ชัยธวัช
ลั่นพรรคก้าวไกลคือคำตอบของยุคสมัย อย่าให้การเลือกตั้ง 14 พ.ค.
นี้เป็นสงครามครั้งสุดท้ายของใคร แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
วันที่
12 พฤษภาคม 2566 อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง ชัยธวัช ตุลาธน
กล่าวในการปราศรัยใหญ่ของพรรคก้าวไกล “คำตอบสุดท้าย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” ว่า
พรรคก้าวไกลคือคำตอบของยุคสมัยที่โจทย์การเมืองสำคัญ
คือคำถามที่ว่าอำนาจสูงสุดในประเทศนี้เป็นของใคร
พรรคก้าวไกลคือพลังทางการเมืองที่จะทำให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน การเมืองแบบเดิมสนใจเฉพาะการเอาชนะเลือกตั้ง
แต่ไม่เคยเอาชนะความคิดในสังคม ย้ำ เรากำลังอยู่ในช่วงรอยต่อของยุคสมัย
อย่าทำให้การเลือกตั้ง 14 พ.ค.
นี้เป็นเพียงสงครามครั้งสุดท้ายของใคร
แต่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคสมัยใหม่
ชัยธวัชเริ่มต้นด้วยการกล่าวว่าแต่ละยุคสมัย
โจทย์ของการเมืองไทยแตกต่างกันออกไป เมื่อ 30 ปีก่อน การเมืองไทยเป็นแบบรัฐราชการที่นายกรัฐมนตรีเป็นแค่ปลัดประเทศ
สังคมจึงต้องการนายกฯ ที่เข้มแข็ง ต่อมาการปฏิรูปการเมืองธงเขียว
การเลือกตั้งครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญ 40 ทำให้เกิดพรรคการเมืองน้องใหม่ที่ชนะได้ด้วยการขายนโยบาย
รัฐบาลเข้มแข็งจนสามารถส่งมอบนโยบายได้ จนประชาชนให้ความนิยมสูง
อำนาจการเมืองจึงย้ายมารวมศูนย์ที่อำนาจจากการเลือกตั้ง
แต่สุดท้ายเครือข่ายอำนาจเก่าที่ไม่ต้องการให้อำนาจจากการเลือกตั้งกลายเป็นอำนาจสูงสุด
จึงก่อรัฐประหารถึง 2 ครั้ง
ดังนั้น
โจทย์การเมืองใหม่ที่เป็นปัญหาใจกลางของยุคสมัยนี้ คือ อำนาจสูงสุดของประเทศนี้เป็นของใคร
แล้วอำนาจทางการเมืองของประเทศนี้ รวมศูนย์อยู่ที่ไหน
จะอยู่ที่สภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลจากการเลือกตั้ง หรืออยู่ที่อำนาจกองทัพ
องค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ และเครือข่ายทุนใหญ่ที่แนบแน่นกับอำนาจตามจารีตประเพณี
“แน่นอนครับ เรายังต้องการการเมืองที่แข่งขันกันเชิงนโยบายเพื่อตอบโจทย์ความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชน
แต่การแข่งขันนโยบายเพื่อการกินดีอยู่ดีจะเกิดขึ้นไม่ได้
ถ้าเราไม่แก้โจทย์ของยุคสมัยใหม่ไปด้วย” ชัยธวัชกล่าว
ชัยธวัชกล่าวว่าพรรคก้าวไกลเกิดขึ้น
เพราะต้องการสร้างพรรคการเมืองของประชาชน เพื่อผลักดันโครงการเปลี่ยนประเทศไทยผ่านระบบรัฐสภา
ทำให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนอำนาจสูงสุดของประชาชน
เพราะการเมืองเดิมสนใจแต่เรื่องการเอาชนะเลือกตั้ง
จึงไม่มีโครงการเปลี่ยนประเทศไทยเพื่อสร้างประชาธิปไตย จึงไม่มีการปฏิรูปกองทัพ
คิดแต่จะเอาใจนายพล หวังว่านายพลจะใจดีด้วย การเมืองเดิม สนใจแต่จำนวน ส.ส. ในสภา
เอาชนะเลือกตั้งถล่มทลายได้ แต่ไม่เคยเอาชนะความคิดในสังคม
รัฐบาลที่แม้จะชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย จึงไม่สามารถปกป้องอำนาจของประชาชนได้
ไม่สามารถผลักการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมือง โครงสร้างเศรษฐกิจ และโครงสร้างสังคมได้
“ก้าวไกลจึงเป็นคำตอบแห่งยุคสมัย ทำงานการเมือง เพื่อเอาชนะทางความคิด
และทำงานทางความคิด เพื่อเอาชนะทางการเมืองในที่สุด
ก้าวไกลจึงไม่ใช่แค่พรรคการเมือง แต่ก้าวไกลคือสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง
คือพลังใหม่ที่กำลังจะมาแทนที่พลังเก่า คือโครงการเปลี่ยนประเทศไทย” ชัยธวัชกล่าว
สุดท้าย
ชัยธวัชกล่าวว่า 5-10
ปีข้างหน้า จะเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุด
เพราะเรากำลังอยู่ในช่วงรอยต่อแห่งยุคสมัย
แต่สังคมไทยยุคใหม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับว่า
พลังกลุ่มไหนจะขึ้นมามีพลังเหนือกลุ่มอื่นๆ ถ้าพลังที่ต้องการแช่แข็งประเทศไทยชนะ
หน้าตาของสังคมไทยในอนาคตจะเป็นแบบหนึ่ง
แต่ถ้าพลังที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยชนะ
หน้าตาของสังคมไทยในอนาคตก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง
“14
พฤษภาคมนี้ จะเป็นวันชี้ชะตาอนาคตของประเทศไทย พวกเราต้องช่วยกัน
อย่าทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นสงครามครั้งสุดท้ายของใคร
แต่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคสมัยใหม่
ด้วยการกาก้าวไกลทั้งสองใบให้ถล่มทลาย ไม่ต้องกลัวว่าคะแนนจะตกน้ำ
เพราะทุกคะแนนที่กาให้ก้าวไกล จะยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลง
แค่ลงคะแนนให้ก้าวไกลถล่มทลาย สังคมไทยก็เปลี่ยนไปแล้วทันที” ชัยธวัชกล่าวทิ้งท้าย
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66