วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2567

พรรคประชาชนจัดทัพ 6 สาย สมัครเลือกตั้งนายก อบจ.-ส.อบจ. ทั่วประเทศ พร้อมเดินหน้าหาเสียงชู อบจ.ประชาชน ดูแลทุกคนทั่วถึงเท่าเทียม

 


พรรคประชาชนจัดทัพ 6 สาย สมัครเลือกตั้งนายก อบจ.-ส.อบจ. ทั่วประเทศ พร้อมเดินหน้าหาเสียงชู อบจ.ประชาชน ดูแลทุกคนทั่วถึงเท่าเทียม

 

วันที่ 23 ธันวาคม 2567 แกนนำพรรคประชาชน สส. และผู้ช่วยหาเสียง นำว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ของพรรคประชาชน สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ. และ ส.อบจ. ตั้งแต่วันแรก โดย กกต. กำหนดวันเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568

 

กิจกรรมการสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ แกนนำพรรค สส. และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคประชาชน กระจายเป็น 6 สายหลักทั่วประเทศ ประกอบด้วย จ.นนทบุรี นำโดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน, จ.สมุทรปราการ นำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียง, จ.ปราจีนบุรี นำโดย ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน, จ.ระยอง นำโดย เบญจา แสงจันทร์ ผู้ช่วยหาเสียง, จ.จันทบุรี นำโดย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน, จ.ภูเก็ต และ จ.พังงา นำโดย ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน, จ.สงขลา นำโดย ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคประชาชน, จ.มุกดาหาร นำโดย พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรคประชาชน, จ.ลำพูน นำโดย พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียง และ จ.เชียงใหม่ นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ช่วยหาเสียง

 

สำหรับผลการจับหมายเลขผู้สมัครนายก อบจ. ของพรรคประชาชน เป็นดังนี้

1. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ เบอร์ 1

2. วีระเดช ภู่พิสิฐ ผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน เบอร์ 1

3. สุพจน์ สุอริยพงษ์ ผู้สมัครนายก อบจ.มุกดาหาร เบอร์ 1

4. สุทธิโชค ทองชุมนุม ผู้สมัครนายก อบจ.พังงา เบอร์ 3

5. นพ.เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล ผู้สมัครนายก อบจ.ภูเก็ต เบอร์ 2

6. นิรันดร์ จินดานาค ผู้สมัครนายก อบจ.สงขลา เบอร์ 2

7. นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ ผู้สมัครนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี เบอร์ 5

8. มานะ ชนะสิทธิ์ ผู้สมัครนายก อบจ.จันทบุรี เบอร์ 1

9. ชุดาภัค วสุเนตรกุล ผู้สมัครนายก อบจ.ชลบุรี เบอร์ 2

10. ชลธี นุ่มหนู ผู้สมัครนายก อบจ.ตราด เบอร์ 3

11. จักรพันธ์ จินตนาพากานนท์ ผู้สมัครนายก อบจ.นครนายก เบอร์ 2

12. จำรูญ สวยดี ผู้สมัครนายก อบจ.ปราจีนบุรี เบอร์ 2

13. ทรงธรรม สุขสว่าง ผู้สมัครนายก อบจ.ระยอง เบอร์ 3

14. เลิศมงคล วราเวณุชย์ ผู้สมัครนายก อบจ.นนทบุรี เบอร์ 2

15. นพดล สมยานนทนากุล ผู้สมัครนายก อบจ.สมุทรปราการ เบอร์ 3

16. นันทิยา ลิขิตอำนวยชัย ผู้สมัครนายก อบจ.สมุทรสงคราม เบอร์ 2

17. เชาวริน ชาญสายชล ผู้สมัครนายก อบจ.สมุทรสาคร เบอร์ 2

 

หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวว่า ทุกสนามการเลือกตั้งคือโอกาสสร้างการเปลี่ยนแปลง ส่งมอบนโยบายดีๆ ให้พี่น้องประชาชน แม้บางจังหวัดที่เราส่งผู้สมัครครั้งนี้จะเป็นจังหวัดที่อดีตพรรคก้าวไกลเคยชนะยกจังหวัดในการเลือกตั้งระดับชาติ แต่ไม่ได้ทำให้เราชะล่าใจหรือประมาท เชื่อว่าการรณรงค์หลังจากนี้ต่างหากคือตัวตัดสิน ซึ่งเราก็พร้อมรณรงค์อย่างเต็มที่ และขอเชิญชวนประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงให้มากๆ ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568

 

หลังจับหมายเลขผู้สมัครเสร็จสิ้น แกนนำพรรค สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.อบจ. และนายก อบจ. ในแต่ละจังหวัด ได้ร่วมแห่หาเสียงประชาสัมพันธ์หมายเลขและนโยบายของผู้สมัคร โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ได้รับการตอบรับจากประชาชนตลอดกิจกรรม

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อบจ #พรรคประชาชน







นายกฯ ไม่โกรธฉายาการเมือง มองเป็นสีสัน ยอมรับวาทะแห่งปี ก็สามีเป็นคนใต้ ส่วนฉายา “รัฐบาลพ่อเลี้ยง” ก็ดี ช่วยทำงาน เพราะพ่อมีประสบการณ์

 


นายกฯ ไม่โกรธฉายาการเมือง มองเป็นสีสัน ยอมรับวาทะแห่งปี ก็สามีเป็นคนใต้ ส่วนฉายา “รัฐบาลพ่อเลี้ยง” ก็ดี ช่วยทำงาน เพราะพ่อมีประสบการณ์


วันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงฉายาที่สื่อทำเนียบรัฐบาลตั้งให้ว่า “แพทองโพย” โดย นายกฯ กล่าวว่า เราเป็น “แพทองแพด” เราใช้ไอแพด ไม่ได้ใช้โพย ซึ่งสื่อฯ บอกว่า ข้อมูลอยู่ในไอแพด นายกฯ ตอบกลับว่า “แซวเล่น” แล้วกล่าวว่า ปีใหม่แล้วสดใสกันหน่อย พร้อมชี้ตัวเองว่าใส่เสื้อสีสันและบอกสื่อฯ ว่า ไม่โกรธสื่อฯ


เมื่อพูดถึงฉายา “รัฐบาลพ่อเลี้ยง” นายกฯแพทองธารหัวเราะและกล่าวว่าไม่โกรธเลย เป็นเรื่องดี เพราะคุณพ่อมีประสบการณ์ เรื่องเศรษฐกิจคุณพ่อก็ดี บางอย่างที่ปรับใช้กับยุคนี้ได้ยิ่งเป็นเรื่องดี เราต้องหัดมองมุมที่มันดีบ้าง อย่าให้เป็นดราม่า ต้องทะเลาะกัน เหนื่อย ชีวิตทุกคนทำงานมาทั้งปีแล้ว เป็นโหมดต้องแฮปปี้แล้ว มีความสุข ภูมิใจกับอะไรบ้าง ให้ทุกคนคิดแบบนี้ รวมถึงจะปรับปรุงอะไรบ้าง อย่าไปบี้ตัวเองหรือทำให้รู้สึกว่าแย่ จะปีใหม่แล้ว อากาศก็ดี สดชื่นสดใส ขอให้ทุกคนได้พักผ่อน อย่าไปเครียดมาก มีเรื่องเครียดในชีวิตเยอะแล้ว


ส่วนวาทะแห่งปีนั้น นายกฯแพทองธาร กล่าวว่า ก็ยอมรับว่าสามีเป็นคนใต้ คุณพ่อเป็นคนเหนือ คุณแม่ภาคกลาง ส่วนพี่ ๆ เป็นลูกครึ่ง ดีค่ะ เพราะเป็นเรื่องจริง เป็นความจริง ก็เป็นคนใต้จริง ๆ


สื่อฯ ถามถึงเป้าในอนาคต นายกฯแพทองธารกล่าวว่า เป้าของตัวเองคือความเดือดร้อนของประชาชน จะต้องได้รับการแก้ไข อะไรเดือดร้อนต้องแก้ก่อน แต่บางอย่างต้องใช้เวลาในการแก้ เช่นการวางแผนในเรื่องเศรษฐกิจ เพิ่มการสร้างรายได้ ต้องรีบทำคู่กัน อะไรที่คิกออฟได้ต้องออกให้หมด อะไรที่ซัพพอร์ตประชาชนได้ต้องออกให้หมด นั่นคือเป้าหมาย


ขอบคุณภาพจาก : สยามรัฐ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ฉายารัฐบาล #นายกฯแพทองธาร

สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายารัฐบาลปี67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง” วาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้”

 


สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายารัฐบาลปี67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง” วาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้”


วันที่ 23 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เป็นธรรมเนียมที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมานานของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติส่วนตัว ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล จึงมีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ประจำปี 2567 ดังนี้

 

ฉายารัฐบาล “รัฐบาล (พ่อ) เลี้ยง”

 

ด้วยความเป็น “พ่อ” ของหัวหน้ารัฐบาล ยี่ห้อ "ทักษิณ ชินวัตร" ขึ้นชื่อดีกรีความรักลูกไม่น้อยหน้าใคร ทั้งปกป้อง เลี้ยงดู อุ้มชู ปูทาง จนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้น ที่มี DNA เดียวกันเป๊ะ จนไม่พ้นเสียงครหา รัฐบาลนี้ "พ่อคิด ลูกทำ"


ไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูลูกในสนามการเมืองเท่านั้น ยังลามไปถึงวาทะเลี้ยง "มาม่า" พรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จนสะเทือนเลื่อนลั่น สะท้อนบทแบ็กอัพที่ไม่ใช่เลี้ยงลูกตัวเองเท่านั้น แต่เลี้ยงรัฐบาลให้เดินอยู่ในรอยด้วย


น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ฉายา “แพทองโพย”


ล้อมาจากชื่อของนายกฯ “แพทองธาร” กับประเด็นดรามา "ไอแพด" คู่ใจ โพยยุคไอที ถือติดมือได้ทุกที่ เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว พกโพยเครื่องเดียวอ่าน จด โหลดข้อมูลเสร็จสรรพ จนเกิดเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมเมื่อยกขึ้นอ่าน ระหว่างพบผู้นำ แขกต่างชาติ กลายเป็นประเด็นตอบโต้เผ็ดร้อนกับชาวเน็ต และตอกย้ำแบบ โนสน โนแคร์ ด้วยภาพชูไอแพดคู่ใจ ระหว่างร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือแม้แต่ยกไอแพด ขึ้นอ่านแถลงข่าวการระบายน้ำภาคเหนือ ลงสู่แม่น้ำโขง จนถูกวิจารณ์ยกใหญ่


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ฉายา “สหายใหญ่ใส่บู๊ต”


รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 ติดโผได้รับฉายาไม่ไม่ขาด “สหายใหญ่” ในเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 วันนั้น สู่ "บิ๊กอ้วน" แห่งกองทัพไทยในวันนี้ ปรับโฉมกุนซือการเมือง มายกมือตะเบ๊ะ เสื้อตึงเป๊ะ ใส่


"ท็อปบูต" นั่งเก้าอี้กลาโหม จากที่เคยอยู่กันคนละฝั่ง วันนี้ต้องคุมบังเหียนมาทำงานร่วมกับเหล่าทหาร ส่งท้ายปีจับมือท็อปบูตพากันลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม และยังต้องรับบทหนัก ถึงหนักมาก คอยระวังหลังให้กับ "นายกฯอิ๊งค์" อีกด้วย


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ฉายา “ภูมิใจขวาง”


นอกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี คนที่ 3 ยังสวมหมวกหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทำงาน 3 เดือนใน “รัฐบาลแพทองธาร” สร้างสีสันจากบุคลิกและสไตล์การพูดหยิกแกมหยอก พร้อมสโลแกนขอทำงานไม่ขัดแย้งใคร แต่นับจากลงเรือร่วมรัฐบาล มียกมือค้านทั้งร่างกฎหมายสกัดรัฐประหาร ของสส.พรรคแกนนำ ล่าสุดโหวตสวนร่าง พ.ร.บ.ประชามติ เห็นต่างจาก พรรครัฐบาล ต้องจับตาบทบาทจากนี้ “รมต.หนู” จะปล่อยของ โชว์ลีลา สร้างผลงาน ให้ประทับใจอย่างไร


นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาครองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ฉายา “พีระพัง”


พังอุดมการณ์จากพรรคขั้วตรงข้าม “ชินวัตร“ ตกลงปลงใจมาจับมือร่วมรัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์” คว้าเก้าอี้รัฐมนตรีคุมกระทรวงใหญ่ ถูกคาดหวังจะมาแก้ปมเรื่องพลังงาน ให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำมันถูกลง เจ้าตัวยังหมายมั่นปั้นมือประกาศแก้กฎหมายรื้อโครงสร้างภาษีน้ำมัน จนเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลแล้ว ก็ยังไม่ชัดเจน หรือจะซุ่มทำเงียบ ๆ งานนี้สังคมช่วยลุ้นจะทำได้ทันรัฐบาลนี้ หรือจะพังพับไปก่อน


ด้านงานการเมืองยุค “หัวหน้าพี” คุมบังเหียน “รวมไทยสร้างชาติ” ดูยิ่งโลว์โปรไฟล์ จัดกิจกรรมพรรคได้เงียบกริบตามสไตล์ จนเกิดกระแสข่าวรอยร้าวภายใน ถูกจับจ้องถึงสัมพันธภาพกับลูกพรรค จะกอดคอรักกันนานแค่ไหน


พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ฉายา “ทวีไอพี”


ล็อกเป้าคุมเก้าอี้กระทรวงยุติธรรม เรียกได้ว่าเลื่อยขาเก้าอี้ไม่มีสั่น ไม่บอกก็รู้ว่า “นายใหญ่” ไว้ใจแค่ไหน นับตั้งแต่ภารกิจพานายใหญ่กลับบ้าน ถึงอีพี 2 ส่งนายใหญ่ขึ้น “ชั้น 14” ครองเตียง “วีไอพี” แทนนอนเรือนจำถึงได้พักโทษ ทำให้สังคมมองว่าเป็นนักโทษวีไอพี ต่อเนื่องที่เร่งออกระเบียบคุมตัวนอกเรือนจำ เสียงลือ แซ่ดเตรียมปูทางสำหรับ “วีไอพีหญิง” ตามรอยพี่ชายหรือไม่ เมื่อเดินงานเข้าตา พ.ต.อ.ทวี น่าจะถือบัตรวีไอพี ยึดเก้าอี้รัฐมนตรี ไปอีกยาว


นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉายา “ประชาธิเป๋”


แปะยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” รั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค ประกาศพาค่ายสะตอกลับมายิ่งใหญ่ ไป ๆ มา ๆ พลิกหนีบทฝ่ายค้าน ไม่ติดอดีต ไม่ฟาดฟันทางการเมือง กลืนอุดมการณ์คู่ปรับนับทศวรรษกับ “เพื่อไทย” กระโดดมาร่วมรัฐบาล เดินเป๋จากเส้นทางอุดมการณ์กว่า 70 ปี จนได้ตั๋วคุมงานกระทรวงใหญ่ แต่ผลงาน ได้เห็นเค้าแค่ลางๆยังไม่ชัดเจน


นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ฉายา “รวม(เพื่อ)ไทยอ้างชาติ”


เรื่องจริงหรือฝัน ทำบรรดาแม่ยก แทบไม่เชื่อสายตา ว่า “ขิง เอกนัฏ” คีย์แมน รทสช.ต้องยอมทำเพื่อชาติ ประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เคลียร์ประเด็นคุณสมบัติคนเคยมีคดี ก่อนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแบบใส ๆ ภายใต้การนำของ “คนชินวัตร” ลั่นในใจไม่ลบ ไม่เคยลืมอดีต ก่อนยก


วาทะเด็ด “ต้องทำงานโดยคิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก ถ้าคิดถึงบ้านเมือง ก็ทำงานร่วมกันได้” ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง เร่งโชว์ผลงานเดินเครื่องกวาดล้างโรงงานเถื่อน สารเคมีอันตราย ให้เข้าตาประชาชน


น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฉายา “จิราพอ(ล)”


จาก สส.รุ่นใหม่ดาวเด่นในสภา พูดจาฉะฉาน ถูกคาดหวังจะเฉิดฉายเมื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ช่วยปรับโฉมงานของรัฐบาล เพราะคุมทั้งสื่อรัฐ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ. ) แต่งานกลับเดินไปเนิบ ๆ 


สังคมมาถึงบางอ้อว่า รมต.น้ำ นั่งคุม สคบ.จากคดีดัง “ดิไอคอน กรุ๊ป” และ “บอสพอล” ถึงได้จังหวะโชว์ผลงาน ทั้งที่ขึ้นชั้น รมต.มาตั้งแต่ปลายรัฐบาลเศรษฐา จนถูกตั้งคำถามเรื่องการทำงาน ขึ้นปีใหม่จะเร่งเครื่องไปต่อ หรือพอใจจะทำงานเงียบ ๆ แบบสโลว์ไลฟ์


