วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2565

โมกหลวงริมน้ำจัดกิจกรรม "ฟื้นฝอยหาตะเข็บ" ใครฆ่าพระเจ้าตาก ชี้ จำเป็นจะต้องชำระประวัติศาสตร์ ให้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เรื่องที่ถูกบิดเบือนโดยรัฐ

 


โมกหลวงริมน้ำจัดกิจกรรม "ฟื้นฝอยหาตะเข็บ" ใครฆ่าพระเจ้าตาก ชี้ จำเป็นจะต้องชำระประวัติศาสตร์ ให้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เรื่องที่ถูกบิดเบือนโดยรัฐ


วันนี้ (6 เม.ย. 65) เวลา 16.00 น. ที่บริเวณอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ กลุ่มโมกหลวงริมน้ำมารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรม "ฟื้นฝอยหาตะเข็บ 240 ปี ใครฆ่าพระเจ้าตาก" 


เวลา 15.56 น. กลุ่มโมกหลวงริมน้ำนัดหมายจัดกิจกรรม ฟื้นฝอยหาตะเข็บ 240 ปี ใครฆ่าพระเจ้าตาก ที่วงเวียนใหญ่ ขณะที่มีคนมารอร่วมกิจกรรมอยู่ที่บริเวณธนาคารออมสินใกล้วงเวียนใหญ่ประมาณ 30 คน ประตูทางเข้าวงเวียนอนุสาวรีย์ยังเปิดอยู่ โดยเริ่มมีตำรวจรักษาการณ์ด้านในอนุสาวรีย์แล้ว


เวลา 16.03 น. มีเจ้าหน้าที่เข้ามาเจรจากับผู้ชุมนุมกลุ่มโมกหลวงว่าขอให้จัดตัวแทนผู้ชุมนุมเข้าไปสักการะอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน อย่างไรก็ตามผู้ชุมนุมยืนยันว่าทุกคนจะเข้าไปสักการะด้วยตัวเอง จากนั้นผู้ชุมนุมจึงข้ามฝั่งไปที่อนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินซึ่งสามารถเข้าไปได้


จากนั้นประชาชนได้เดินข้ามถนนไปยังอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน โดยผู้ชุมนุมกางป้ายผ้าผืน 2 ผืน เขียนข้อความว่า #ชำระประวัติศาสตร์ และป้ายข้อความว่า 6 เมษา ใครฆ่าพระเจ้าตาก จากนั้นกลุ่มโมกหลวง ได้เปิดการปราศรัยผ่านลำโพงขนาดเล็กบริเวณหน้าอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน 


โดย"เก็ต" หนึ่งในสมาชิกโมกหลวงริมน้ำ ได้กล่าวก่อนเริ่มปราศรัยว่าอยากขอส่งข้อความไปถึงตำรวจที่มาอยู่ในที่นี้ว่า ประชาชนมีเสรีภาพในการพูด เราสามารถพูดอะไรก็ได้ตราบเท่าที่ไม่ทำร้ายใคร 


เก็ตได้ทำการปราศรัยกล่าวโดยสรุปได้ว่า สิ่งที่จะพูดในวันนี้ อยากชวนตั้งคำถามถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวันจักรี ที่เราถูกสอนว่าให้รำลึกถึงความเปลี่ยนแปลงจากยุคสมัยหนึ่งไปสู่อีกยุคสมัยหนึ่ง แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่าในวันเดียวกันนี้ก็มีการยึดอำนาจจากพระเจ้าตากสินด้วย


เรื่องของพระเจ้าตากสินถูกสอนกันมาว่าเป็นบ้าบ้าง อะไรบ้างอยากชวนให้ตั้งคำถามว่า หากพระเจ้าตากสินเป็นบ้าจริงเหตุใดจึงต้องฆ่า ไม่ใช่ฆ่าแค่พระเจ้าตากสินแต่ฆ่าญาติวงศ์พระเจ้าตากสินด้วย ถ้าเป็นบ้าจริงเหตุใดจึงไม่เพียงแค่ปลดออกจากตำแหน่ง 


ส่วนที่มีคนบอกว่าพระเจ้าตากสินไม่ได้ถูกฆ่าแต่หนีไปบวช เรื่องนั้นเอามาจากนิยายที่แต่งโดยหลวงวิจิตรวาทการ แต่ก็มีคนเชื่อ แล้วก็มีพระฤาษีลิงดำที่บอกว่านั่งทางในไปคุยกับพระเจ้าตากสิน ซึ่งตรงนี้อยากชวนตั้งคำถามกลับไปว่าหากตัวเก็ตเองอ้างว่านั่งทางในแล้วไปเล่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ควรจะเชื่อสิ่งที่เก็ตพูดหรือไม่ ถ้าคำตอบคือไม่ก็อยากชวนให้ทุกคนกลับไปตั้งคำถามเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ที่เราถูกบอกเล่ามาเช่นกัน


