"ชัยธวัช" ปลุกประชาชนฝันใหญ่สู้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมแช่แข็งประเทศ
กาก้าวไกลทำในสิ่งที่นักการเมืองเก่าๆ ไม่ทำ
เอาประยุทธ์ออกไปแล้วต้องเอาประวิตรออกด้วย
วันที่
22 เมษายน 2566 บนเวทีปราศรัยใหญ่พรรคก้าวไกล
‘รัฐบาลก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม’ ที่สามย่านมิตรทาวน์ กทม. ชัยธวัช ตุลาธน
เลขาธิการพรรคก้าวไกลและผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับ 3 พรรคก้าวไกล
ปราศรัยหาเสียงปลุกฝ่ายประชาธิปไตยกล้าคิด กล้ามีความฝันในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ความเปลี่ยนแปลงของอนาคตใหม่-ก้าวไกลเกิดขึ้นแล้วทั้งในสภาและการที่ทุกพรรคแข่งกันขายนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหาร-สมรสเท่าเทียม
หยุดวาทกรรมเลือกก้าวไกลได้ประยุทธ์ขอให้ประชาชนดูการทำงานจริงตลอด 4 ปีเป็นเครื่องพิสูจน์
ชัยธวัช
เริ่มปราศรัยว่า มีคนบอกการเมืองแบบอนาคตใหม่
การเมืองแบบก้าวไกลเป็นเรื่องเพ้อฝันเป็นไปไม่ได้
ทุกคนได้รับการกล่อมเกลาตั้งแต่ในโรงเรียนมีการกล่อมเกลาอยู่เสมอว่าประเทศนี้ดีพออยู่แล้ว
อย่าคิดเปลี่ยนแปลงอะไร ความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมที่เป็นความคิดที่หลงผิด
หรือความคิดที่ผิด
เพื่อต่อสู้กับความคิดนี้ทำให้ตนเก็บกระเป๋าเดินทางจากต่างจังหวัดเพื่อมาร่วมกับธนาธร
จึงรุ่งเรืองกิจและมิตรสหายรื้อฟื้นความคิดเปลี่ยนประเทศไทยผ่านการทำพรรคการเมือง
เพื่อให้มีพรรคที่เกิดมาเพื่อทำในสิ่งที่นักการเมืองในอดีตไม่ทำ
“นี่จึงเป็นที่มาของพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกลในวันนี้
เพราะเราเชื่อว่าเราต้องฝันและความฝันของเราเป็นไปได้” ชัยธวัชกล่าว
ชัยธวัชกล่าวในตอนหนึ่งว่าไม่กี่วันก่อนมีแกนนำพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง
ปราศรัยบอกว่าแผ่นดินประเทศนี้เป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ใครไม่ชอบก็ไปอยู่ที่อื่น
ประเทศนี้ต้องเป็นเหมือนเดิม
ชัยธวัชย้ำว่าที่ชีวิตความเป็นอยู่และประเทศเราตกต่ำมาถึงทุกวันนี้เพราะเราปล่อยให้ฝ่ายหนึ่งที่ต้องการแช่แข็งประเทศไทยกล้าฝันใหญ่
ฝันเห็นประเทศไทยที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
กล้าฝันว่าการรัฐประหาร หนึ่งครั้งยังไม่พอ กล้ารัฐประหารซ้ำสองให้สาแก่ใจ
กล้าที่จะล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้วไปตั้งรัฐบาลใหม่ในค่ายทหาร
กล้าแม้กระทั่งล้อมปราบยิงประชาชนเกือบร้อยคนกลางเมืองหลวง
เขียนรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ สร้างยุทธศาสตร์ชาติ ครอบงำองค์กรอิสระ
แต่งตั้งส.ว.เอง
ยังไม่นับการออกกฎหมายหลายฉบับย้อนยุคการบริหารราชการแทบจะเป็นแบบจารีตโบราณ
“เวลาฝ่ายจารีตโบราณย้อนยุคประเทศไทยเขากล้าฝัน
เขาก็เดินหน้าไปสู่ความฝันของเขาเต็มที่ ขณะที่นักการเมืองแบบไทย ๆ
ส่วนใหญ่อยู่เป็น
และนั่งรอวันไหนมีการเลือกตั้งก็รอไปแบ่งอำนาจกับเขาบ้างสลับกันไป” ชัยธวัชกล่าว
ชัยธวัชชี้ให้เห็นว่าตรงข้ามกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม
เมื่อพูดถึงความฝันของประชาชน กลับมีแต่การบอกว่าเป็นไปไม่ได้
ทำไมเราต้องถูกกดบีบให้เจียมเนื้อ เจียมตัว พอเพียง
คิดได้ไกลที่สุดอย่างมากก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ปะผุเล็ก ๆ น้อย ๆ
