วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2566

“เพื่อไทย” เปิดเวทีปราศรัย กทม.ชั้นใน สุดเดือด! “เศรษฐา” สับพลเอกประยุทธ์ ไม่เคยคิดแก้ปัญหาค่าไฟแพงค่าแรงถูก ทำไมต้องกดให้จนมา 4 ปีแล้วค่อยแจก ด้าน “ดนุพร” ประกาศเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ทวงทำเนียบรัฐบาลคืนให้ประชาชน


“เพื่อไทย” เปิดเวทีปราศรัย กทม.ชั้นใน สุดเดือด! “เศรษฐา” สับพลเอกประยุทธ์ ไม่เคยคิดแก้ปัญหาค่าไฟแพงค่าแรงถูก ทำไมต้องกดให้จนมา 4 ปีแล้วค่อยแจก  ด้าน “ดนุพร” ประกาศเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ทวงทำเนียบรัฐบาลคืนให้ประชาชน


วันที่ 28 เมษายน 2566 เมื่อเวลา 17.30 น. พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัย“คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพ” ในเขตกรุงเทพมหานคร ณ สนามกีฬาห้วยขวาง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมือง พื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย นางสาวณหทัย ทิวไผ่งาม ประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พรรคเพื่อไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นางนลินี ทวีสิน ประธานคณะกรรมการด้านการต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ คณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.กทม. ประกอบด้วย นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 8 เบอร์ 2, นายภัทร ภมรมนตรี ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 6 เบอร์ 1, นายขจรศักดิ์ ประดิษฐาน ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 5 เบอร์ 5, นางสาวลีลาวดี วัชโรบล ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขติ2 เบอร์ 5, นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 1 เบอร์ 8, นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จิตนโสภณ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 3 เบอร์ 5, นายนวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 4 เบอร์ 11, นายรัฐพงศ์ ระหงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 7 เบอร์ 8, และ นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร ผู้สมัคร ส.ส.กทม .เขต 23 เบอร์ 3 , และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีต ส.ส. ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 16 เบอร์ 11  โดยมีพี่น้องผู้สนับสนุนและประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัยอย่างคึกคักอบอุ่น และเมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงเวทีปราศรัย พี่น้องผู้สนับสนุนได้หันไปตะโกนชูมือโห่ร้องคล้องพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีเหลืองและมอบดอกกุหลายให้นายเศรษฐา และคณะพรรคเพื่อไทย  พร้อมขอจับมือ ชูมือและถ่ายภาพเซลฟี่ร่วมกับพี่น้องอย่างอบอุ่นตลอดทางเดินขึ้นเวที


นายเศรษฐา ทวีสิน ปราศรัยว่าวันนี้พี่น้องคนกรุงเทพฯ ค่าครองชีพสูงไม่พอกิน ทำงานหนักแค่ไหนก็ไม่พอใช้หนี้ เพราะผู้นำไม่มีไร้หัวใจไม่ดูแลประชาชน และที่พรรคเพื่อไทยรับไม่ได้คือ ค่าไฟก็ปรับขึ้น โดยรัฐบาลไม่ได้ดูแลแก้ไข พอจะเลือกตั้งค่อยมาคุยกันทีว่าจะทำอย่างไรให้ค่าไฟถูกลง ถ้ารัฐบาลนี้ทำได้จริง 8 ปีที่ผ่านมา ทำไมไม่ทำ ค่าแรงขั้นต่ำที่บอกจะขึ้นเป็น 425 บาทก็ทำไม่ได้ยังอยู่ที่่ 300 กว่าบาท


นายเศรษฐาปราศรัยต่อว่า เหตุที่เขาไม่เคยแก้ปัญหาให้พี่น้องทั้งค่าไฟค่าแรง เพราะเขาต้องการกดให้จนมา 4 ปีแล้วค่อยแจก แต่นั้นไม่ใช่วิธีของเพื่อไทย เราจะต้องให้พี่น้องยืนได้ด้วยตัวเอง หมดยุคแล้วที่จะบอกว่าทำงานจนตายก็ไม่มีกิน ไม่พอใช้หนี้ ประชาชนต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี พอกินพอใช้


“14 พฤษภา กาเพื่อไทยทั้ง 33 เขต ทั้ง 2 ใบ เรายึดประชาชนเป็นหัวใจเป็นที่ตั้ง รังเกียจรัฐประหาร เราต้องได้รับการเลือกตั้งอย่างถล่มทะลายเพื่อเข้าไปบริหารงานกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ได้อย่างเป็นทีมเดียวกัน เพื่อแก้ปัญหาให้พี่น้องได้” นายเศรษฐา กล่าว


นายดนุพร ปุณณกันต์ ปราศรัยว่าทุกวันนี้การใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานครไม่ใช่เรื่องง่าย และยิ่งเกิดการระบาดของ โควิด-19 ทำให้การใช้ชีวิตในเมืองหลวงนั้นยากขึ้น และยังต้องเจอยิ่งปัญหารถติด ปัญหาน้ำท่วมที่สะสมมาเป็นเวลานาน ดังนั้น หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยคือการทำนโยบายให้เป็นจริง เริ่มต้นจากการแก้ฝุ่น PM2.5 ทำให้อากาศกลับมาสะอาดอีกครั้ง พรรคเพื่อไทยจะยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรคให้รักษาได้ทุกที่เพียงใช้บัตรประชาชนใบเดียว พร้อมทั้งผลักดันนโยบาย 50 เขต 50 โรงพยาบาล ให้พี่น้องมีโรงพยาบาลและหมอเพียงพอรักษายามเจ็บป่วย ซึ่งนโยบายทั้งหมดจะเป็นจริงได้ พี่น้องต้องเลือกอย่างมียุทธศาสตร์ เลือกเพื่อไทยทั้ง 2 ใบเลือกทั้งคนทั้งพรรค


“วันนี้ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะทวงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับคืนมา เพราะเรารอวันนี้มา 9 ปีแล้วหลังจากที่โดนพลเอกประยุทธ์ยึดอำนาจไป ดังนั้น 14 พฤษภา เข้าคูหาเลือกเพื่อไทย ฆ่าเผด็จการให้ตาย เอารัฐบาลเพื่อไทยเรากลับมา” ดนุพร กล่าว


นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัยว่าเวลานี้มีข้อถกเถียงกันว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ต้องแลนด์สไลด์ก็ไปรวมกับพรรคอื่นตั้งรัฐบาลได้อยู่ดี ซึ่งเหตุที่พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องได้เกินครึ่งก็เพื่อเอาชนะเสียง ส.ว. 250 คน ถ้าเพื่อไทยพรรคเดียวได้เสียงไม่ถึงครึ่ง ส.ว. จะบอกว่าประชาชนไม่ได้ตัดสินใจมีฉันทานุมัติอย่างท่วมท้น เขาก็จะยกพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อแน่นอน


“ดังนั้น เพื่อไทยจึงจำเป็นที่จะต้องแลนด์สไลด์ ที่จะต้องได้เกินครึ่ง และไม่ต้องห่วง เลิกคิดเลิกกังวลว่าถ้าเพื่อไทยได้ที่ 1 แล้วจะไปจับเอาพลเอกประวิตรมาเป็นนายกฯ  มันไม่มีมาตั้งแต่ต้นและจะไม่มีตลอดไป เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เลือกเพื่อไทยทั้ง 2 ใบแล้วไปรอตั้งรัฐบาลเพื่อไทยด้วยกัน” ณัฐวุฒิ กล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66