดอำนาจเมื่อไร (เราหวังเอาว่ามันคงผิดคำพูด) แต่ไม่นึกว่ากล้าหลอกลวง ไม่ทำตามสัญญาถึง 9 ปี นี่ก็ยังไม่รู้ว่าจะปล่อยมือไหม? หลังมีผลการเลือกตั้งชัดเจนว่าประชาชนไม่เอารัฐบาลที่มาจากการสืบทอดอำนาจรัฐประหารอีกต่อไป ด้วยคะแนนนิยมพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย รวมเสียง 2 พรรค ถือว่าถล่มทลาย รวม ๆ แล้วกับพรรคฝ่ายค้านอื่นและฝ่ายที่ไม่เอาคณะรัฐบาลเดิม ร่วม ๆ 27 ล้านเสียง ถามว่า ส.ว.ยังกล้าดื้อด้านไม่ยอมรับเสียงประชาชนเช่นนั้นหรือ?


รึว่ายังสนใจการทำรัฐประหารรอบใหม่อีก!


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #9ปีรัฐประหาร #รปห22พฤษภา57