วันจันทร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2566

'ธนาธร' ปราศรัยแปดริ้ว ขอประชาชนกาก้าวไกลป้องแชมป์เขตเดิม-รุกเพิ่มเขตใหม่ พิสูจน์ปักธงการเมืองสร้างสรรค์ ยกรัฐสวัสดิการสร้างความมั่นคงให้ชีวิตคนไทย

 


'ธนาธร' ปราศรัยแปดริ้ว ขอประชาชนกาก้าวไกลป้องแชมป์เขตเดิม-รุกเพิ่มเขตใหม่ พิสูจน์ปักธงการเมืองสร้างสรรค์ ยกรัฐสวัสดิการสร้างความมั่นคงให้ชีวิตคนไทย


วันที่ 9 เมษายน 2566 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมหาเสียงกับผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ทั้ง 4 เขต โดยมีกิจกรรมเปิดวงพูดคุยเล็กๆ พบปะตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กในจังหวัดฉะเชิงเทรา ก่อนที่จะร่วมกิจกรรมแห่รถประชาสัมพันธ์ภายใน อ.เมือง และการเปิดเวทีปราศรัยที่หอนาฬิกาหน้าศาลากลางเก่าริมแม่น้ำบางปะกง แนะนำนโยบายพร้อมกับการปราศรัยของผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล


ในช่วงของการปราศรัย ธนาธรกล่าวว่าสิ่งที่เราเชื่อเรียบง่ายมาก นั่นคือถ้าไม่แก้ปัญหาของประเทศตั้งแต่ที่ต้นตอปัญหาของประเทศจะไม่ถูกแก้ไข ประเทศจะไปต่อไม่ได้ ซึ่งทุกคนต่างก็รู้กันดี แต่คำถามคือทำไมที่ผ่านมาถึงไม่มีใครทำ เป็นเพราะเกรงใจกันเองหรือเพราะต่างคนต่างมีแผลหรือไม่ ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาในระดับต้นตอของประเทศไทยได้เลย


ยกตัวอย่างเช่น นโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหาร พรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นคนคิดเรื่องนี้ เป็นความคิดที่มีอยู่แล้วในสังคมไทย มาตั้งแต่หลังเหตุการณ์ พ.ค. 2535 แต่ไม่มีใครทำ มาจนปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ตั้งขึ้นมาสมัยแรกยื่นกฎหมายนี้เข้าสภาฯ ทันที มันง่ายแค่นี้เอง และขอแค่มี 251 มือในสภาฯ ก็สามารถทำได้ทันที


ธนาธรยังยกตัวอย่างอีกเรื่อง คือการหยุดเอื้อทุนใหญ่ ที่พรรคอนาคตใหม่มาจนถึงพรรคก้าวไกลรณรงค์มาตั้งแต่ปี 2562 ในการต่อต้านทุนใหญ่ที่ผูกขาดเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ตลาดสุรามูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาทที่ผูกขาดมาอยู่กว่า 40 ปี พรรคอนาคตใหม่ได้เสนอกฎหมายสุราก้าวหน้า มาจนเป็นพรรคก้าวไกลก็ขับเคลื่อนต่อ ปีที่แล้วแพ้ไปแค่ 2 เสียง ซึ่งถ้าไม่มีการยุบพรรคอนาคตใหม่วันนั้น กฎหมายนี้ผ่านสภาฯไปแล้ว


พรรคก้าวไกลยังเสนอว่าประเทศไทยต้องสร้างรัฐสวัสดิการ แม้จะมีแต่คนบอกว่าทำไม่ได้เพราะไม่มีงบประมาณ แต่พรรคก้าวไกลยืนยันว่าสามารถทำได้ ด้วยการปฏิรูประบบภาษี เก็บภาษีคนรวยให้มากกว่านี้เพื่อนำมาจัดสรรใหม่ ดูแลคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ ที่ผ่านมาโควิดทำให้คนยากจนลง แต่บริษัทใหญ่ในประเทศไทยมีน้อยรายมากที่กำไรลดลง พรรคก้าวไกลมีนโยบายเก็บภาษีความมั่งคั่ง ให้คนที่มีความมั่งคั่งเกิน 300 ล้านบาทต้องถูกเก็บภาษีมากกว่านี้