กลุ่ม “รมต.โลกลืม”


นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์

พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช. พาณิชย์


ทั้ง 3 คน มีบทบาท ได้คุมกระทรวงเกรด A ทั้งเรื่องการค้าและการศึกษา ผ่านเก้าอี้ รมต.ที่เป็นประตูปูทาง สร้างงานให้โดดเด่นได้ แต่ผลงาน 3 เดือนในรัฐบาล กลับไม่เปรี้ยงแต่เงียบกริบ จนประชาชนเรียกหาให้สตาร์ตเครื่อง ตีปี๊บผลงาน รับศักราชใหม่ สลัดครหารัฐมนตรีโลกลืม


วาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้”


น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการลงพื้นติดตามการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2567 ซึ่งถูกตั้งคำถามจากสังคม เปรียบเทียบการลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟูภาคเหนือของนายกฯแต่อาจละเลยพี่น้องภาคใต้ ที่ถูกน้ำท่วม


นายกฯ ชี้แจงย้ำหนักแน่น ไม่ได้ละเลยคนใต้ ด้วยประโยคว่า “โอ้ คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ แต่งงานคนใต้ไม่ได้นะคะ” ยืนยันคำตอบจากใจ ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับประชาชนภาคใด เพราะเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ฉายารัฐบาล #นายกฯแพทองธาร

"กานต์ กัลป์ตินันท์" ประกาศชัยชนะ รักษาเก้าอี้นายก อบจ.อุบลฯ ไว้ได้ เชื่อ ได้แรงหนุนจาก ทักษิณ

 


"กานต์ กัลป์ตินันท์" ประกาศชัยชนะ รักษาเก้าอี้นายก อบจ.อุบลฯ ไว้ได้ เชื่อ ได้แรงหนุนจาก ทักษิณ

 

ค่ำวานนี้ (22 ธันวาคม 2567) ที่สำนักงานเกรียง กัลป์ตินันท์ ถ.บูรพาใน ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ มอบพวงมาลัยดาวเรืองให้ น้องชาย นายกานต์ กัลป์ตินันท์ น้องชาย ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย เบอร์ 1 เพื่อแสดงความยินดีในการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี พร้อมเสียงเฮจากผู้สนับสนุนที่มาร่วมลุ้นการนับคะแนน ทำให้กลับมาดำรงตำแหน่งพัฒนาเมืองอุบลราชธานี สานต่องานเก่าอีกครั้งหนึ่ง

 

นายกรียง ให้สัมภาษณ์บอกว่าดีใจ ทีมทำงานก็ดีใจทุกคน อุบลราชธานีเป็นพื้นที่กว้างคณะทำงานของเรายังเข้ามากันไม่ครบ หากได้รับชัยชนะก็จะสานต่อนโยบายเดิมที่ทำแล้วแต่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย

 

นายเกรียง กล่าวอีกว่า การที่ท่านทักษิณ มาช่วยหาเสียงขอร้องกับทางพี่น้องประชาชนให้ช่วย และส่วนหนึ่งมาจากผลงานของ นายกานต์ ที่ทำงานมา 4 ปี โดยขณะนี้ยังคงประกาศชัยชนะยังไม่ได้ ต้องรอคะแนนอย่างเป็นทางการ ตอนนี้จะชูมือยังไม่กล้าเลย เพราะว่ามันต้องรอผลคะแนนจาก กกต. ก่อน แต่ตอนนี้เรามาแสดงความยินดีเป็นการภายใน ตอนนี้นับคะแนนไปแล้ว 60% อยู่ที่ 2.8 แสนคะแนน ซึ่งหลังจากนับคะแนนครบ 100% ก็น่าจะได้มากกว่านี้ และมากว่าเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเท่าที่ประสานกันภายใน น่าจะได้มาอีก 6 หมื่นเศษคะแนน

 

โดยจากการที่อดีตนายกทักษิณ มาพบปะประชาชนชาวอุบลราชธานี ทำสร้างความมั่นใจกับพี่น้องมาก็ยิ่งขึ้น ประกอบผลงานของนายกานต์ กัลป์ตินันท์ ที่มีผลงานการพัฒนาของตัวเองและนโยบายของพรรคเพื่อไทย ช่วงที่รณรงค์หาเสียงประชาชนมาถามนโยบายของรัฐบาล อาทิ เงิน 10,000 บาท เยียวยาเกษตรกรชาวนาไร่ละ 1,000 บาท รวมถึงนโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ ของพวกนี้ล้วนแล้วแต่พี่น้องประชาชนรอ อีกทั้งในนโยบายของนายกานต์ ก็กำหนดไว้ชัดเจนว่าจะประสานนโยบายของรัฐบาลสู่พี่น้องประชาชน ที่สำคัญท่านทักษิณมาช่วย พวกเราเสื้อแดงในอุบลฯมีกำลังใจ หลังจากที่ท่านทักษิณมา กระแสตีตื้นจนมีชัยชนะในวันนี้ นายเกรียงกล่าวไว้ข้างต้นในครั้งนี้

 

ด้าน นายกานต์ กล่าวขอบคุณคณะทำงาน ที่ช่วยผลักดันและสนับสนุน พวกเราทำงานมาตลอด 4 ปี ที่ผ่านมา รู้สึกภูมิใจที่ชาวอุบลราชธานีให้ความสำคัญกับการทำงานของพวกตนมาโดยตลอด ขณะที่คำถามเรื่องคะแนนทิ้งห่างอันดับ 2 อยู่พอสมควรนั้น นายกานต์ ระบุว่า ตนเองมีความมั่นใจมากว่าทำงานกับพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด 4 ปี เมื่อมีการเลือกตั้งก็ลงพื้นที่พบปะและให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชนโดยตลอด พร้อมย้ำว่า มีความมั่นใจจากประชาชนทุกคนว่า จะช่วยสนับสนุนให้เราได้ทำงานต่อ ภายหลังให้สัมภาษณ์นายเกรียง ได้ชูมือนายกานต์ พร้อมเสียงเฮ ด้วยความดีใจของผู้สนับสนุน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #อบจอุบล

วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2567

‘ปชน.’ น้อมรับความพ่ายแพ้ เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี ‘พิจารณ์’ ยันพรรคไม่ท้อ พร้อมทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ‘สิทธิพล’ ย้ำ ยังทำงานตามที่พรรคมอบหมายต่อ

 


‘ปชน.’ น้อมรับความพ่ายแพ้ เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี ‘พิจารณ์’ ยันพรรคไม่ท้อ พร้อมทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ‘สิทธิพล’ ย้ำ ยังทำงานตามที่พรรคมอบหมายต่อ


วันนี้ (22 ธ.ค. 67) เวลา 19.45 น. ที่โรงแรมเนวาด้า จังหวัด อุบลราชธานี พรรคประชาชน นำโดย นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรคประชาชน, นายคำพอง เทพาคำ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน และนายสิทธิพล เลาหะวนิช ผู้สมัครจากพรรคประชาชน ร่วมแถลงข่าวผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารราชการส่วนจังหวัด (อบจ.) อุบลราชธานี ยังไม่เป็นทางการ


โดยนายพิจารณ์ กล่าวว่า แม้พรรคประชาชนจะไม่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดจากพี่น้องชาวอุบลราชธานี แต่เรายังเห็นสัญญาณจากผลการเลือกตั้งที่นับไปแล้วกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคาดว่าพรรคประชาชนน่าจะได้รับความไว้วางใจมากยิ่งขึ้น จากการเลือกตั้งในปี 63 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เรายังหวังว่าผู้สมัครที่ได้รับความไว้วางใจ และชนะการเลือกตั้ง จะหยิบยกเอานโยบายที่พวกเราได้นำเสนอต่อประชาชน หากเห็นว่านโยบายใดเป็นนโยบายที่ดี สามารถตอบโจทย์ หรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ เราก็ไม่สงวน และยินดีที่อยากจะให้ผู้สมัครที่ได้รับความไว้วางใจ นำนโยบายไปดำเนินการต่อไป


