เครือข่ายนิรโทษกรรมจัดกิจกรรม เฝ้าจอใหญ่ๆ จับตาสดๆ #นิรโทษกรรมประชาชน ที่ลานประชาชน คู่ขนานสภาฯ ถก ร่างกม.นิรโทษกรรม ด้าน"พิเชษฐ์" ชิงสั่งปิดประชุม หลัง'เบนจา อะปัญ' ถาม กลางที่ประชุมว่าการไม่นิรโทษกรรม #มาตรา112 จะสันติสุขกันแค่พวกท่านหรืออย่างไร ? ขณะที่ ปชน.ร่วมพูดคุยและให้กำลังใจประชาชน
วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ที่รัฐสภา เกียกกาย มีการประชุมสภาฯที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้เข้าสู่การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข และร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งมี สส.และภาคประชาชนเสนอรวม 5 ฉบับ ได้แก่ ร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. .... เสนอโดย นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. .... เสนอโดย นายปรีดา บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง พ.ศ. .... เสนอโดย พรรคประชาชน ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน พ.ศ. .... เสนอโดย น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 36,723 คน และ ร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. .... เสนอโดย นายอนุทิน ชาญวีรกุล สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นฉบับที่เสนอเข้ามาใหม่และยังไม่ได้บรรจุในระเบียบวาระ แต่ประธานในที่ประชุมอนุญาติให้นำมาพิจารณาในคราวเดียวกันได้
เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน ได้จัดกิจกรรม พุธที่ 9 กรกฎาคม 2568 พบกัน "ลานประชาชน" รัฐสภา เฝ้าจอใหญ่ๆ จับตาสดๆ #นิรโทษกรรมประชาชน
โดยกางจอขนาดใหญ่ เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมรับฟัง การประชุมสภา กันแบบสด ๆ สลับกับการพูดคุย โดยเป็นการสรุปเนื้อหาสาระในการประชุมด้านในว่า ใครอภิปรายยังไงบ้าง
นอกจากนี้ยังมีการเปิดบูธโดย แนวร่วมเครือข่าย ทั้งการ จำหน่ายสินค้าและการเล่นเกมส์เกี่ยวกับผู้ต้องขังทางการเมืองทั้ง 51 คน ชิงรางวัลเล็กๆน้อยๆ เพื่อให้ประชาชนผู้ร่วมกิจกรรมมีส่วนร่วม
โดยประชาชนเข้าร่วมรับชมการประชุมสภาด้วยความสนใจ โดยนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในขณะนั้น ได้ให้ผู้ชี้แจงขึ้นกล่าว
นายธนพัฒน์ กาเพ็ง ในฐานะผู้ชี้แจงในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับภาคประชาชน ระบุว่า ตนเองเป็นประชาชนที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 ตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรม ตนเองไม่เคยคิดว่าการเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมในฐานะเยาวชนที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การถูกดำเนินคดีอาญามาตรา 112 ตั้งแต่ตนศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และปัจจุบันตนเองมีคดีทางการเมืองติดตัวอยู่ 24 คดี และมีคดีมาตรา 112 จำนวน 3 คดี
นายธนพัฒน์ กล่าวว่า ตนเองถูกมองว่าเป็นภัยความมั่นคง เป็นคนหัวรุนแรง เป็นเด็กนอกคอก เป็นอะไรก็แล้วแต่ที่พวกท่านจะตีตรา ทั้งที่ตนเองเป็นเยาวชนคนหนึ่งที่อยากใช้สิทธิพลเมือง อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงและบ้านเมืองของเราดีขึ้น โดยหวังว่าวันหนึ่งพวกท่านจะหันมารับฟังความเห็นต่าง บางท่านบอกว่าพวกเราถูกชี้นำ ถูกชักจูงล้างสมอง ขอยืนยันว่าสิ่งที่พวกเราคิดและทำคือ การแสดงออกตามสิทธิพลเมือง เป็นการแสดงออก ตามสังคมประชาธิปไตย
สิ่งสำคัญที่สุดคือ หลายคนคิดว่าคดีมาตรา 112 ไม่ใช่คดีความทางการเมือง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 จนปัจจุบันแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามาตรา 112 คือคดีความที่พวกเราถูกกลั่นแกล้ง การจะนิรโทษกรรมโดยไม่รวมคดีความมาตรา 112 คือ การยุติความขัดแย้งเพียงครึ่งเดียวและจะไม่มีสันติภาพใดเกิดขึ้นได้จากความยุติธรรมที่เลือกข้าง