ขณะที่ โจเซฟ หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาในคดีมาตรา 112 จากการ อ่านแถลงการณ์ ที่หน้าสถานทูตเยอรมนีปราศรัยตอนหนึ่งว่า ถึงวันนี้มีความจำเป็นจะต้องชำระประวัติศาสตร์ให้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เรื่องที่ถูกบิดเบือนโดยรัฐ เพราะที่ผ่านมารัฐเองที่เป็นฝ่ายบิดเบือนประวัติศาสตร์ เพราะหากมีการเปิดเผยเรื่องราวในประวัติศาสตร์บางเรื่อง รัฐในปัจจุบันก็เกรงว่าจะไปกระทบความชอบธรรมของตัวเอง


สำหรับพระเจ้าตากเอง ก็มีการบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าในการยึดอำนาจพระเจ้าตากก็มีการสังหารญาติหรือเครือข่ายไปอย่างน้อย 133 คน แล้วต่อมาก็มีความพยายามบิดเบือนว่าไม่ได้ฆ่าแต่หนีไปบวช ถ้าจะมีสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าตากทำผิดก็คงเป็นเรื่องที่ไปเชื่อใจแม่ทัพของตัวเอง 


ด้าน นักกิจกรรมหญิงรายหนึ่งขึ้นปราศรัย ตอนหนึ่งระบุที่ผ่านมาเวลามีการยึดอำนาจ คนยึดอำนาจจะไม่ได้เขียนประวัติศาสตร์ แต่เขียนนิยาย เขียนวรรณกรรมมาหลอกลวงพวกเรา แต่พอเราเขียนบ้างก็บอกว่าประวัติศาสตร์ของพวกเราเป็นภัยกับประเทศชาติ จนที่ผ่านมามีคนถูกอุ้มหายหรือตายเพียงเพราะออกมาบอกเล่าอะไรบางอย่าง ในอดีตก็มีคนอย่างจิตร ภูมิศักดิ์ที่ต้องตาย ใกล้หน่อยก็มีคนอย่างคุณวัฒน์ วรรลยางกูร หรือวงไฟเย็นที่ต้องลี้ภัย 


สำหรับเรื่องของอนุสาวรีย์พระเจ้าตากก็มีความพยายามที่จะบิดเบือนหรือแทรกแซง อาจารย์ศิลป์ พีระศรี ที่เป็นคนสร้างรูปปั้นอยากทำให้ม้าของพระเจ้าตากทำท่ากระโจนออกศึกเพราะพระเจ้าตากทำศึกและกู้เอกราชมา แต่ปรากฎว่ามีคนกลุ่มหนึ่งไม่ยอม ทำให้ต้องสร้างรูปปั้นม้าของพระเจ้าตากทำท่ายืนเฉย ๆ อาจารย์ศิลป์ได้แต่ทำให้ม้ามีมัดกล้ามคล้ายเกร็งตัวพร้อมที่จะกระโจนออกศึกและปั้นหางข้อม้าให้กระดกขึ้นเป็นท่าเตรียมกระโจนแต่ก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งบิดเบือนว่าม้ากำลังจะขี้  


อยากฝากถึงผู้มีอำนาจว่า ถ้ายังสอนประวัติศาสตร์แบบให้เด็กท่องจำก็เลิกสอนประวัติศาสตร์ไปได้เลย เด็กเขาหาอ่านเองได้ พวกคุณจะห้ามเขาคิดไม่ได้แล้ว นักกิจกรรมดังกล่าวทิ้งท้าย


เวลา ประมาณ 17.40 น. ผู้ร่วมกิจกรรมเคลื่อนขบวนไปตามถนนประชาธิปกมุ่งหน้าสะพานพุทธฯ จนถึงแยกบ้านแขก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำวจในเครื่องแบบตั้งแถวยืนขวางขบวนผู้ชุมนุม ทำให้ขบวนข้ามเกาะกลางถนนเพื่อหลบจากแนวกั้นของตำรวจ 


โดยตำรวจคล้องแขน ขวางถนนเส้นที่มุ่งหน้าไปยังสะพานพุทธฯ รวมถึงไม่ให้รถและมอเตอร์ไซด์ผ่าน จากนั้น เวลา 18.05 น. ผู้กำกับจากสถานีตำรวจนครบาลบุปผาราม ใช้โทรโข่งประกาศ กฎหมายชุมนุม และการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 


ทั้งนี้ขบวนติดแนวกั้นเจ้าหน้าที่ จึงทำให้อยู่บนถนนประชาธิปกมุ่งหน้าไปบริเวณเชิงสะพานพุทธฯ ไม่สามารถเดินต่อได้ 


เววลา 19.10 น. "เก็ต" กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ประกาศยุติการชุมนุม และขอให้ติดตามข่าวเยาวชนที่ถูกตำรวจติดตามตัว จากนั้นเดินทางไปติดตามตัวเยาวชนที่ถูกควบคุมตัวที่ สน.สำนาญราษฎร์


ขณะที่ 19.40 น. เพจโมกหลวงริมน้ำประกาศยุติการชุมนุม ระบุว่า ถอดบทเรียนศึกษาประวัติศาสตร์


#ม็อบ6เมษา65 #UDDnews #ยูดีดีนิวส์