“ส่วนการทำงานในระดับภาพใหญ่ ในวันที่ 23 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ จะมีการเปิดรับสมัครนายก อบจ.ในหลายจังหวัด ซึ่งพรรคประชาชนพร้อมที่จะส่งผู้สมัครทั้งหมด 17 จังหวัด และในอีก 40 จังหวัดที่ไม่มีผู้สมัครนายก อบจ. แต่จะยังมี ส.อบจ. ลงสมัคร จึงขอให้พี่น้องประชาชน ร่วมติดตามและสนับสนุน ยืนยันว่า เราไม่ย่อท้อ และจะยังคงทำงานบนเส้นทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมาต่อไป” นายพิจารณ์ ระบุ


ขณะที่นายสิทธิพล กล่าวว่า วันนี้ต้องขอขอบคุณทุกคะแนนเสียง ของพี่น้องคนอุบลราชธานี ที่ไว้วางใจลงคะแนนเสียงให้พรรคประชาชน ถึงตอนนี้ดูแล้วคะแนนอาจจะยังไม่มากพอ ไม่ได้รับเลือกเข้าไปบริหาร อบจ. ตนเองในนามผู้สมัครจะทำงานภาคประชาชน ร่วมกับพรรคประชาชน รับฟังปัญหาพี่น้องประชาชนคนอุบลราชธานีต่อไป ส่วนจะอยู่ในตำแหน่ง หรือจุดไหน ก็ต้องแล้วแต่พรรคประชาชน จะให้ทำงาน ซึ่งตนก็พร้อมทำงานเพื่อคนอุบลต่อไป


ด้านนายคำพอง กล่าวว่า วันนี้เราได้เตรียมการโดยเฉพาะการเลือกตั้งท้องถิ่น สำหรับ อบจ.อุบลราชธานี เราเตรียมการมาแล้ว 4 ปี และได้ทำตามนโยบายตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ ว่าเราจะส่งเสริมสนับสนุนสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในท้องถิ่น และส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง


นายคำพอง กล่าวต่อว่า ตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เราได้มีการสรรหาผู้ลงสมัครเลือกตั้ง จนได้นายสิทธิพล และทีมงานที่อาสาเข้ามาช่วยลงพื้นที่ รวมถึงการทำนโยบายตามความต้องการ ศักยภาพ และปัญหาของพี่น้องชาวอุบลราชธานี แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ในการใช้นโยบายเอาชนะใจของประชาชนชาวอุบลเสียงส่วนมาก แต่เรายังคงมุ่งมั่นเดินหน้าขยายงานทำเรื่องท้องถิ่น เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อไป


เมื่อถามว่า มองสัดส่วนของคะแนนเป็นอย่างไร นายพิจารณ์ ระบุว่า ไม่แน่ใจว่าในจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 1.4 ล้านเสียง จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เท่าใด ถ้าดูจากสัดส่วนผลการนับคะแนนของผู้สมัครทั้ง 4 ท่าน จะพบว่าคะแนนของ นายสิทธิพล อยู่ที่ประมาณ 15% ของผู้ใช้สิทธิ์ทั้งหมด ซึ่งหากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างใกล้เคียงกับการเลือกตั้งทั่วไปปี 2563 ก็เชื่อว่าคะแนนของ นายสิทธิพล จะอยู่ที่ประมาณ 1-1.2 แสนคะแนน หรือมากกว่านั้น


นายพิจารณ์ ยืนยันว่า พรรคประชาชนพร้อมที่จะส่งผู้สมัครทั้งหมด 17 จังหวัด ในสนามนายก อบจ. และ 40 จังหวัดที่ส่งเฉพาะ ส.อบจ. มีการคัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณภาพ นายสิทธิพล ก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับการคัดเลือก ดังนั้น ทุกสนามเราก็มีความมั่นใจและสู้เต็มที่ แต่ในการเลือกตั้ง ไม่มีใครเป็นเจ้าของเสียงของประชาชน เราก็ต้องแข่งขันกันด้วยนโยบาย ด้วยการทำงานหนัก แล้วเราจะต้องทำงานหนักยิ่งขึ้นไปอีกใน 17 จังหวัดที่เหลืออยู่


นายพิจารณ์ ยังมองว่า สำหรับการเลือกตั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นยังมีความแตกต่างกันอยู่ จะเห็นได้ว่าคะแนนในการเลือกตั้งปี 2563 ของพรรคในจังหวัดอุบลราชธานีค่อนข้างสูง เทียบกับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น การเลือกตั้งระดับชาติจะสะท้อนผ่านการทำงานของ สส. พรรคประชาชนในสภา การเสนอกฎหมาย อภิปราย และการตรวจสอบรัฐบาล เป็นสิ่งที่เข้มงวดมาตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล จนถึงพรรคประชาชน ในลักษณะของฝ่ายค้านเชิงรุก คือเป็นฝ่ายค้านที่มีข้อเสนอแนะต่อฝ่ายบริหาร เชื่อว่าการทำงานที่เน้นข้อมูลแบบนี้จะยังได้รับความไว้วางใจจากประชาชนทั้งให้การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ


ส่วนการลงพื้นที่ของผู้ช่วยหาเสียงจากแต่ละพรรคการเมืองจะมีผลต่อคะแนนเลือกตั้งหรือไม่นั้น นายพิจารณ์ เชื่อว่า ทั้งการลงพื้นที่ของแกนนำพรรค รวมถึงผู้ช่วยหาเสียงของแต่ละพรรค ลงกันมาเยอะๆ ยิ่งดี จะได้มีกระแสให้ประชาชนมาสนใจ เพราะบางครั้งการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ผู้ออกมาใช้สิทธิ์จะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งระดับชาติ มองว่ายิ่งมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นโอกาสให้พรรคประชาชนที่จะได้รับความไว้วางใจมากยิ่งขึ้น


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อบจอุบล #พรรคประชาชน






เลขา กกต. ตรวจความเรียบร้อยหน่วยเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลราชธานี แจ้งการหาเสียงมีเรื่องร้องเรียนแล้ว 3 เรื่อง เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่มาช่วยหาเสียง คาดรู้ผล 4 ทุ่ม

 



เลขา กกต. ตรวจความเรียบร้อยหน่วยเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลราชธานี แจ้งการหาเสียงมีเรื่องร้องเรียนแล้ว 3 เรื่อง เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่มาช่วยหาเสียง คาดรู้ผล 4 ทุ่ม


วันนี้ (22 ธ.ค. 67) ตามที่จังหวัดอุบลราชธานี มีการจัดเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี โดยตั้งแต่ช่วงเช้า หลังเปิดหีบเวลา 08.00 น. มีประชาชนทยอยเดินทางออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เดินทางเข้าสังเกตการณ์ความพร้อมในการจัดเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุบลราชธานี ที่วัดทุ่งศรีเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี ประวิทย์ ก้อนทองดี ผู้อำนวยการสำนักงาน กกต. ประจำจังหวัดอุบลราชธานี, ว่าที่ พ.ต. อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และคณะให้การต้อนรับ


นายแสวงกล่าวกับสื่อมวลชนว่า วันนี้มีการเลือกตั้งนายก อบจ. 2 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานีและอุตรดิตถ์ พร้อมเชิญชวนผู้มีสิทธิออกมาเลือกตั้งผู้แทนให้มากที่สุด สำหรับคืนที่ผ่านมายังไม่มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ป้องปรามในพื้นที่ว่ามีการกระทำผิดการเลือกตั้ง พร้อมกล่าวถึงภาพรวมถึงการเลือกตั้งนายก อบจ. ในทุกจังหวัดที่ผ่านมา ว่าได้รับความร่วมมือจากผู้สมัครเป็นอย่างดี และหาเสียงอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย


นายแสวงระบุว่า สำหรับจังหวัดอุบลราชธานีมีหน่วยการเลือกตั้งทั้งสิ้น 3,022 หน่วย มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1.4 ล้านคน จะสามารถดำเนินการเปิดหน่วยได้อย่างเรียบร้อย และมีการอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน โดยมีลูกเสืออาสา กกต. ร่วมปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้วย 


ทั้งนี้ นายแสวงคาดว่าไม่เกิน 22.00 น. น่าจะพอทราบว่าใครจะเป็นผู้ชนะ หากการแข่งขันไม่ได้สูสีจนเกินไป


นายแสวงระบุเพิ่มเติมว่า นายก อบจ. และ ส.อบจ. ทั่วประเทศ เพิ่งครบวาระไปเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดประกาศวันรับสมัครและวันเลือกตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าการรับสมัครในวันที่ 23-27 ธันวาคมนี้ จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย


