‘ก้าวไกล’ ให้คำมั่นคนไทยต่างแดน พร้อมเป็นรัฐบาลแห่งความหวัง
ดันรัฐสวัสดิการ - กระจายอำนาจ สร้างประเทศที่การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต
ชูรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องปฏิรูปที่มา กกต.
ขยายสิทธิคนไทยต่างประเทศเลือกตั้งท้องถิ่นได้
วันนี้
(25 เม.ย. 66)พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล
วรภพ วิริยะโรจน์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ พริษฐ์ วัชรสินธุ
ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมพูดคุยทางออนไลน์หัวข้อ
‘เจาะลึกนโยบายไหน โดนใจคนไกลบ้าน’ ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่ม Thai Professional
EU เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยในต่างประเทศได้แลกเปลี่ยนสอบถามนโยบายของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งนี้
พริษฐ์กล่าวว่า
การที่คนไทยต้องการทำงานต่างประเทศ ไม่ได้เป็นเรื่องไม่ดี
หากเป็นเพราะปัจจัยภายนอก (pull factor) ที่ดึงดูด เช่น
ค่าตอบแทนที่ดีกว่า แต่ปัญหาในปัจจุบันคือประเทศไทยมีปัจจัยภายใน (push
factor) เยอะมากที่ผลักให้คนในประเทศรู้สึกหมดหวังและต้องการย้ายออก
ดังนั้น ถ้าจะทำให้คนไทยกลับมามีความหวังอีกครั้ง
พรรคก้าวไกลต้องเป็นรัฐบาลเพื่อทำทั้ง 312 นโยบาย
สร้างการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคตให้เป็นจริง
ด้านพรรณิการ์
กล่าวว่า หนึ่งในนโยบายหลักของพรรคก้าวไกล คือการกระจายอำนาจ
ยกตัวอย่างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่คณะก้าวหน้าร่วมทำงานด้วย
ยิ่งตนได้เข้าไปสัมผัส
ยิ่งมั่นใจว่าศูนย์เด็กเล็กต้องได้รับการบริหารจัดการโดยท้องถิ่น เพราะคนใช้อำนาจซึ่งก็คือผู้บริหารท้องถิ่น
เป็นคนที่อยู่ใกล้ประชาชนมากที่สุด
จะสามารถพัฒนาศูนย์ให้ตรงความต้องการของประชาชนได้
พรรคก้าวไกลจึงมีนโยบายเพิ่มงบประมาณให้ อปท.
เพื่อส่งเสริมการดูแลเด็กช่วงปฐมวัยตามความเหมาะสม อปท.
สามารถใช้งบประมาณเพื่อตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กเอง พัฒนาศูนย์เด็กเล็กเดิมให้ดูแลเด็กอ่อนเพิ่มได้
เป็นต้น
อีกเรื่องที่คณะก้าวหน้าทำไปแล้ว
คือการร่วมกับเทศบาล ติดตั้งสิ่งที่ประชาชนเรียกว่า ‘หมอตู้’
หรือระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine)
ที่เทศบาลตำบลหนองแคน อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร
นอกจากทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ง่ายขึ้น
โดยเฉพาะกับโรคที่ต้องมีการติดตามอาการเป็นระยะ
ถ้าติดตั้งระบบนี้ในทุกหมู่บ้านทุกตำบลของประเทศไทย
จะเป็นการสร้างห่วงโซ่อุปทานและอุตสาหกรรมใหม่ที่ผู้ประกอบการคนไทยสามารถทำได้
นี่คือตัวอย่างของแนวทาง ‘สร้างงานซ่อมประเทศ’ ของพรรคก้าวไกล ที่นำเอาปัญหาของประเทศมาเป็นโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้ประชาชน
ทำให้เห็นว่าการสร้างงานและกระจายความเจริญไปยังทุกจังหวัด
สิ่งที่สำคัญที่สุดอาจไม่ใช่นโยบายเศรษฐกิจ แต่คือนโยบายกระจายอำนาจ
ที่จะสร้างโอกาสใหม่ๆ ปลดล็อกศักยภาพของทุกท้องถิ่น
เช่นเดียวกับที่ประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลกทำกัน
ขณะที่วรภพกล่าวว่า
พรรคก้าวไกลเสนอนโยบายสวัสดิการถ้วนหน้าตั้งแต่เกิดจนตาย เช่น เบี้ยเด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน
เบี้ยผู้สูงวัย 3,000 บาทต่อเดือน เงินคนพิการเดือนละ 3,000
บาทต่อเดือน แม้เรื่องเหล่านี้ถ้าเทียบมาตรฐานกับต่างประเทศที่มีรัฐสวัสดิการ
อาจดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะช่วยแบ่งเบาภาระของคนไทยโดยเฉพาะวัยทำงานได้มาก
โดยประเมินว่าภายใน 4 ปี ใช้งบประมาณเพื่อทำสวัสดิการทั้งหมด
650,000 ล้านบาท หาเงินจาก (1) จัดสรรงบประมาณเดิม
ตัดลดงบไม่จำเป็น ปฏิรูปกองทัพ นำรายได้กองทัพที่ไม่เปิดเผยเข้ารัฐบาล (2) เพิ่มภาษีทรัพย์สิน ก้าวหน้าประเภทใหม่ๆ เช่น ภาษีที่ดินรวมแปลง
ภาษีความมั่งคั่ง เป็นต้น
นอกจากนี้
พรรคก้าวไกลจะผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งมีข้อมูลเป็นหัวใจ
โดยบทบาทของภาครัฐจะเป็นผู้กำหนดมาตรฐานข้อมูล ให้ข้อมูลในฐานข้อมูลภาครัฐเป็นข้อมูลสาธารณะทั้งหมดยกเว้นข้อมูลลับและข้อมูลส่วนบุคคล
เมื่อข้อมูลได้รับการเปิดเผยและแลกเปลี่ยนกันได้
ภาคเอกชนจะสามารถนำไปต่อยอดสร้างมูลค่าได้อีกมาก ทั้งนี้
พรรคก้าวไกลพร้อมรับฟังคำแนะนำจากคนไทยในต่างประเทศ
เพื่อนำสิ่งที่ดีในต่างประเทศมาสร้างคุณภาพชีวิตคนไทยและพัฒนาประเทศไทย
ในช่วงท้าย
ผู้ร่วมกิจกรรมได้สอบถามถึงความโปร่งใสของการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร
พรรคก้าวไกลมีแนวทางจับตาอย่างไร โดยพริษฐ์กล่าวว่า สำหรับแนวทางเฉพาะหน้า
พรรคก้าวไกลส่งเสริมอย่างเต็มที่ให้ภาคประชาสังคมมีส่วนร่วมตรวจสอบการเลือกตั้ง
ขณะที่พรรคการเมืองเป็นผู้มีส่วนได้เสีย จึงเห็นว่าไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย
สิ่งที่เราทำได้คือกระทุ้งการทำงานของ กกต.
หรือส่งผู้สังเกตการณ์ไปอยู่ที่หน่วยนับคะแนนหลังปิดหีบ
ส่วนการแก้ปัญหาในระยะยาวอย่างยั่งยืน
จำเป็นต้องร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อปฏิรูปที่มาขององค์กรอิสระให้เป็นที่ยอมรับและยึดโยงกับประชาชน
เพราะปัจจุบันที่สังคมไม่ไว้วางใจการทำงานของ กกต. เพราะที่มาของ กกต.
เชื่อมโยงกับ ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นทางการเมือง
โดยการร่างรัฐธรรมนูญใหม่สามารถทำได้ อาศัยช่องทางในพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ
2564 ที่เปิดช่องให้ ครม. มีอำนาจจัดทำประชามติโดยไม่ต้องผ่านสภาฯ ดังนั้น
ภายใน 100 วันแรก ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล
จะทำประชามติถามประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่
จัดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด
ถ้าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย แม้สุดท้ายเรื่องนี้ต้องกลับเข้าสู่สภาฯ แต่เชื่อว่า
ส.ว. จะไม่กล้าขัดขวาง
พริษฐ์กล่าวว่า
นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลจะเพิ่มความสะดวกของประชาชนในการทำธุรกรรมกับภาครัฐ
ด้วยการทำให้ 99%
ของบริการภาครัฐ ทำผ่านออนไลน์ได้ ยกเว้นเพียงบางนิติกรรม คือ
หย่าร้าง แต่งงาน ซื้อขายที่ดิน เช่นเดียวกับประเทศเอสโตเนีย
และจะปลดล็อกกฎระเบียบให้คนไทยในต่างประเทศ
ใช้พาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทางแทนที่บัตรประชาชนได้ในทุกบริการภาครัฐ
ที่สำคัญคือจะขยายสิทธิให้คนไทยในต่างประเทศสามารถเลือกตั้งท้องถิ่นได้
“สิ่งที่เราเสนอไม่ได้เป็นเรื่องซับซ้อน
แต่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น รัฐธรรมนูญที่ร่างโดย สสร.
ที่มาจากการเลือกตั้ง เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด
หรือค่าแรงขั้นต่ำมีระบบปรับขึ้นอัตโนมัติ
ยืนยันว่าถ้ากาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม จะทำให้คนไทยกลับมามีความหวังกับประเทศอีกครั้ง”
พริษฐ์กล่าว