นายธนพัฒน์ เชื่อว่า การนิรโทษกรรมที่รวมคดีมาตรา 112 ไม่ใช่เพื่อลบล้างความผิดให้กับคนเห็นต่าง แต่คือการฟื้นฟูกระบวนการยุติธรรม ฟื้นฟูประชาธิปไตยให้พวกเราที่เคยถูกตีตราว่าผิดได้กลับมาใช้ชีวิตในฐานะพลเมืองอย่างเท่าเทียม ตนเองขอเรียกร้องไปยังผู้แทนราษฎร สส.ที่กล่าวว่าเห็นใจเยาวชนและประชาชนช่วยกันยกมือสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับประชาชนที่รวมคดีมาตรา 112 ด้วย
"ประชาธิปไตยจะไม่มีวันเบ่งบานในประเทศเรา ถ้าท่านยังปล่อยให้เยาวชนคนที่เห็นต่างทางความคิดถูกดำเนินคดีเพียงเพราะพวกเขามีความฝัน" นายธนพัฒน์ กล่าว
นางสาวเบนจา อะปัญ ผู้ชี้แจง กล่าวว่า การทำร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมจำเป็นต้องมีคดีเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย ซึ่งการบอกว่าผู้ที่ลี้ภัยไปต่างประเทศใช้อภิสิทธิ์ ซึ่งตนเองจดบันทึกทุกวันว่าวันนี้เพื่อนเราหายไปหรือไม่ ซึ่งมีหลายคนในนั้น ไม่ได้มีสิทธิ์อะไรเลย การใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนไม่มีต้นทุนไม่ได้ภาษา ดังนั้น จะมาบอกว่ามีอภิสิทธิ์ไม่ได้ แต่พวกเขาคือกลุ่มคนที่ไม่อยากต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ยุติธรรม การขอศาลออกหมายเรียกพยานมันยากเย็น ดังนั้น จะเรียกว่ายุติธรรมสำหรับฝ่ายจำเลยอย่างพวกเราได้อย่างไร
นางสาวเบนจา กล่าวอีกว่า คนที่ติดคุกอยู่ และกำลังจะติดคุกก็เป็นเรื่องคดีมาตรา 112 ทั้งสิ้น ดังนั้น ถ้าจะสันติสุข หากไม่รวมคดีนี้เข้าไป จะสันติสุขแบบไหน จะสันติสุขเฉพาะพวกท่านหรือไม่ และถ้าบอกว่าอยากก้าวไปด้วยกัน เพื่อได้โอกาสในการเริ่มต้นใหม่ ทำไมถึงไม่ให้โอกาสคนอย่างพวกเรา คนรุ่นใหม่ให้ก้าวผ่านไปด้วยกัน เหมือนกับคดีอื่น ๆ ซึ่งเราก็ไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่มีใครเปลี่ยนอดีตได้ แต่เราร่วมกันเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ตั้งแต่วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 17.09 น. เป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมงที่มีการอภิปราย อยู่ ๆ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประสภาฯ ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมอยู่ ได้แจ้งปิดประชุมแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลังเบนจา อะปัญ กล่าว โดยคิวถัดไป เป็นนายยิ่งชีพ อัชชานนท์ ( ซึ่งจะได้ไปสรุปในวันพุธ ที่16)
โดยนายพิเชษฐ์ ระบุ ว่า ขณะนี้เนื่องจากมีเจ้าของร่าง จากจำนวน 5 ร่าง ยังเหลือ 3 ร่างที่จะอภิปรายสรุป โดยเอาไว้ต่อสัปดาห์หน้า สำหรับวันนี้ ขอปิดประชุม
ซึ่งในเวลาต่อมา นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และ สส.อาทิ นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม., นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี, นางสาวพนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ, นายวีรนันท์ ฮวดศรี” สส.ขอนแก่น, นายธิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล สส. ภูเก็ต ได้เดินมายังลานประชาชนเพื่อพบปะกับ ประชาชนที่ ร่วมกิจกรรมกับเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน อละได้อัปเดตเรื่องราวในสภา รวมถึงให้กำลังใจ พี่น้องประชาชน
โดยนายณัฐพงศ์ ระบุว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้ง 5 ร่าง ถึงแม้ยังมีความแตกต่างทางความคิด แต่สภาควรผ่านในชั้นรับหลักการทั้งหมด เพื่อเปิดประตูให้ร่างของทุกพรรค รวมถึงร่างของภาคประชาชน ได้เข้าไปถกเถียงพูดคุยกันต่อในสภา ซึ่งควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่สุดที่พวกเราจะมาหารือกันในเรื่องเหล่านี้
จากนั้น พูนสุข พูนสุขเจริญ ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ปูน-ธนพัฒน์ กาเพ็ง เบนจา อะปัญ เดินออกจาก ห้องประชุมสภามายัง ลานประชาชน เพื่อบอกเล่าบรรยากาศด้านใน และพูดคุยความคืบหน้า ก่อนที่ทั้งหมดจะถ่ายรูปร่วมกันและมีการนัดหมาย วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม 2568 มาเจอกันอีกครั้งที่ลานประชาชน รัฐสภา
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นิรโทษกรรมประชาชน