วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ชัยธวัช ลั่นพรรคก้าวไกลคือคำตอบของยุคสมัย อย่าให้การเลือกตั้ง 14 พ.ค. นี้เป็นสงครามครั้งสุดท้ายของใคร แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

 


ชัยธวัช ลั่นพรรคก้าวไกลคือคำตอบของยุคสมัย อย่าให้การเลือกตั้ง 14 พ.ค. นี้เป็นสงครามครั้งสุดท้ายของใคร แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

 

วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง ชัยธวัช ตุลาธน กล่าวในการปราศรัยใหญ่ของพรรคก้าวไกล “คำตอบสุดท้าย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” ว่า พรรคก้าวไกลคือคำตอบของยุคสมัยที่โจทย์การเมืองสำคัญ คือคำถามที่ว่าอำนาจสูงสุดในประเทศนี้เป็นของใคร พรรคก้าวไกลคือพลังทางการเมืองที่จะทำให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน การเมืองแบบเดิมสนใจเฉพาะการเอาชนะเลือกตั้ง แต่ไม่เคยเอาชนะความคิดในสังคม ย้ำ เรากำลังอยู่ในช่วงรอยต่อของยุคสมัย อย่าทำให้การเลือกตั้ง 14 พ.ค. นี้เป็นเพียงสงครามครั้งสุดท้ายของใคร แต่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคสมัยใหม่

 

ชัยธวัชเริ่มต้นด้วยการกล่าวว่าแต่ละยุคสมัย โจทย์ของการเมืองไทยแตกต่างกันออกไป เมื่อ 30 ปีก่อน การเมืองไทยเป็นแบบรัฐราชการที่นายกรัฐมนตรีเป็นแค่ปลัดประเทศ สังคมจึงต้องการนายกฯ ที่เข้มแข็ง ต่อมาการปฏิรูปการเมืองธงเขียว การเลือกตั้งครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญ 40 ทำให้เกิดพรรคการเมืองน้องใหม่ที่ชนะได้ด้วยการขายนโยบาย รัฐบาลเข้มแข็งจนสามารถส่งมอบนโยบายได้ จนประชาชนให้ความนิยมสูง อำนาจการเมืองจึงย้ายมารวมศูนย์ที่อำนาจจากการเลือกตั้ง แต่สุดท้ายเครือข่ายอำนาจเก่าที่ไม่ต้องการให้อำนาจจากการเลือกตั้งกลายเป็นอำนาจสูงสุด จึงก่อรัฐประหารถึง 2 ครั้ง

 

ดังนั้น โจทย์การเมืองใหม่ที่เป็นปัญหาใจกลางของยุคสมัยนี้ คือ อำนาจสูงสุดของประเทศนี้เป็นของใคร แล้วอำนาจทางการเมืองของประเทศนี้ รวมศูนย์อยู่ที่ไหน จะอยู่ที่สภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลจากการเลือกตั้ง หรืออยู่ที่อำนาจกองทัพ องค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ และเครือข่ายทุนใหญ่ที่แนบแน่นกับอำนาจตามจารีตประเพณี

 

แน่นอนครับ เรายังต้องการการเมืองที่แข่งขันกันเชิงนโยบายเพื่อตอบโจทย์ความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชน แต่การแข่งขันนโยบายเพื่อการกินดีอยู่ดีจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าเราไม่แก้โจทย์ของยุคสมัยใหม่ไปด้วย” ชัยธวัชกล่าว

 

ชัยธวัชกล่าวว่าพรรคก้าวไกลเกิดขึ้น เพราะต้องการสร้างพรรคการเมืองของประชาชน เพื่อผลักดันโครงการเปลี่ยนประเทศไทยผ่านระบบรัฐสภา ทำให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนอำนาจสูงสุดของประชาชน เพราะการเมืองเดิมสนใจแต่เรื่องการเอาชนะเลือกตั้ง จึงไม่มีโครงการเปลี่ยนประเทศไทยเพื่อสร้างประชาธิปไตย จึงไม่มีการปฏิรูปกองทัพ คิดแต่จะเอาใจนายพล หวังว่านายพลจะใจดีด้วย การเมืองเดิม สนใจแต่จำนวน ส.ส. ในสภา เอาชนะเลือกตั้งถล่มทลายได้ แต่ไม่เคยเอาชนะความคิดในสังคม รัฐบาลที่แม้จะชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย จึงไม่สามารถปกป้องอำนาจของประชาชนได้ ไม่สามารถผลักการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมือง โครงสร้างเศรษฐกิจ และโครงสร้างสังคมได้

 

ก้าวไกลจึงเป็นคำตอบแห่งยุคสมัย ทำงานการเมือง เพื่อเอาชนะทางความคิด และทำงานทางความคิด เพื่อเอาชนะทางการเมืองในที่สุด ก้าวไกลจึงไม่ใช่แค่พรรคการเมือง แต่ก้าวไกลคือสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง คือพลังใหม่ที่กำลังจะมาแทนที่พลังเก่า คือโครงการเปลี่ยนประเทศไทย” ชัยธวัชกล่าว

 

สุดท้าย ชัยธวัชกล่าวว่า 5-10 ปีข้างหน้า จะเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุด เพราะเรากำลังอยู่ในช่วงรอยต่อแห่งยุคสมัย แต่สังคมไทยยุคใหม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับว่า พลังกลุ่มไหนจะขึ้นมามีพลังเหนือกลุ่มอื่นๆ ถ้าพลังที่ต้องการแช่แข็งประเทศไทยชนะ หน้าตาของสังคมไทยในอนาคตจะเป็นแบบหนึ่ง แต่ถ้าพลังที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยชนะ หน้าตาของสังคมไทยในอนาคตก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง

 

“14 พฤษภาคมนี้ จะเป็นวันชี้ชะตาอนาคตของประเทศไทย พวกเราต้องช่วยกัน อย่าทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นสงครามครั้งสุดท้ายของใคร แต่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคสมัยใหม่ ด้วยการกาก้าวไกลทั้งสองใบให้ถล่มทลาย ไม่ต้องกลัวว่าคะแนนจะตกน้ำ เพราะทุกคะแนนที่กาให้ก้าวไกล จะยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลง แค่ลงคะแนนให้ก้าวไกลถล่มทลาย สังคมไทยก็เปลี่ยนไปแล้วทันที” ชัยธวัชกล่าวทิ้งท้าย

 

#UDDnews  #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66