รอวันที่ฝ่ายที่ฝันอีกแบบกลับมาแช่แข็งประเทศ
“เราอยากเห็นระบบการศึกษาที่ทำให้ลูกหลานของเราเท่าเทียมกันเท่าทันโลก
ระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมีคุณภาพ ไม่ถูกผูกขาดโดยทุนใหญ่ ระบบสวัสดิการของรัฐที่ดูแลเราตั้งแต่เกิดจนตาย
เห็นระบบราชการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ประชาชนเป็นเจ้านาย
ไม่ใช่เห็นคนอื่นเป็นเจ้านาย กองทัพที่อยู่ภายใต้พลเรือนจริง ๆ
ไม่อนุญาตให้นายพลคนไหนลากรถถังมาทำรัฐประหารอีก
ไม่ต้องการเห็นนายพลคนไหนเบิกปืนจากค่ายทหารมายิงประชาชนตายบนถนนอีก
ตำรวจที่ไม่มีตั๋วช้าง แต่เติบโตในหน้าที่การงานเพราะแข่งกันทำงานให้เรา
ระบบการเมืองที่ตรงไปตรงมากับประชาชน
อยากเห็นระบบการเมืองที่ไม่ใช่ข้างหน้าคุยอย่าง
แต่ของจริงคุยข้างหลังระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่ทุกคนมีคุณค่าเสมอกัน
ไม่มีใครต้องถูกติดคุกเพราะแค่แสดงความคิดเห็น ทำไมเราจะฝันไม่ได้”
ชัยธวัชตั้งคำถาม
เพราะพรรคอนาคตใหม่กล้าฝันและก้าวไกลก็สืบต่อ
ถึงเกิดความเปลี่ยนแปลงในสภาตลอด 4 ปีที่ผ่าน
ประชาชนจึงเห็นได้ว่าสภาผู้แทนราษฎรเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน
แนวคิดนโยบายแบบยกเลิกการเกณฑ์ทหาร-ปฏิรูปกองทัพทุกพรรคถึงเอาไปแข่งกันหาเสียง
นโยบายความเท่าเทียมทางเพศที่เคยถูกกดเอาไว้
ถึงกลายเป็นนโยบายที่แข่งกันผลักดันตอนนี้ ถ้าไม่กล้าคิด กล้าฝัน
ไม่มีพรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกลใน 4 แล้ว
ลองจินตนาการว่าประเทศนี้จะเป็นอย่างไร
สุดท้าย
ชัยธวัชกล่าวถึงวาทกรรมที่บอกว่า “เลือกก้าวไกล ได้ประยุทธ์”
ชัยธวัชกล่าวว่าความเชื่อพิสูจน์กันยากแต่สิ่งที่พิสูจน์ได้ดีที่สุด คือการกระทำ
“เมื่อก่อนหลังการเลือกตั้ง 2554 ผมเคยเชื่อว่า
พล.อ.ประยุทธ์และพวกที่เคยล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งและไปตั้งรัฐบาลใหม่ในค่ายทหาร
พล.อ.ประยุทธ์และพรรคพวกที่เคยปราบปรามประชาชนอย่างนองเลือดและไม่มีใครต้องรับผิดชอบสักคน
จะพ้นจากอำนาจ แต่พอถึงเดือนพฤษภาคม 2555 หลังการล้อมปราบปี 2553
เพียง 2 ปี
หลังจากได้ยินผู้นำทางการเมืองท่านหนึ่งบอกว่า ‘ส่งผมพอแล้ว
ผมจะขึ้นสู่ภูเขาด้วยตัวเอง’ หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยเชื่ออีกเลยว่า
พรรคการเมืองที่มีอยู่เดิมจะสามารถสร้างประชาธิปไตยได้อย่างแท้จริง” ชัยธวัชกล่าว
“ความเชื่อมีความหลากหลายผมไม่บังคับให้ทุกคนต้องเชื่อเหมือนกัน
ท่านเชื่อแบบไหน รักแบบไหน ท่านเลือกแบบนั้น เพราะเราไม่เชื่อว่าประชาชนมีเจ้าของ
ประชาชนไม่ใช่ปลาในบ่อใคร แต่ประชาชนเจ็บแล้วจำ ท่านเลือกแบบไหนท่านเลือกเลย
สำหรับก้าวไกลเราคิดและพิสูจน์แล้ว 4 ปีที่ผ่านมาเราทำอย่างไร
เราทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา
เราพยายามทำงานอย่างคุ้มค่าที่สุดเพื่อตอบแทนทุกคะแนนเสียงที่พี่น้องประชาชนมอบให้
ไม่เกรงใจใครเกรงใจคนเดียวคือพี่น้องประชาชน ถ้าท่านชอบการเมืองแบบนี้ 14 พฤษภาคมนี้กาก้าวไกลเพื่อไปสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง กาก้าวไกลเพื่อเอาประยุทธ์ออกไป
เอาประวิตรออกไปด้วย
กาก้าวไกลเพื่อเอาคนใหม่ไปบริหารประเทศและทำในสิ่งที่นักการเมืองเก่าทำไม่สำเร็จ”
ชัยธวัชกล่าวทิ้งท้าย