“ในฐานะที่ผมเป็นคนรวยคนหนึ่ง ผมยืนยันได้ว่าที่ผ่านมาคนรวยถูกเก็บภาษีน้อยเกินไปจริงๆ เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ประกอบการรายย่อย ลงทุน 3-5 แสนบาทเสียภาษี แต่บริษัทใหญ่ลงทุนสร้างโรงงานใหม่ 500 ล้านบาทบ้าง พันล้านบาทบ้างกลับไม่ต้องเสียภาษี นี่คือความไม่เป็นธรรม พวกเขาได้รับผลประโยชน์มากเกินไปแล้ว และผมขอให้เชิงอรรถเล็กน้อย ว่าบริษัทใหญ่ๆ เหล่านี้ที่ผูกขาดเศรษฐกิจไทยอยู่ ต่างก็คือผู้สนับสนุนการรัฐประหารทั้งสิ้น” ธนาธรกล่าว


ธนาธรกล่าวต่อไป ว่าทุกวันนี้คนไทยส่วนใหญ่ต่างมีชีวิตที่ไม่แน่นอน รายได้เป็นรายวันบ้าง รายสัปดาห์บ้าง ต้องจ่ายทั้งค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าเทอมลูก ไม่มีความมั่นคงแน่นอน วางแผนชีวิตไม่ได้ การมีรัฐสวัสดิการแบบนี้เท่านั้น ที่จะทำให้คนไทยมีความมั่นคง ให้ทุกคนสามารถดึงศักยภาพของตัวเองมาสร้างสรรค์ประเทศได้


วิธีคิดของพวกเราตั้งแต่เป็นพรรคอนาคต และเชื่อว่าต่อเนื่องมาถึงพรรคก้าวไกล เป็นแบบนี้ ว่าเราแก้ปัญหาแบบขอไปทีไม่ได้ จะแก้ปัญหาของประเทศได้ต้องใช้ความทะเยอทะยาน และวันนี้เป็นเวลาของความทะเยอทะยาน ต้องกล้าคิดกล้าฝัน ว่าประเทศไทยมีรถเมล์ไฟฟ้าครอบคลุมทุกจังหวัดได้ มีน้ำประปาดื่มได้ทั้งประเทศได้ และจะมีอุตสาหกรรมใหม่เกิดขึ้นในประเทศ มีเทคโนโลยีของตัวเอง มีงานที่มั่นคงให้ลูกหลานทำได้ นี่คือชีวิตของคนในประเทศที่พัฒนาแล้ว นี่คือเรื่องที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นเหมือนประเทศที่พัฒนาแล้ว นี่คือความก้าวหน้าและการแก้ปัญหาที่ต้นตอ คืออนาคตที่หนีไม่พ้น ถ้าประเทศไทยจะไปไกลกว่านี้ได้


ธนาธรยังกล่าวด้วย ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีความสำคัญมากต่อการเมืองไทยในอนาคต สำหรับฉะเชิงเทราที่คนทำงานการเมืองแบบใหม่ที่สร้างสรรค์ ชนะมาได้ในปี 2562 ด้วยการไม่ซื้อเสียง ไม่ใช้หัวคะแนน หากพรรคก้าวไกลยังสามารถป้องกันแชมป์และชนะในเขตใหม่ๆ ได้ นี่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการเมืองแบบนี้เป็นไปได้ในสังคมไทย


“พรรคอนาคตใหม่มาจนถึงพรรคก้าวไกลอยากทำงานการเมืองแบบสร้างสรรค์ ไม่ซื้อเสียง ไม่มีหัวคะแนน และเราเชื่อว่าจะสามารถสร้างการเมืองแบบนี้ให้เกิดขึ้นจริงได้ ถ้าเป็นจริงได้จะทำให้คนอื่นทำตาม แต่ถ้าล้มเหลวจะไม่มีใครกล้าสร้างพรรคการเมืองแบบนี้อีกเลย และการเมืองไทยก็จะต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนาน” ธนาธรกล่าว


สำหรับผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จ.ฉะเชิงเทรา ทั้ง 4 เขต ประกอบด้วย


ธนะชัย แสวงศิริผล เขต 1 เมืองฉะเชิงเทรา บ้านโพธิ์ (เบอร์ 6)

นพรัตน์ มุริกะ เขต 2 บางคล้า คลองเขื่อน ราชสาสน์ พรมสารคาม บางน้ำเปรี้ยว (เบอร์ 2)

เอกราช เนตรดี เขต 3 สนามชัย ท่าตะเกียบ พนมสารคาม (เบอร์ 1)

จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ เขต 4 บางปะกง แปลงยาว บ้านโพธิ์ (เบอร์ 2)


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66