สำหรับเรื่องร้องเรียนการสมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี นายแสวงระบุว่า มีเข้ามาแล้ว 3 เรื่อง โดยการเลือกตั้งที่อุตรดิตถ์ยังไม่มี ถ้าจะเอาจำนวนเรื่องร้องเรียนชี้วัดการหาเสียงเรียบร้อยหรือไม่ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ อย่างกรณีเรื่องร้องเรียนที่อุบลราชธานี 3 เรื่อง ล้วนเป็นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคนมาช่วยหาเสียง ไม่ใช่เรื่องความรุนแรงของการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องไปทำให้การเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่ทำให้บรรยากาศในการเลือกตั้งเสียไป เพราะมีคนมาช่วยหาเสียงอีกฝั่งเห็นว่าถูกกฎหมายหรือไม่ จึงเอาข้อมูลมาร้องเรียน


สำหรับจังหวัดอุบลราชธานี มีผู้มีสิทธิออกเสียง 1,470,000 คน มีหน่วยเลือกตั้งทั้งสิ้น 3,022 หน่วยในพื้นที่ 25 อำเภอ กกต.ตั้งเป้าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิลงคะแนนร้อยละ 65 % เนื่องจากเป็นช่วงใกล้ปีใหม่ ผู้มีสิทธิที่ไปทำงานอยู่ต่างจังหวัดจะยังไม่เดินทางกลับมา เพราะจะรอกลับมาในช่วงปีใหม่ที่เดียว จึงขอเชิญชวนผู้มีสิทธิที่อยู่ในพื้นที่ออกมาใช้สิทธิลงคะแนนกันมากขึ้นด้วย


ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี 4 หมายเลข คือ หมายเลข 1 นายกานต์ กัลป์ตินันท์ พรรคเพื่อไทย หมายเลข 2 นายสิทธิพล เลาหะวนิช พรรคประชาชน หมายเลข 3 นางจิตวรรณ หวังศุภกิจโกศล ผู้สมัครอิสระ และหมายเลขที่ 4 นายอธิปไตย คุ้ยศรีมงคล ผู้สมัครอิสระ ได้ออกไปลงคะแนนตามหน่วยตั้งตามภูมิลำเนาที่อยู่แล้ว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อบจอุบล

#กกต

วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2567

‘ทิม-เท้ง’ ปิดการช่วยหาเสียง ที่ศาลหลักเมืองอุบลราชธานี ย้ำ คนอุบลอยากเปลี่ยนแปลงทั้งทีต้องเปลี่ยนให้สุดทาง

 


‘ทิม-เท้ง’ ปิดการช่วยหาเสียง ที่ศาลหลักเมืองอุบลราชธานี ย้ำ คนอุบลอยากเปลี่ยนแปลงทั้งทีต้องเปลี่ยนให้สุดทาง


วันนี้ (21 ธ.ค. 67) ช่วงเช้า ที่ จ.อุบลราชธานี พรรคประชาชน ดาวกระจายหาเสียงเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลราชธานี โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ลงพื้นที่ตลาดบ้านดู่ จากนั้นไปปราศรัยที่ วัดดงบังใต้ อ.ดอนมดแดง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ลงพื้นที่อ.พิบูลมังสาหาร โดยใช้วิธีเดินเท้าตามบ้านและร้านค้าพบปะประชาชน


จากนั้นเวลา 14.00 น. นายพิธาและนายณัฐพงษ์ ร่วมขึ้นรถแห่รอบ อ.เมือง โดยนายพิธา เชิญชวนให้ชาวอุบลราชธานีออกไปใช้สิทธิ์ใช้เสียง โดยเฉพาะผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก อยากให้มาใช้สิทธิ์กันเยอะ ๆ ผู้ใช้สิทธิ์กลุ่มนี้เป็นหัวคะแนนธรรมชาติ โดยย้ำว่า คนอุบลอยากจะเปลี่ยนทั้งที เปลี่ยนให้สุดทาง 


วันที่ 22 นี้ฝากอนาคตลูกหลานท่านไว้กับ เบอร์ 2 สิทธิพล เป็นนายก อบจ. คนต่อไปของชาวอุบลทุกคน นายพิธาทิ้งท้าย 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #อบจอุบล 






ตลาดแตก! “พิธา” ขึ้นเวทีปราศรัยตลาดเจริญศรี อ.วารินฯ ช่วย สิทธิพล ชิงนายก อบจ.อุบลฯ ปลุก! คนอุบลอยากจะเปลี่ยนทั้งที ต้องเปลี่ยนให้สุดทาง ขอชาวอุบลเลือกเพื่ออนาคตของลูกหลาน เพื่ออนาคตของอุบลราชธานี

 


ตลาดแตก! “พิธา” ขึ้นเวทีปราศรัยตลาดเจริญศรี อ.วารินฯ ช่วย สิทธิพล ชิงนายก อบจ.อุบลฯ ปลุก! คนอุบลอยากจะเปลี่ยนทั้งที ต้องเปลี่ยนให้สุดทาง ขอชาวอุบลเลือกเพื่ออนาคตของลูกหลาน เพื่ออนาคตของอุบลราชธานี


วันที่ (20 ธ.ค. 67) เวลา18.00 น. ที่ตลาดเจริญศรี อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มีการจัดปราศรัยจากพรรคประชาชน เพื่อช่วยหาเสียงให้ นายสิทธิพล เลาหะวนิช ผู้สมัครนายก อบจ.อุบลราชธานี โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ช่วยหาเสียง พร้อมนายอภิชาติ ศิริสุนทร อดีตเลขาธิการพรรคก้าวไกล, ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์ ผู้ช่วยหาเสียง และนายสิทธิพล เลาหะวนิช ผู้สมัครนายก อบจ.อุบลราชธานี ร่วมปราศรัย


นายพิธา ระบุว่า เลือกตั้งครั้งนี้เลือกเพื่ออนาคตของลูกหลานเรา ไม่ใช่ แค่ตัวเรา


โดยเชื่ออย่างแรงกล้าว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ คำถามที่เหลืออยู่คือเราจะเปลี่ยนไปในทางไหน ผมอยากขอให้พี่น้องชาวอุบลลองเปลี่ยนมุมมองจาก “การเลือกเพื่อตัวเอง เป็นการเลือกเพื่ออนาคตของลูกหลานของเรา”


นายพิธา ระบุด้วยว่า ตัวเองเกิดปี 2523 และได้เลือกตั้งครั้งแรกในปี 2541 หากผู้นำที่เราเลือกตั้งมาตั้งแต่ปี 2541 ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงจริง วันนี้อุบลคงพัฒนาไปไกลกว่านี้ เลือกแบบเก่า จะหวังแบบใหม่ คงเป็นไปได้ยาก


ดังนั้น คำถามสำคัญคือ คนอุบลจะเปลี่ยนอย่างไร? ผมอยากขอให้ทุกท่านเปลี่ยนวิธีคิด เลือกด้วยหัวใจ เลือกเพื่ออนาคตของลูกหลาน เลือกเพื่ออนาคตของอุบลราชธานี


โดยเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม และไม่มีใครมาดูถูกศักดิ์ศรีของคนอุบลด้วยการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เงิน 100, 200 หรือ 300 บาท ไม่ควรค่าแก่การซื้ออนาคตของลูกหลานเรา


ลองคิดดูนะครับ เงิน 300 บาท เท่ากับ 1 บาทต่อวันในหนึ่งปี และถ้าผู้นำคนนั้นอยู่ในตำแหน่ง 4 ปี เท่ากับว่าอนาคตลูกหลานของเรามีค่าเพียงแค่”“หนึ่งสลึง“เท่านั้นเอง


อนาคตลูกหลานเรา มีค่าแค่ หนึ่งสลึง จริงๆเหรอ?


