‘รังสิมันต์-ณัฐชา’ ลุยแฟลตตำรวจท่าข้าม
ชี้ปัญหาที่พักทรุดโทรมต้องถูกแก้ไข ชูนโยบายเลิกบังคับเกรียน ทำได้ทันที
คืนสิทธิศักดิ์ศรีตำรวจ-เอื้อต่อการทำงาน
วันที่
24 เมษายน 2566 รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล
พร้อมด้วย ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 27 (เขตบางบอน และเขตบางขุนเทียน) เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล
ลุยหาเสียงบริเวณแฟลตตำรวจนครบาลท่าข้าม
เพื่อแนะนำนโยบายของพรรคก้าวไกลให้กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พักอาศัยในแฟลตดังกล่าว
โดยรังสิมันต์ แนะนำบัตรเลือกตั้งซึ่งมี 2 ใบ ย้ำว่าให้ลงคะแนนให้ณัฐชาเบอร์
1 ในบัตรสีม่วง และลงคะแนนให้พรรคก้าวไกลเบอร์ 31 ในบัตรสีเขียว
โฆษกพรรคก้าวไกล
กล่าวว่า ตนได้เดินทางไปหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
เมื่อเปรียบเทียบที่พักของตำรวจกับที่พักของข้าราชการบางกลุ่ม
จะเห็นว่าข้าราชการบางกลุ่มมีที่พักอยู่ในสภาพดีกว่ามาก บ้างเป็นคอนโด บ้างเป็นบ้านเดี่ยว
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้หมายความว่าข้าราชการต้องมีที่พักที่หรูหรา
แต่โดยมาตรฐานแล้ว ควรมีสภาพที่ดีกว่านี้ เพราะตำรวจที่ต้องปฏิบัติหน้าที่
ก็มีครอบครัวติดตามไปพักอาศัยด้วย ยิ่งมีโอกาสมาที่แฟลตตำรวจแห่งนี้
ยิ่งเห็นว่าสภาพความเป็นอยู่ของพี่น้องตำรวจไม่ได้คุณภาพ ดังนั้น
การทำให้พี่น้องตำรวจมีที่พักที่ได้มาตรฐานและใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย
จึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ
“นอกจากเรื่องที่พักอาศัย ก็ได้ฟังเสียงสะท้อนจากพี่น้องตำรวจจำนวนมาก
เวลาคนเห็นหน้าผม เขาก็นึกถึงการโยกย้าย นึกถึงเรื่องตั๋วช้าง ซึ่งตำรวจที่เราคุยด้วยนั้น
เป็นตำรวจที่ไม่มีตั๋วหรือเส้นสาย เขาอยากให้ระบบเส้นสายหมดไป
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ตำรวจไทยอยากเห็น
และจะเป็นแรงจูงใจสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ เขาจะรู้สึกว่าถ้าทำดีแล้วเติบโต
เขาก็อยากทำดีต่อไป แต่ถ้าทำดีแล้วสู้กับคนที่มีเส้นสายไม่ได้ เขาจะเลือกทำงานให้ดี
หรือเลือกวิ่งหาคนที่มีเส้นสายมากกว่ากัน
นี่คือเรื่องที่พรรคก้าวไกลต้องการเข้าไปเปลี่ยนแปลง” รังสิมันต์กล่าว
รังสิมันต์กล่าวอีกว่า
การปฏิรูปตำรวจที่ทำได้ง่ายและเร็วที่สุดโดยไม่เสียงบประมาณ
คือการยกเลิกทรงผมเกรียนตัดผมขาวสามด้าน เพราะนอกจากจะเป็นการคืนสิทธิและศักดิ์ศรีให้พี่น้องตำรวจ
ยังเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ เช่น บางครั้งเป็นสายสืบนอกเครื่องแบบ
ถ้าทรงผมเกรียนก็สังเกตเห็นได้ง่าย พรรคก้าวไกลจึงมีนโยบายคืนทรงผมให้พี่น้องตำรวจ
ด้านณัฐชา
กล่าวว่า วันนี้ได้พบกับพี่น้องตำรวจหลายคน ก่อนหน้านี้ตนได้อภิปรายในสภาฯ
ถึงสภาพและคุณภาพชีวิตของพี่น้องตำรวจเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยมาแล้วหลายครั้ง
ครั้งนี้ได้มาเห็นด้วยตัวเอง หลายห้องมีสภาพทรุดโทรม
จึงตั้งใจอยากยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องตำรวจ ไม่ว่าเป็นตำรวจระดับชั้นใด
ควรมีที่อยู่อาศัยที่ถูกสุขลักษณะกว่านี้
นอกจากนี้
ระหว่างเดินพบปะพี่น้องตำรวจ
ก็มีการร้องเรียนเรื่องการแบ่งเกรดโรงพักตามเกรดผู้บังคับบัญชา
ซึ่งเรื่องนี้ควรถูกหยิบยกมาพูดคุยอย่างจริงจัง
ที่ผ่านมานายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับบริหารก็ทราบ แต่ปล่อยผ่านไป อย่างไรก็ตาม
สถานการณ์ปัจจุบันไม่ควรให้มีการปล่อยผ่านหรือหลับตาข้างเดียวอีกต่อไป
รวมถึงเรื่องสวัสดิการของตำรวจที่ต้องออกลาดตระเวน แต่ต้องหาเงินเติมน้ำมันเอง
ก็กลายเป็นข้ออ้างตั้งด่านเก็บเงิน ดังนั้นรัฐต้องมีนโยบายที่จะดูแลสวัสดิการ
ดูแลคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของตำรวจชั้นผู้น้อยต่อไปด้วย