ตร.นำ
“ตะวัน-แบมและพวก” รวม 9 คน ขอศาลฝากขัง ด้านทนายยื่นขอศาลไต่สวนคัดค้านการฝากขัง
เนื่องจากเห็นว่าเป็นการจับกุมโดยไม่เป็นธรรมและใช้กำลังกับเยาวชน
วันที่
11 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก สน.ทุ่งสองห้อง ว่า ทางพนักงานสอบ สน.ทุ่งสองห้อง
ได้นำตัว นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และนางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม
มายังศาลอาญา เพื่อขออำนาจศาลฝากขัง โดยตำรวจได้คุมตัวทั้ง 2 คนลงมาจาก
สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา โดยตะวันถูกคุมตัวลงมาเป็นคนแรก
พร้อมกับตะโกนบอกสื่อมวลชนที่อยู่บริเวณด้านหน้าสถานีตำรวจ
ให้ติดตามเรื่องเยาวชนอายุ 15 ปีที่ขณะนี้ยังถูกคุมขังอยู่ที่บ้านปราณีมาแล้ว 45
วัน ซึ่งอีก 5 วันก็จะมีการเปิดภาคเรียน อาจส่งผลกระทบต่อการศึกษาได้
ขณะที่แบมถูกคุมตัวตามลงมา โดยได้ชูมือสามนิ้วขึ้นเหนือศีรษะ ระหว่างที่รถควบคุมตัวผู้ต้องขังเคลื่อนออกจาก
สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อถึงบริเวณที่สื่อมวลชนเฝ้าสังเกตการณ์อยู่
แบมและตะวันได้พยายามตะโกนบอกกับสื่อมวลชน มีใจความว่า ขอให้มีการปฏิรูปตำรวจ
และขอฝากเรื่องการดำเนินการทางคดีกับเยาวชนอายุ 15 ปี
สืบเนื่องจากกรณีที่
“ตะวัน-แบมและเพื่อน” ไปก่อเหตุความวุ่นวายที่ สน.สำราญราษฎร์ จนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ
และมีการทำลายทรัพย์สินของราชการหลายอย่าง โดยเมื่อรถควบคุมตัวผู้ต้องขังมาถึงยังศาล
นางสาวตะวันได้ชูมือ แต่ไม่ได้พูดอะไรกับสื่อมวลชน
เบื้องต้นข้อหาที่ตำรวจแจ้ง
4 ข้อหา ผู้ต้องหาทั้ง 9 คน คือ 1.ร่วมกันตั้งแต่ 2
คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ /2.ทำลายทรัพย์สินราชการ/
3.ทำให้เสียทรัพย์ / 4.ร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป กระทำผิดโดยเป็นตัวการ
จากการสัมภาษณ์
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ผ่านทางโทรศัพท์เปิดเผยว่า
ทีมทนายเตรียมยื่นขอให้ศาลไต่สวนคัดค้านการฝากขังของพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์
เนื่องจากเห็นว่าเป็นการจับกุมโดยไม่เป็นธรรมและมีการใช้กำลังกับเยาวชน
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้น กลุ่มผู้ก่อเหตุ ต้องการมาพบ ผกก.สน.สำราญราษฎร์
เพื่อสอบถามกรณีที่แอบเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหา ตามพ.ร.บ. โบราณสถาณ เพิ่มกับเยาวชนอายุ
15 ปี ภายในบ้านปราณี
โดยไม่มีการแจ้งผู้ปกครองและทนายความให้รับทราบตามสิทธิของผู้ถูกแจ้ง ซึ่งเมื่อกลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามไปถามตำรวจที่เข้าไปแจ้งข้อหา
แต่กลับไม่ได้รับคำตอบ จึงไปสอบถามกับ ผกก. สน.สำราญราษฎร์ ซึ่ง
ผกก.ที่อยู่ภายในโรงพักบอกว่าจะออกมาชี้แจง แต่ก็ไม่มา จึงทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามจะเข้าไป
แต่ก็ถูกตำรวจคฝ.ปิดกั้น และนำไปสู่เหตุการณ์ชุลมุนเมื่อวานนี้
"โดยส่วนตัวมองว่า การที่ตำรวจมากีดกั้น มันไม่ถูกต้องและผิดกฎตำรวจ
เพราะเป็นสิทธิที่ ประชาชนสามารถทำได้ในการเข้าไปพบผู้กำกับ หรือหากผู้กำกับไม่อยู่ก็สามารถพบรองผู้กำกับแทน
และมองว่าการที่ตำรวจใช้ความรุนแรงกับกลุ่มเยาวชนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ ส่วนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุทำลายทรัพย์สินของ
สน. หรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ ก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย" ทนายกฤษฎางค์ กล่าว
ล่าสุด! ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
ได้รายงานเมื่อเวลา 16.00 น. ว่า ขณะนี้
ทนายยังไม่สามารถเข้าไต่สวนคัดค้านฝากขังผู้ถูกจับทั้ง 9 รายได้ แม้ ตร.
จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาถึงศาลอาญาตั้งแต่ช่วงประมาณ 14.00 น. แล้ว
หากภายในวันนี้
ศาลไม่มีคำสั่งให้ไต่สวนตามคำร้องของทนาย
และหากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้องของ พนง.สอบสวน สน.สำราญราษฎร์
ทนายจะทำการยื่นคำร้องขอประกันตัวต่อไป