อนาคตของลูกหลานเรามีค่ามากกว่านั้น! การเลือกครั้งนี้คือโอกาสสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง เลือกคนที่พร้อมสร้างอนาคต เลือกคนที่เห็นคุณค่าของศักดิ์ศรีของชาวอุบล


คนอุบลอยากจะเปลี่ยนทั้งที เปลี่ยนให้สุดทาง 


วันที่ 22 นี้ฝากอนาคตลูกหลานท่านไว้กับ #เบอร์2 สิทธิพล เป็นนายก อบจ คนต่อไปของทุกท่าน


โดยหลังจากนายพิธาปราศรัยเสร็จ ประชาชนได้ตั้งแถวเป็นสองแถว ให้นายพิธาได้เดินพบปะประชาชนและเข้าไปยังในตลาด โดยได้รับการตอบรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ซึ่งนายพิธาได้แวะซื้อส้มตำ ไก่ย่าง และใช้โทรโข่งเดินขอคะแนนเสียงให้นายสิทธิพล ท่ามกลางประชาชนที่เข้ามาถ่ายรูปจนถึงเวลา 20:00 น นายพิธาได้เดินทางกลับ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #อบจอุบล






วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2567

นายกฯ ลงพื้นที่ จ.มหาสารคาม ติดตามการ “แก้น้ำแล้ง - น้ำท่วม - หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน (ODOS) โครงการ SML“ และเปิดงาน “ออนซอนกลองยาวชาววาปี ของดีพื้นบ้าน สืบสานตำนานเมืองวาปีปทุม 142 ปี”

 


นายกฯ ลงพื้นที่ จ.มหาสารคาม ติดตามการ “แก้น้ำแล้ง - น้ำท่วม - หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน (ODOS) โครงการ SML“ และเปิดงาน “ออนซอนกลองยาวชาววาปี ของดีพื้นบ้าน สืบสานตำนานเมืองวาปีปทุม 142 ปี”


วันนี้ (20 ธันวาคม 2567) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ไปท่าอากาศยานนานา ขอนแก่น และเดินทางต่อไป จ.มหาสารคาม ลงพื้นตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาอุทกภัยลุ่มน้ำชี และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ที่ประตูระบายน้ำห้วยน้ำเค็ม (DM) ต.ยางท่าแจ้ง อ.โกสุมพิสัย โดยรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินการ 4 โครงการ และให้นโยบายการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและปัญหาอุทกภัยอย่างเป็นรูปธรรมพร้อมชมพื้นที่เกษตรกรรม แปลงนา และพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากการแก้ไขและพัฒนาจากนาปรัง


จากนั้น ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี เดินทางไปที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม อ.เมือง จ.มหาสารคาม ติดตามการดำเนินงานโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน (ODOS) และติดตามโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) ที่อาคารสถาบันขงจื่อ และเยี่ยมชมบูธกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัย ที่เป็นโครงการสำคัญในนโยบายของรัฐบาล พร้อมกับรับฟังปัญหา และแนวทางดำเนินการและเป้าหมาย ที่จะทำให้โครงการประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่ภาคอีสาน และในภาคอื่นต่อไป


จากนั้น นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ”ออนซอนกลองยาวชาววาปี ของดีพื้นบ้าน สืบสานตำนานเมืองวาปีปทุม 142 ปี” ที่หน้าอ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และการสนับสนุนประเพณีของไทยในภาคอีสาน ที่จะจัดในช่วงเดือนธ.ค.เพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม และประเพณีท้องถิ่น เป็นความภูมิใจของคนในท้องถิ่น และสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และจะทำให้นักท่องเที่ยวนักธุรกิจนักลงทุนให้ความสนใจมากยิ่งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล ที่เร่งผลักดันในการสร้างวัฒนธรรมประเพณีของไทยให้มีมูลค่าในการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นายกฯแพทองธาร




พรรคประชาชน ชี้แจงกรณีสื่อรายงานข่าวบุกจับ ผอ.พรรคประชาชน ปราจีนฯ แจงคนในข่าวเป็นเพียงสมาชิกพรรค ไม่ได้เป็น ผอ.พรรคประชาชน ประจำจังหวัดปราจีนฯ ไม่ได้เป็นผู้ช่วย สส. และไม่ได้เป็น ผอ.เลือกตั้งท้องถิ่นประจำจังหวัดปราจีนฯ

 


พรรคประชาชน ชี้แจงกรณีสื่อรายงานข่าวบุกจับ ผอ.พรรคประชาชน ปราจีนฯ แจงคนในข่าวเป็นเพียงสมาชิกพรรค ไม่ได้เป็น ผอ.พรรคประชาชน ประจำจังหวัดปราจีนฯ ไม่ได้เป็นผู้ช่วย สส. และไม่ได้เป็น ผอ.เลือกตั้งท้องถิ่นประจำจังหวัดปราจีนฯ


จากกรณีตำรวจภูธรภาค 2 ชุดขยายผล “กวาดล้างผู้มีอิทธิพลใน จ.ปราจีนบุรี” บุกค้นจับกุมบ้านผู้ต้องสงสัยพบอาวุธปืนเถื่อน พร้อมเครื่องกระสุน โดยช่วงเย็นของวันที่ 19 ธันวาคม 267 สื่อมีการรายงานข่าวว่าผู้ต้องสงสัยดังกล่าวคือ นายสุเมธ ผู้อำนวยการพรรคประชาชน ประจำจังหวัดปราจีนบุรี


โดยพ.ต.อ.สุรพร เทพเสน ผกก.สภ.ระเบาะไผ่ เปิดเผยว่า ตำรวจภูธรภาค 2 ได้รับคำสั่งกวาดล้างผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี สืบเนื่องจากคดี นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ โกทร นายก อบจ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาในคดี การเสียชีวิตของ นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ ส.จ.โต้ง พบอาวุธปืน 5 กระบอก เป็นปืนที่ไม่มีใบอนุญาต 2 กระบอก และเครื่องกระสุนหลายร้อยนัด และอีก 3 กระบอก เจ้าหน้าได้ยึดไปตรวจสอบ โดยจะมีการดำเนินคดีข้อหาพกอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝากขังต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรีต่อไป


ล่าสุด ช่วงดึกวันที่ 19 ธันวาคม ทีมสื่อพรรคประชาชน ได้ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า


ตามที่สื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวกรณีสมาชิกพรรคประชาชน จ.ปราจีนบุรี ถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับอาวุธปืน พรรคประชาชนขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้


1. บุคคลที่ถูกดำเนินคดี เป็นสมาชิกพรรคประชาชน แต่ไม่ใช่ผู้อำนวยการพรรคประจำจังหวัด ตามที่มีการเผยแพร่ข่าว เนื่องจากพรรคไม่มีตำแหน่งดังกล่าวตามโครงสร้างพรรค


2. บุคคลดังกล่าว ไม่มีสถานะเป็นผู้ช่วย สส. ตามที่มีการเผยแพร่ข่าว


3. บุคคลดังกล่าวไม่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งท้องถิ่น จ.ปราจีนบุรี ตามที่มีการเผยแพร่ข่าว


4. กรณีที่บุคคลดังกล่าวมีข้อพิพาทกับ สส.วุฒิพงษ์ ทองเหลา โดยถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์โรงงานกำจัดขยะนั้น ขณะนี้คดีเป็นที่สิ้นสุดแล้ว โดย สส.วุฒิพงษ์ ทองเหลา กล่าวขอโทษต่อบุคคลดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย


5. สำหรับการตรวจสอบอาวุธปืนที่พบนั้น ได้มีการนำหลักฐานทางทะเบียนชี้แจงต่อตำรวจเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นปืนมีทะเบียนทุกกระบอก แต่มี 3 กระบอกที่เป็นการครอบครองผิดมือ ซึ่งเป็นปืนที่มีทะเบียนของพ่อ พี่ชาย และเพื่อน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส๋ 

#พรรคประชาชน #ปราจีนบุรี

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2567

จม.แดน 4 ฉบับวันที่ 18 ธ.ค. 67 “อานนท์” เขียนถึงลูก “ความอยุติธรรมก็ไม่อาจทำลายความฝันของพ่อได้ อาจบางทีแค่ฝันก็เป็นสุขใจยิ่ง จินตนาการ การให้ทนายยื่นประกันตัวในห้วงเวลานี้จึงเหมือนการระบายสีความฝันให้สมจริงขึ้นเท่านั้น

 


จม.แดน 4 ฉบับวันที่ 18 ธ.ค. 67 “อานนท์” เขียนถึงลูก “ความอยุติธรรมก็ไม่อาจทำลายความฝันของพ่อได้ อาจบางทีแค่ฝันก็เป็นสุขใจยิ่ง จินตนาการ การให้ทนายยื่นประกันตัวในห้วงเวลานี้จึงเหมือนการระบายสีความฝันให้สมจริงขึ้นเท่านั้น


วันที่ 19 ธันวาคม 2567 เพจ “อานนท์ นำภา” โพสต์จดหมายจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และข้อความในจดหมายฉบับลงวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ระบุว่า


จดหมายฉบับลงวันที่ 18 ธ.ค. 2567


อาจบางทีความฝันหรือจินตนาการก็งดงามกว่าความจริงหรือความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นจริง การไม่อาจแยกแยะหรือบางห้วงเวลาที่จินตนาการหรือฝัน งดงามเสียเหลือเกินจนไม่อยากตื่นมาเผชิญกับความจริวง ก็ทำให้เป็นสุขใจยิ่งนัก


