“8
พรรคร่วม” ประสานเสียงพร้อมดัน “พิธา” นั่งนายกฯ “ชลน่าน” บอกย้ำแล้วเป็นรอบที่หลายร้อย
ชี้จุดยืน ม.112 หาจุดร่วมได้ ด้าน “สุดารัตน์” จวกหากจะมาแบ่งเก้าอี้หากิน
ก็ไม่ต้องมาเป็นรัฐบาล
วันที่
18 พฤษภาคม 2566 ที่โรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ มีการจัดแถลงจัดตั้งรัฐบาลของประชาชน
จาก 8 พรรคร่วมรัฐบาล สำหรับ 8 พรรคที่เข้าร่วมแถลงในวันนี้ พรรคก้าวไกล
พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม
พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคเพื่อไทรวมพลัง
สำหรับแกนนำพรรคต่างๆ
ที่เดินทางร่วมแถลงข่าว อาทิ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ศิริกัญญา
ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นพ.ชลน่าน
ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย สุริยะ
จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคเพื่อไทย วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย น.ว.ต.ศิธา ธีวารี สุพันธุ์ มงคลสุธี 2 แคนดิเดตนายกฯ
พรรคไทยสร้างไทย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ปิติพงษ์
เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม กัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม เป็นต้น
ขณะที่พิธา
ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ มายังโรงแรมดิ โอกุระ
เพรสทีจ พร้อมกับกล่าวว่า วันนี้รถติด จึงใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์ในการมาแถลงข่าวในวันนี้
“ชลน่าน”
ย้ำครั้งที่ร้อย พร้อมดัน “พิธา” นายกฯ
นพ.ชลน่าน
กล่าวยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนพรรคก้าวไกล เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
รวมถึงสนับสนุนให้หัวหน้าพรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่
30 ของประเทศไทย และร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลแห่งความหวัง ความฝันให้ประชาชน
ก่อนระบุว่าจะให้ตนพูดอีกกี่ร้อยครั้งก็จะยืนยันแบบนี้
นพ.ชลน่าน
บอกถึงแนวทางการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ว่าทุกเรื่องจะนำมาประกอบทั้งหมด
อีกทั้งเงื่อนไขหลักยกเป็นหน้าที่ให้พรรคก้าวไกลเป็นผู้เสนอ
ส่วนจุดใดร่วมกันได้ไม่ได้ หรือจุดใดต้องแก้ไข คงจะต้องมีการหารือกันก่อน
ส่วนประเด็นมาตรา 112
ที่หลายคนมองจะเป็นเงื่อนไขสำคัญในการร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล นพ.ชลน่าน บอกว่า
เป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่คงจะมีการพูดคุยกัน แต่หากมีการลงนามข้อสรุปกันแล้ว
ถือว่าทุกคนทุกพรรคเห็นทางออกร่วมกันได้
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ยังยืนยันจะทำภารกิจให้สำเร็จคือการผลักดันคะแนนเสียงในรัฐสภาให้ถึง 376 เสียง
ไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง เราต้องช่วยกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
และนายกรัฐมนตรีของประชาชน
“สุดารัตน์”
บอกถ้าจะแบ่งเก้าอี้ ไม่ต้องมาเป็นรัฐบาล
คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยัน ว่า พรรคไทยสร้างไทย ได้พูดเป็นสัญญาประชาคม ว่า สนับสนุนให้ทุกฝ่ายเดินตามครรลองประชาธิปไตย เมื่อพรรคก้าวไกล ได้ฉันทามติจากประชาชน พรรคไทยสร้างไทย ยังย้ำว่า ยืนยันตั้งแต่วันแรก ว่าจะยกมือสนับสนุนให้ “พิธา” เป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนข้อตกลงเรื่องนโยบาย
ยังไม่ได้เริ่มนับหนึ่ง หลังจากนี้จะตั้งคณะทำงานราวมกัน โดยขอยืนยันว่า
การทำนโยบายจะทำเพื่อประชาชนซึ่งเป็นเรื่องสำคัญกว่าการแบ่งกระทรวง
"ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่มองว่า
หากเป็นรัฐบาล เพื่อแบ่งกระทรวงในการทำมาหากิน ดิฉันก็ไม่จะเป็นต้องมาเป็นรัฐบาล
แต่มุ่งหมายทำเพื่อประชาชน ต้องการให้ประเทศไทยไปยืนอยู่บนแผนที่โลกให้ได้"
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
สำหรับจุดยืน
มาตรา112 นั้น พรรคไทยสร้างไทยชัดเจน ว่า ต้องรักษาชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ ดังนั้น
การจะทำอะไรให้สถาบันเสื่อมเสียนั้น ต้องปกป้อง ส่วนการที่มีผู้มีอำนาจ มาใช้
มาตรา 112 กลั่นแกล้ง ทำลายบุคคล ต้องนำมาพิจารณา
เพื่อปกป้องสถาบันไม่ให้ใครนำไปเป็นอำนาจทำร้ายคนอื่น ส่วนการจะลงรายละเอียด
ของจุดยืนแต่ละพรรคต้องคุยกัน ไม่ใช่เพียง มาตรา 122 แต่เป็นทุกนโยบาย
3
พรรคเล็กผนึกกำลังหนุนตั้งรัฐบาล
ขณะที่หัวหน้าพรรคร่วมอื่นๆ
เช่น พรรคเป็นธรรม พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคเพื่อไทรวมพลัง
ประกาศพร้อมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
และเชื่อมั่นว่าพรรคก้าวไกลจะสามารถผ่านวิกฤตได้สำเร็จ ยืนยันในอุดมการณ์ประชาธิปไตย
และหวังว่าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ ส.ว.
จะเคารพฉันทามติของประชาชน