วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2566

เพื่อไทยลุยปราศรัย 2 จังหวัดภาคเหนือ น่าน-ลำปาง มุ่งแลนด์สไลด์ ก่อนปักหมุดปราศรัยใหญ่ในกรุงเทพฯ 12 พฤษภาคม 'ณัฐวุฒิ’ มั่นใจจะได้เห็น 3 แคนดิเดตนายกฯ ขึ้นเวทีพร้อมกันอีกครั้ง

 


เพื่อไทยลุยปราศรัย 2 จังหวัดภาคเหนือ น่าน-ลำปาง มุ่งแลนด์สไลด์  ก่อนปักหมุดปราศรัยใหญ่ในกรุงเทพฯ 12 พฤษภาคม 'ณัฐวุฒิ’ มั่นใจจะได้เห็น 3 แคนดิเดตนายกฯ ขึ้นเวทีพร้อมกันอีกครั้ง


วันที่ 7 เมษายน 2566 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แถลงข่าวการลงพื้นที่ปราศรัยในจังหวัดน่านและลำปาง ระหว่างวันที่ 8-9 เมษายน 2566 โดยกล่าวว่า จังหวัดน่านและลำปางจะเป็นครั้งแรกที่ทีมเพื่อไทยชุดใหญ่ไปปราศรัยในภูมิภาคหลังมีการจับฉลากหมายเลขผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตและบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย การประกาศชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ครบ 3 คน รวมถึงการประกาศตัวเลขในนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี เกิดการตื่นตัวที่จะสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยให้ได้รับเลือกตั้งเข้าไปผลักดันนโยบายให้เป็นจริง


การลงพื้นที่จังหวัดน่านและลำปางในครั้งนี้ นำโดย  นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่จะร่วมปราศรัยผ่านระบบออนไลน์ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.ของแต่ละจังหวัด


เริ่มจากวันที่ 8 เมษายน 2566 สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดพระธาตุแช่แห้ง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ในเวลา 15.00 น. จากนั้นจะไปสมทบคาราวานรถแห่ของผู้สมัครใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เดินทางไปในทุกจังหวัด โดยมีพิธีเปิดกิจกรรมรถแห่ “กึ๊ดใหญ่ทำเป็น” 8 จังหวัดภาคเหนือ ณ วัดพระธาตุแช่แห้ง ในเวลา 15.30 น. จากนั้นจะเริ่มกิจกรรมรถแห่รอบเมือง ผ่านตลาดเทวราช ชุมชน ย่านธุรกิจ ไปหยุดปราศรัยบนรถแห่หน้าวัดภูมินทร์ (ถนนคนเดิน) ก่อนที่ในเวลา 18.00 น. จะมีเวทีปราศรัยใหญ่ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตน่าน อำเภอเมือง จังหวัดน่าน จากนั้นไปถนนคนเดินเพื่อพบปะพี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอย


ส่วนในวันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน 2556 กำหนดการเริ่มจากเวลา 07.30 น.  ออกเดินทางไปยัง อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ เพื่อพบปะเกษตรกรชาวสวนผลไม้ และชาวนาในพื้นที่ในเวลา 11.00 น. ก่อนที่ในเวลา 13.00 น. จะเดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชน ในอำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง และในเวลา 16.30 น. จะมีการร่วมขบวนปราศรัยบนรถแห่ ณ ห้าแยกหอนาฬิกา อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ส่วนในเวลา 18.00 น.จะมีเวทีปราศรัยใหญ่ ณ ตลาดนัดคลองถมห้างฉัตร อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง


นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า จากนี้ทีมปราศรัยของพรรคเพื่อไทย ทั้งเวทีใหญ่ เวทีระดับเขต เวทีย่อย ปูพรมลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเวทีใหญ่ที่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมด้วยได้วางคิวถึงสิ้นเดือนเมษายน 2566 แล้ว ส่วนในเดือนพฤษภาคมจะมีการปราศรัยในทุกวันทุกภูมิภาค เพื่อเน้นย้ำนโยบายและสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชน ตัวแคนดิเดตทั้ง 3 คนก็จะทำงานร่วมกันเป็นทีม การไปร่วมเวทีใดขึ้นกับสถานการณ์และช่วงเวลาที่เหมาะสมลงตัว ส่วนเวทีปราศรัยปิดท้าย คาดว่าหลายพรรคการเมืองจะปักหมุดในช่วงเย็น วันที่ 12 พฤษภาคม 2565 พรรคเพื่อไทยก็เช่นกัน ซึ่งเวทีนี้จะมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คนปรากฎตัวบนเวทีร่วมกันอีกครั้ง เชื่อว่าเวลานั้นนางสาวแพทองธารจะผ่านการคลอดบุตรและพักฟื้นเรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าตัวยืนยันที่จะเข้าร่วมเวทีนี้อย่างแน่นอน


ทั้งนี้ ในช่วงนี้มีสถานการณ์ที่ทำให้เกิดคำถามถึงนโยบายพรรคเพื่อไทยว่าทำได้จริงหรือไม่ ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะจับมือกับใคร และมีสัญญาณทำให้การเลือกตั้งสะดุด หรือไม่ ตอนนี้ตนคิดว่าคำตอบใน 2 ประเด็นแรกชัดเจนแล้ว ส่วนสถานการณ์พิเศษ ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีการหยุดยั้งขัดขวางการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชน ส่วนคำพูดของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจเป็นวิธีการพยายามเอาของเก่ามาขาย เพราะนโยบายขายไม่ได้ จึงพยายามให้คนนึกถึงความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ประชาชนต้องการจบลุงตู่มากกว่า ขอให้อำนาจนอกระบบยอมรับการตัดสินใจของประชาชน ถอยพ้นไปจากวิถีทางในระบบรัฐสภา


นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับการประกาศนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น การวิพากษ์วิจารณ์ย่อมเกิดขึ้นได้ ประชาชนก็สามารถใช้วิจารณญาณได้ แต่ท่วงทำนองขอให้มีความเหมาะสม โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ได้ร่วมงาน ร่วมแนวทางประชาธิปไตยด้วยกันมา เพื่อทำให้การทำงานภาพรวมในสนามเลือกตั้งสวยงาม การแก้รัฐธรรมนูญเป็นแนวทางที่นำเสนอโดยนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และเป็นแนวทางของพรรคเพื่อไทยมาตลอด ที่ต้องแก้เต็มคาราเบล ต้องให้มีประชาชนเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มีกระบวนการทำประชามติทั้งก่อนและหลังการยกร่าง ส่วนเนื้อหาสาระต้องเป็นวาระของ สสร.ด้วย


พรรคการเมืองมีสิทธิ์เสนอแนวทางประกอบการพิจารณาได้ แต่ไม่ใช่การไปแทรกแซงกดดัน การเห็นด้วยหรือไม่ต้อง เคารพต่อความเห็นของ สสร. ส่วนการต่อสู้ทางการเมืองคงไม่มีใครมีมาตรวัดว่าใครทำอะไรมามากกว่าใคร เราเคารพทั้งความเหมือนและความต่างของเพื่อนร่วมทางจะดีกว่า” นายณัฐวุฒิกล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66