18 ธันวาคม 2567 ถึงปราณและขาล ลูกรักทั้งสอง


พ่อได้แจ้งกับทนายความของพ่อว่าพรุ่งนี้หลังจากฟังคำพิพากษาคดี 112 อีกคดีจบ ซึ่งผลของคดีคงคาดเดาได้ไม่ยาก โทษจำคุกรวมของพ่อคงเพิ่มขึ้นมาอีกราว ๆ 20 ปี พ่อขอให้ทนายความยื่นประกันตัวพ่ออีกครั้งในทุกคดี ความจริงหรือความเป็นไปได้ที่ศาลจะให้ประกันตัวพ่อคงเท่ากับศูนย์ ในภาวะที่บ้านเมืองป่วยไข้ การคาดหวังอะไรลม ๆแล้ง ๆ ยังมีความเป็นไปได้เสียกว่า อย่างไรก็ตามความอยุติธรรมก็ไม่อาจทำลายความฝันหรือจินตนาการ(ที่ไม่อาจเป็นจริง)ของพ่อได้ การให้ทนายยื่นประกันตัวในห้วงเวลานี้จึงเหมือนหรือเป็นเพียงการระบายสีความฝันให้สมจริงขึ้นเท่านั้น เป็นความสุขใจเล็ก ๆ ของพ่อที่หลายคนอาจไม่เข้าใจ แต่ย่อมมีคนเข้าใจ


พ่อฝัน (เพ้อฝัน) ว่า ในวันที่ 19 หลังจากที่ศาลอาญาพิพากษาลงโทษพ่อ ทีมทนายจะยื่นประกันแล้วศาลคงสั่งคำร้องไปที่ศาลอุทธรณ์เพื่อให้ศาลอุทธรณ์สั่ง ซึ่งก็คงยกคำร้อง พอถึงวันจันทร์ก็ให้ทนายยื่นฎีกา ระหว่างนี้พ่อคงอยู่ระหว่างเดินทางด้วยรถเรือนจำจากกรุงเทพถึงเชียงใหม่เพื่อสืบพยานคดี 112 ในวันที่ 24-25 ในเย็นวันที่ 25 ศาลฎีกาให้ประกันตัวพ่อและปล่อยตัวที่เชียงใหม่ เย็ยวันนั้นเราจะปิดร้านสุดสะแนนฉลอง! 


ลมหนาว ดาวเต็มฟ้า มิตรสหายพร้อมหน้าดื่มกินกัน บอกเล่าเรื่องราวกันอย่างสนุกสนาน พี่พรคงมากับพี่วัฒนา พี่ภัคกับพี่นกคงเมาแอ๋ทั้งสอง พี่เป็ดคงต้องเมาจนให้แฟนขับรถให้ แน่นอนว่าอ.ชำนาญคงหิ้วไวน์ดีๆมร่วมฉลอง โชคดีคงได้เจอพี่มิตร อาจารย์สงกรานต์และอีกหลายๆคน ดื่มกินอย่างสำราญแล้วกลับไปนอนที่โรงแรมริเวอร์อาร์ตโฮเต็ลที่คุ้นเคย ภาวนาให้ตื่นลืมตาเป็นเตียงนุ่ม ๆของโรงแรม มิใช่ห้องขังของเรือนจำเชียงใหม่เพื่อรอการส่งตัวกลับกรุงเทพฯ, อาจบางทีแค่ฝันก็เป็นสุขใจยิ่ง 


รักและคิดถึงทุกคน

อานนท์ นำภา


ปล. หวังว่าทนายอาร์ต ภารโรง จะมาเป็นสปอนเซอร์ที่ร้านสุดสะแนน อิอิ


สำหรับ อานนท์ นำภา ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ภายหลังศาลอาญาพิพากษาจำคุก 4 ปี ปรับเป็นเงิน 20,000 บาท โดยไม่รอลงอาญา ในคดี #มาตรา112 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 เหตุจากการขึ้นปราศรัยใน #ม็อบ14ตุลา63


จากนั้น 17 ม.ค. 67 ศาลอาญาสั่งจำคุก "อานนท์ นำภา" เพิ่มอีก 4 ปี จากคดีมาตรา 112 กรณีโพสต์เฟซบุ๊กปี 2564 โดยให้บวกโทษเก่าอีก 4 ทำให้อานนท์มีโทษจำคุกรวมแล้ว 8 ปี


ต่อมา เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2567 เวลา 09.00 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดฟังคำพิพากษาคดีของ อานนท์ นำภา หลังถูกฟ้องใน 4 ข้อกล่าวหา ได้แก่ หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ และ ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุมาจากการปราศรัยถึงข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ในกิจกรรม ‘เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาชน’ หรือ #ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์2 ที่ลานหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2564


โดยศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดทุกข้อหาตามฟ้อง พิพากษาจำคุกรวม 3 ปี 1 เดือน ปรับ 150 บาท ก่อนลดเพราะให้การเป็นประโยชน์ เหลือจำคุก 2 ปี 20 วัน และปรับ 100 บาท


ทำให้รวม 4 คดี อานนท์ถูกลงโทษจำคุกรวมทั้งสิ้น 10 ปี 20 วัน เมื่อรวมกับสองคดีในข้อหามาตรา 112 ที่ศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษจำคุกคดีละ 4 ปี ไปเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2566 และ 17 ม.ค. 2567


โดยเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 นี้ อานนท์ นำภา มีนัดฟังคำสั่งที่ศาลอาญา รัชดา คดีเขียนจดหมายถึงกษัตริย์ โดยศาลอาญาพิพากษาจำเลยผิดตาม #มาตรา112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) ลงโทษจำคุก 3 ปี มีเหตุลดโทษตามมาตรา 78 ลดโทษ 1/3 คงจำคุก 2 ปี นับโทษต่อจากคดีอื่น ทำให้รวมโทษจำคุกอานนท์เป็น 16 ปี 2 เดือน 20 วัน ใน 5 คดี


และวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ที่ศาลอาญา รัชดา มีนัดฟังคำสั่ง ม.112 นับเป็นคดีที่ 6 #แฮรี่พอร์ตเตอร์1 โดยมีคำพิพากษา“ จำคุก 4 ปี ก่อนลดเหลือ 2 ปี 8 เดือน ตามความผิดในข้อหา ม.112 ม.116 แต่ยกฟ้องในข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียง และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ทำให้โทษจำคุกรวมล่าสุด 18 ปี 10 เดือน 20 วัน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อานนท์นำภา #มาตรา112

“ชุติพงศ์” ผิดหวัง นายกฯ-รมว.กลาโหม เทกระทู้ หลังจี้ถามรัฐบาลทำอะไรบ้างเพื่อช่วย 4 ชาวประมงไทยกลับบ้าน ยังไม่ใช้กระบวนการประท้วงเลยด้วยซ้ำ

 


ชุติพงศ์” ผิดหวัง นายกฯ-รมว.กลาโหม เทกระทู้ หลังจี้ถามรัฐบาลทำอะไรบ้างเพื่อช่วย 4 ชาวประมงไทยกลับบ้าน ยังไม่ใช้กระบวนการประท้วงเลยด้วยซ้ำ


วันที่ 19 ธันวาคม 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง เขต 4 พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสดถามนายกรัฐมนตรี กรณีเรือประมงไทยถูกยิงโดยเรือรบเมียนมาบริเวณชายฝั่งทะเลใกล้จังหวัดระนอง ทำให้คนไทยถูกจับตัวไปที่เมียนมา 4 คน และต่อมาศาลเมียนมาตัดสินจำคุกทั้ง 4 คน โดยนายกฯ มอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตอบแทน แต่ รมว.กลาโหม อ้างว่าติดภารกิจสำคัญเร่งด่วน ไม่สามารถมาตอบกระทู้ได้ จึงขอเลื่อนการตอบกระทู้ออกไปก่อน


ทำให้ชุติพงศ์ลุกขึ้นกล่าวว่า รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ตอนนี้ใกล้ปีใหม่ ครอบครัวของคนไทยทั้ง 4 คนที่ถูกจับตัวไปรอฉลองกับครอบครัว รอพ่อกลับมาอยู่กับลูก รอสามีกลับมาอยู่กับภรรยา ตอนแรกนายกฯ บอกว่าพวกเขาจะได้กลับบ้านในวันที่ 6 ธันวาคมเวลาบ่าย 2 โมง แต่สุดท้ายไม่เป็นจริง ครอบครัวของพวกเขาต้องรอเก้อ


