เพื่อไทยแทคทีมยันความพร้อมเลือกตั้ง
66 ‘แพทองธาร’
ยันต้องเลือกอย่างมียุทธศาสตร์ ประกาศ
‘ไม่จับมือกับคนที่เคยมีส่วนร่วมรัฐประหาร’
ขอประชาชนกาเพื่อไทยทั้งสองใบเพื่อแลนด์สไลด์จัดตั้งรัฐบาล
วันนี้
(18 เม.ย. 66) พรรคเพื่อไทย นำโดยนางสาวแพทองธาร
ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
พรรคเพื่อไทย ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ
รองผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ
รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงยุทธศาสตร์การรณรงค์เลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย
และการทบทวนยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย
นางสาวแพทองธาร
ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
พรรคเพื่อไทย ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย
กล่าวว่า
จากกรณีต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยยังยืนยันจุดเดิม
และจะเดินหน้าหาเสียงนำเสนอนโยบายสู่พี่น้องประชาชนต่อไป
ในขณะเดียวกันมีเสียงสะท้อนของประชาชนผ่านโซเชียลมีเดียของพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการลงพื้นที่ของผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค
เช่น ไม่เจอตัวผู้สมัคร ส.ส. ระบบเขต
และป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยจำนวนน้อยเกินไปนั้น พรรคเพื่อไทยและตนเองไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บข้อมูลพบว่า
1.
กรณีการลงพื้นที่ของผู้สมัคร ส.ส. ระบบเขต
ได้ลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ โดยได้สื่อสารนโยบายต่างๆ ไปยังพี่น้องประชาชน
เช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ภายใน 4 ปี ซึ่งเกิดจากการลงพื้นที่สื่อสารนโยบายของผู้สมัคร ส.ส.เขต จนสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชนได้รับรู้
เข้าใจ แลกเปลี่ยนนโยบายร่วมกัน
อาจมีเป็นส่วนน้อยที่ลงพื้นที่ไม่มากพอ
ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้สื่อสารกับผู้สมัคร ส.ส.เขตอย่างต่อเนื่อง
เมื่อได้ข้อท้วงติงจากประชาชน เชื่อว่าผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตทุกคนกระตือรือร้นลงพื้นที่
เพราะแม้ผลโพลความนิยมของพรรคดี
แต่จะไม่เกี่ยวข้องกับคะแนนของผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขต ดังนั้นผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตต้องทำงาน
ซื้อใจประชาชนด้วยใจเท่านั้น เพราะประชาชนต้องการความจริงใจ ความสามารถ
และนโยบายของพรรค หากผู้สมัคร ส.ส.ต้องการเข้าสภาผู้แทนราษฎรเพื่อแก้ปัญหาประชาชน ต้องลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน
ซึ่งจะทำให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแลนด์สไลด์
เพื่อไปสู่เป้าหมายของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล
2. ส่วนเรื่องการติดตั้งป้ายหาเสียง ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยยึดตามระเบียบของ
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นหลัก
ยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองใหญ่ และถูกเพ่งเล็งอยู่เสมอ การวางป้ายหาเสียงจึงวาง ในจุดที่ประชาชนสามารถมองเห็นมากที่สุด และจากนี้จะมีป้ายหาเสียงชุดใหม่
ที่จะมีการอธิบายหลักการกระเป๋าเงินดิจิทัล
และค่าแรงขั้นต่ำ เพิ่มอีก เพื่ออธิบายรายละเอียด วิธีการ ฯลฯ ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย
ได้อธิบายเพิ่มเติมในหลายเวที และสามารถศึกษาได้เพิ่มเติมที่เพจพรรคเพื่อไทย
นางสาวแพทองธาร
กล่าวอีกว่า อยากให้พี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยอย่าได้กังวลใจ ทุกเสียงสะท้อนสำคัญกับเราเสมอ ขอให้พี่น้องประชาชนหนักแน่นในพรรคเพื่อไทย หนักแน่นในผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขต
ของพรรคเพื่อไทย การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ ต้องเลือกทั้งพรรคทั้งผู้สมัคร ส.ส.เขต
เพื่อทำให้ชีวิตพี่น้องประชาชนที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาเกือบ 9 ปี
หากต้องการเปลี่ยนแปลง
พรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่ตอบโจทย์ประชาชน
เพื่อไทยให้แลนด์สไลด์มีความสำคัญกับประชาชนมาก
เราจะทำอย่างเต็มที่ เพื่อชนะใจพี่น้องประชาชนให้พรรคเพื่อไทย
กลับมาเปลี่ยนแปลงชีวิตพี่น้องประชาชนอีกครั้ง
“หากพี่น้องประชาชนมีคอมเมนต์ใดๆ สามารถส่งมาที่เพจของพรรคได้
เราพร้อมปรับเปลี่ยน เพื่อตอบสนองประชาชนทุกคน ทุกรุ่น ทุกวัย
แม้จะยังเป็นกลุ่มที่ยังเลือกตั้งไม่ได้ เราพร้อมปรับ
เพราะคนรุ่นนี้คืออนาคตของเรา
ขอประชาชนอย่าแผ่ว เลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคน ทั้งพรรค
เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตประชาชน อย่างแท้จริง
เพื่อความกินดี อยู่ดี มีประชาธิปไตย
ขอให้พี่น้องออกมาใช้สิทธิ ใช้เสียง ในวันที่ 14
พฤษภาคมนี้ เลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์”
นางสาวแพทองธาร กล่าว
นางสาวแพทองธาร
ยังได้ตอบคำถามถึงกรณีคะแนนนิยม(โพล) ของพรรคเพื่อไทยที่ลดลง
เป็นเพราะความไม่ชัดเจนเรื่องการจับมือกับฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ ว่า นายเศรษฐา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
พรรคเพื่อไทย เคยกล่าวในหลายวาระว่ารังเกียจการรัฐประหาร ตนเองอยากให้ทุกคนดูหน้าดิฉันไว้
คงไม่ได้ชอบการรัฐประหาร การรัฐประหารครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้น 2 ครั้ง
ดิฉันไม่ได้ชอบ ดังนั้น การที่ไม่ตอบออกมาตรงๆ หลายครั้งในกรณีนี้ เพราะ
‘เราให้เกียรติประชาชน’ เพราะการเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น แต่หากถามว่า คนที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยร่วมทำรัฐประหาร
เราจะอยากจับมือด้วยหรือไม่ เป็นคำตอบที่ประชาชนน่าจะทราบดีอยู่แล้ว และแน่นอนว่า
ผลกระทบที่ได้รับต้องแยกกัน ดังนั้นการตอบกรณีนี้แบบมีอารมณ์เกินไป คงไม่ใช่แนวทางที่สามารถสื่อสารได้
แต่หากถามว่าอยากจับมือกับคนที่ทำรัฐประหาร 2 ครั้ง ตนเองคิดว่าน่าจะมีความชัดเจนอยู่แล้ว