เปิด
4 ข้อเรียกร้อง คปช.53 ต่อ รมว.ยุติธรรม
ทวงความยุติธรรมให้คนเสื้อแดงกรณีเหตุการณ์ปี 53
ปัญหาสถานที่คุมขังผู้เห็นต่างทางการเมือง
และปัญหาสิทธิการประกันตัวคดีทางการเมือง
วันที่
9 มีนาคม 2566 เปิดรายละเอียดหนังสือร้องเรียนขอผลและความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีและการดำเนินการต่าง
ๆ ของ DSI
ในกรณีการปราบปรามประชาชนปี 2553
และคำขอการดำเนินการเพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงยุติธรรม
มีรายละเอียดดังนี้
สืบเนื่องจากการชุมนุมของประชาชนคนเสื้อแดงกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
(นปช.) เมื่อปี 2553 ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้าปฏิบัติการสลายการชุมนุมตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่สั่งการให้ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
(ศอฉ.) ดำเนินการเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนคนเสื้อแดงกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
(นปช.) เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 และมีคำสั่งดำเนินการปิดล้อม
สกัดกั้นและใช้อาวุธกับประชาชน รวมทั้งผู้ชุมนุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ และบริเวณใกล้เคียง ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม
2553 และมีคำสั่งให้สลายการชุมนุมผู้ชุมนุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19
พฤษภาคม 2553 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 99 ศพ
และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กระทรวงยุติธรรม
ได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2553
ให้การกระทำความผิดทางอาญา กรณีก่อการร้าย การขู่บังคับให้รัฐบาลกระทำการใด ๆ
การทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ และกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ของทางราชการ
อันเกี่ยวกับการชุมนุมที่มิชอบด้วยกฎหมายในช่วงปลายปี พ.ศ. 2552
เป็นต้นไปในราชการอาณาจักร รวมถึงความผิดที่ต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกัน หรือที่สื่อมวลชนเรียกว่า
คดีเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เป็นคดีพิเศษนั้น
กรณีการตายของประชาชนในเหตุการณ์ดังกล่าว
ได้มีการดำเนินการชันสูตรพลิกศพและศาลได้มีคำสั่งในหลายสำนวนถึงเหตุการตายว่า
เกิดขึ้นจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติตามคำสั่งของ ศอฉ. กรมสอบสวนคดีพิเศษ
อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงยุติธรรม
ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้อง
โดยไม่ปรากฏว่าผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนในเหตุการณ์ดังกล่าวถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษแต่อย่างใด
แต่ประชาชน ผู้ชุมนุม แกนนำ กลับถูกจับกุมคุมขังและดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก
คณะประชาชนทวงความยุติธรรม
2553 (คปช.53) ประกอบด้วย
1.
ญาติวีรชนคนเสื้อแดง ผู้สูญเสีย ผู้ถูกกระทำ ทั้งบาดเจ็บและถูกคุมขังโดยมิชอบ
2.
คนเสื้อแดงและประชาชนผู้รักความยุติธรรม
3.
ทนายความที่เคยดำเนินคดีคนเสื้อแดงถูกกระทำ คณะนักกฎหมายและทนายความ
4.
นักวิชาการและองค์กรที่ร่วมช่วยเหลือคนเสื้อแดงและผู้สูญเสียกรณีปี 2553
5.
แนวร่วมผู้ต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้เสียชีวิต
คณะประชาชนทวงความยุติธรรม
2553 (คปช.53) เห็นว่านับตั้งแต่การรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
กระบวนการยุติธรรมได้ถูกแทรกแซงและทำให้คดีต่าง ๆ
ไม่ดำเนินไปตามกระบวนการที่ถูกต้องและตามอำนาจหน้าที่โดยระยะเวลาได้ล่วงเลยเป็นเวลา
12 ปีเศษแล้ว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ตาย ญาติผู้ตาย และประชาชนผู้ได้รับบาดเจ็บ
อีกทั้งยังก่อให้เกิดความเสียหายและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างมาก
จึงเรียนมายังท่านในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้พิจารณาและดำเนินการดังนี้
1)
สั่งการและเร่งรัดไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษให้เปิดเผยข้อมูลที่ได้ดำเนินการไปแล้ว
และที่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบเป็นลำดับแรก
และให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการเกี่ยวกับคดีพิเศษตามมติในการประชุม
ครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2553 ให้การกระทำความผิดทางอาญา กรณีก่อการร้าย
การขู่บังคับให้รัฐบาลกระทำการใด ๆ การทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ
และกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ของทางราชการ
อันเกี่ยวกับการชุมนุมที่มิชอบด้วยกฎหมายในช่วงปลายปี พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ในราชการอาณาจักร รวมถึงความผิดที่ต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกัน หรือที่สื่อมวลชนเรียกว่า
คดีเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เป็นคดีพิเศษให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่โดยเร็ว
ตรวจสอบกรณีที่ได้ดำเนินการไปแล้วว่าสำนวนสอบสวนและรายงานชอบด้วยกฎหมายและเป็นไปตามหลักนิติธรรมหรือไม่
2) สั่งการไปยังกรมคุ้มครองสิทธิ
หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน
ผู้ที่ถูกจับกุม คุมขัง ซึ่งศาลมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีหรือความผิดที่ถูกกล่าวหา
ให้ได้รับการเยียวยาด้วย
3) เนื่องจากในปัจจุบันมีประชาชน นักเรียน นิสิต
นักศึกษาที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมืองกับฝ่ายรัฐเป็นจำนวนมากที่ถูกจับกุม
คุมขัง และอยู่ระหว่างดำเนินคดีถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ
ภายใต้การดำเนินการของกรมราชทัณฑ์ที่อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงยุติธรรม
ซึ่งควรจัดสถานที่ควบคุมผู้ถูกคุมขังเหล่านั้นแยกต่างหากจากนักโทษคดีทั่วไป
4)
เนื่องจากมีการจับกุมคุมขังคดีการเมืองเป็นจำนวนมากและไม่ได้รับการประกันตัว
จึงใคร่ขอให้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ได้หารือกับทางศาลเกี่ยวกับสิทธิประกันตัวของประชาชน
เพื่อให้เป็นไปตามหลักการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชนตามสนธิสัญญาต่างๆที่ประเทศไทยได้ลงนามไว้กับสหประชาชาติ
และเป็นไปตามนิติรัฐ นิติธรรมสากล รวมทั้งในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มาตรา 29 วรรค
2 บัญญัติว่า “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด
และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้”
มาตรา 29 วรรค 3 บัญญัติว่า
“การควบคุมหรือคุมขังผู้ต้องหาหรือจำเลยให้กระทำได้เพียงเท่าที่จำเป็น
เพื่อป้องกันมิให้มีการหลบหนี” และมาตรา 29 วรรค 5 บัญญัติว่า
“คำขอประกันผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาต้องได้รับการพิจารณาและจะเรียกหลักประกันจนเกินควรแก่กรณีมิได้
การไม่ให้ประกันต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ”
จึงใคร่ขอให้ท่านได้ดำเนินการต่าง
ๆ ข้างต้น ภายใต้พระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ.
๒๕๖๕ และขอทราบรายละเอียดและผลความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีต่าง ๆ จักเป็นพระคุณอย่างสูง
ขอแสดงความนับถือ
คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 (คปช.53)
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คปช53 #คนเสื้อแดง #กระทรวงยุติธรรม