นายกฯ ยังบอกอีกว่าได้พยายามเต็มที่แล้ว ใช้กระบวนการประท้วงแล้ว แต่จากการประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ซึ่งตนเป็นเลขานุการ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา หน่วยงานหนึ่งที่มาชี้แจงแจ้งว่ากระบวนการประท้วงโดยกระทรวงการต่างประเทศยังไม่เกิดขึ้น


ตนจึงตั้งคำถามว่าประเทศไทยจะแสดงศักยภาพในการปกป้องประชาชนอย่างไร ทำไมนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่มาตอบ ทั้งที่เวทีสภาเป็นเวทีที่นายกฯ ควรชี้แจงว่าท่านทำอะไรไปแล้วบ้างเพื่อช่วยคนไทยกลับมา จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะนำคนไทยกลับบ้านให้ได้ก่อนปีใหม่ เพราะนี่คือเรื่องสำคัญเร่งด่วนสำหรับพี่น้องชาวไทยจริง ๆ

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #ประชุมสภา #กระทู้สด

“หัวหน้าพรรคปชน.” ไม่หวั่นอิทธิพล ส่งชิงนายก อบจ.ปราจีนบุรี มองไม่ได้น่ากลัวกว่าที่อื่น ยันไม่ทำการเมืองแนวเดิม ๆ ย้ำทำท้องถิ่นและหาเสียงอย่างตรงไปตรงมา

 


หัวหน้าพรรคปชน.” ไม่หวั่นอิทธิพล ส่งชิงนายก อบจ.ปราจีนบุรี มองไม่ได้น่ากลัวกว่าที่อื่น ยันไม่ทำการเมืองแนวเดิม ๆ ย้ำทำท้องถิ่นและหาเสียงอย่างตรงไปตรงมา


วันที่ 19 ธันวาคม 2567 ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีล่าสุดที่พรรคประชาชนได้เปิดรายชื่อว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ปราจีนบุรี โดยระบุถึงความกังวลเรื่องอิทธิพลในพื้นที่ว่า พรรคประชาชนส่งผู้สมัคร นายจำรูญ สวยดี พร้อมแข่งในเวทีสนามท้องถิ่น พรรคประชาชนยืนยันในการทำท้องถิ่นอย่างตรงไปตรงมา ให้อบจ. รับใช้ประชาชน การทำงานการเมืองแบบเดิม ๆ ไม่ใช่แนวทางของพรรคเราอยู่แล้ว จึงไม่ได้มีความกังวลในส่วนนี้


ส่วนกังวลกับคดีความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดปราจีนบุรีหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ยืนยันว่า ผู้สมัครของพรรค และทีมงานของพรรคประชาชน มีกำลังใจดี เราเชื่อในการหาเสียงอย่างตรงไปตรงมา ไม่พาดพิง นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แต่เรื่องของการมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกลุ่มอำนาจเดิม หรือกลุ่มการเมืองเดิมๆ ในพื้นที่ เราไม่มีประเด็นเหล่านี้แน่นอน จะไม่มีข้อกังวลใดๆ เกี่ยวกับคดีของอิทธิพลที่เกิดขึ้นในพื้นที่


"ผมไม่ได้มองว่าพื้นที่ปราจีนบุรีจะน่ากลัวกว่าที่อื่น และคงจะดำเนินการหาเสียงตามแนวทางของพรรคประชาชนต่อไป" นายณัฐพงษ์กล่าว


สำหรับแคมเปญแตกต่างของพรรคประชาชนในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งนั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง พรรคก็จะมีการตั้งเวทีปราศรัยใหญ่ มีแกนนำของพรรคลงพื้นที่พบปะประชนชนมากขึ้น ตนเองก็มีแคมเปญเท้งทั่วไทยอยู่ ก็จะใช้พื้นที่เหล่านี้ในการหาเสียงกับพี่น้องประชาชน

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #อบจปราจีน #นายกอบจ

“ณัฐพงษ์” ตั้งกระทู้ถามนายกฯ กรณีสัญญารับซื้อไฟฟ้า 3,600 MW ส่อเอื้อประโยชน์ทุนพลังงาน ทำคนไทยจ่ายค่าไฟแพง ไร้เงานายกฯ-รัฐมนตรีมาตอบ จี้นายกฯ เร่งยกเลิกหลัง กกพ.มีมติรับซื้อต่อ ชี้เส้นตาย 30 ธ.ค. ถ้าไม่ใช้อำนาจนายกฯ ยกเลิกอาจสายเกินไป


ณัฐพงษ์” ตั้งกระทู้ถามนายกฯ กรณีสัญญารับซื้อไฟฟ้า 3,600 MW ส่อเอื้อประโยชน์ทุนพลังงาน ทำคนไทยจ่ายค่าไฟแพง ไร้เงานายกฯ-รัฐมนตรีมาตอบ จี้นายกฯ เร่งยกเลิกหลัง กกพ.มีมติรับซื้อต่อ ชี้เส้นตาย 30 ธ.ค. ถ้าไม่ใช้อำนาจนายกฯ ยกเลิกอาจสายเกินไป

 

วันที่ 19 ธันวาคม 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาชน ตั้งกระทู้สดด้วยวาจาต่อนายกรัฐมนตรี ในกรณีการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์ ที่มีข้อสงสัยว่าจะทำให้ค่าไฟแพงขึ้นปีละ 4,162 ล้านบาท หรือ 104,050 ล้านบาทตลอดอายุสัญญา 25 ปี จากการที่เป็นการรับซื้อไฟฟ้าโดยไม่มีการประมูลแข่งขัน และจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนพลังงานหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้ตอบกระทู้แทน แต่ รมว.พลังงาน มีภารกิจไม่สามารถมาตอบกระทู้ได้ จึงขอเลื่อนการตอบกระทู้ออกไปก่อน

 

อย่างไรก็ตาม ณัฐพงษ์ได้ขอใช้สิทธิชี้แจงในที่ประชุม โดยระบุว่ากรณีนี้มีความจำเป็นเร่งด่วน สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 ตนได้ตั้งกระทู้ถามถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมาตอบชี้แจงในที่ประชุมแทน ซึ่งวันนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ตอบในที่ประชุมว่าการรับซื้อมีปัญหาจริงและไม่ถูกต้อง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานก็ได้รักษาคำพูดด้วยการออกหนังสือถึงคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อยกเลิกการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์ แต่ กกพ. เมินหนังสือระงับจาก รมว. พลังงาน และประกาศ เอกชนที่ได้รับคัดเลือก ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2567

 

ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าที่ตนต้องถามเป็นกระทู้สด เพราะ ประกาศจาก กกพ. มีกรอบระยะเวลาในการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ภายใน 14 วัน ซึ่งหมายความว่าถ้าภายในวันที่ 30 ธันวาคม นายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจเต็มในการหยุดยั้งเรื่องนี้ไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะกลับมาแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะตามระเบียบการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าของ กกพ. รัฐบาลยังมีอำนาจในการยกเลิกสัญญาตราบใดที่ยังไม่ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า

 

นี่จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ผมต้องถามกระทู้ในวันนี้ เพราะเราต้องการคำตอบว่านายกรัฐมนตรีจะปล่อยให้กระบวนการแบบนี้ที่สืบทอดมาจากรัฐบาลชุดก่อนๆ ในการเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจพลังงานได้เงินเข้ากระเป๋า แต่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศต้องจ่ายค่าไฟแพงเดินต่อแบบนี้จริงหรือ ทำไมนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจในการหยุดยั้ง ไม่หยุดยั้งเรื่องนี้และไม่มาตอบกระทู้ด้วย” ณัฐพงษ์กล่าว

 

ณัฐพงษ์ยังกล่าวต่อไปว่านโยบายการลดค่าไฟที่แพงเกินจริง นอกจากเรื่องของการลดค่าผ่านท่อที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงผลงาน 90 วันไว้ ยังมีนโยบายอื่นๆ ที่สามารถดำเนินการได้อีก รวมตัวเลขคร่าวๆ แล้วคนไทยสามารถจ่ายค่าไฟถูกลงได้ 30 สตางค์ต่อหน่วย ถ้านายกรัฐมนตรีมีความจริงใจในการดำเนินการ และจริงใจที่จะมาตอบกระทู้สดในสภาผู้แทนราษฎรอย่างจริงจัง

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #ฝ่ายค้าน #ประชุมสภา