วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2565

แจ้งปิดบัญชี “กองทุนราษฎรประสงค์” เปิดใหม่ในนาม “มูลนิธิสิทธิอิสรา”



แจ้งปิดบัญชี “กองทุนราษฎรประสงค์” เปิดใหม่ในนาม “มูลนิธิสิทธิอิสรา”


“กองทุนราษฎรประสงค์” เป็นกองทุนที่เกิดขึ้นเพื่อระดมทุนเงินประกันช่วยเหลือคดีการเมือง ซึ่งที่ผ่านมากระบวนการทางกฎหมายในการยื่นขอประกันตัวนักกิจกรรมทางการเมืองหรือประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหว ต่างก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก โดยใช้ชื่อบัญชี น.ส. ชลิตา บัณฑุวงศ์ และ น.ส. ไอดา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา ดังที่ทราบกันแล้วนั้น


วานนี้ (26 เม.ย. 65) เฟซบุ๊คแฟนเพจ กองทุนราษฎรประสงค์ ได้แจ้งรายละเอียดการปิดบัญชีบริจาคเดิม ซึ่งเป็นการใช้บัญชีชื่อบุคคลธรรมดาดังกล่าวข้างต้น โดยได้ทำการปิดบัญชีดังกล่าว แล้วเปิดบัญชีใหม่ในนาม “มูลนิธิสิทธิอิสรา” แทน ซึ่งถือเป็นองค์กรนิติบุคคลตามกฎหมาย เพื่อความโปร่งใสและปลอดภัย โดยรายละเอียดมีดังต่อไปนี้


เรื่อง ขอแจ้งปิดบัญชีบริจาคเดิมในนามบุคคล และเปิดบัญชีบริจาคใหม่ในนาม มูลนิธิสิทธิอิสรา


เรียน ราษฎรผู้บริจาคทุกท่าน


เราขอแจ้งข่าวดีแก่ทุกท่านว่า บัดนี้เราสองคนซึ่งเป็นผู้ดูแลบัญชีบริจาคของทุกท่านในนาม กองทุนราษฎรประสงค์ ได้สามารถจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิขึ้นมา เพื่อเป็นองค์กรนิติบุคคลตามกฎหมายที่จะมาดูแลเงินบริจาคของทุกท่านต่อไป แทนการใช้บัญชีชื่อบุคคลธรรมของเราบัญชีเดิม ซึ่งไม่มีฐานะทางกฎหมายเป็นหลักประกันเพียงพอสำหรับการปกป้องดูแลเงินบริจาคจำนวนมหาศาลของทุกท่านให้ยั่งยืนและปลอดภัยได้ในระยะยาว


มูลนิธิที่เราจัดตั้งขึ้นมานี้ ใช้ชื่อว่า มูลนิธิสิทธิอิสรา ซึ่งรับกองทุนราษฎรประสงค์เข้ามาอยู่ในความดูแลภายใต้ชื่อบัญชีดังแสดงในภาพที่ 1 คือ


บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาศาลยุติธรรม บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 125-8-64752-8 ชื่อบัญชี มูลนิธิสิทธิอิสรา


โดยเราได้ปิดบัญชีเดิมที่เป็นชื่อบุคคลสองคนคือ ชลิตา บัณฑุวงศ์ และไอดา อรุณวงศ์ฯ ลงแล้วในวันนี้ (26 เม.ย. 65 ณ เวลา 14.16 น.) และได้โอนเงินทั้งหมดที่อยู่ในบัญชีเดิม จำนวน 9,949,740.45 บาท (เก้าล้านเก้าแสนสี่หมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยสี่สิบบาทสี่สิบห้าสตางค์) เข้ามาอยู่ในบัญชีมูลนิธิเรียบร้อยแล้ว ดังหลักฐานภาพที่ 2 และสลิปถอนเงินจากบัญชีเดิมกับสลิปฝากเข้าบัญชีใหม่ในภาพที่ 3


ส่วนหลักฐานยอดเงินสุดท้ายในบัญชีเดิม ดูได้ในภาพที่ 4 ซึ่งมียอดอยู่ ณ เวลา 14.15 น. จำนวน 9,943,525.85 บาท และเมื่อเราแจ้งปิดบัญชี ธนาคารได้โอนดอกเบี้ยมาให้อีกในเวลา 14.16 น. จึงอยู่ที่ 9,949,740.45 บาท ดังหลักฐานในภาพที่ 5


บัญชีที่เปิดขึ้นใหม่ในชื่อมูลนิธิบัญชีนี้ จะเป็นบัญชีสำหรับเงินของกองทุนราษฎรประสงค์ ที่จะไม่มีการเบิกจ่ายไปใช้ในเรื่องอื่นใดทั้งสิ้นนอกจากการวางประกันและชำระค่าปรับดังที่เคยเป็นมา และแม้เปลี่ยนฐานะเป็นมูลนิธิแล้ว แต่เราจะยังคงใช้หน้าเพจกองทุนราษฎรประสงค์แห่งนี้ เป็นพื้นที่รายงานการใช้จ่ายของกองทุนราษฎรประสงค์ทุกบาทสตางค์พร้อมแสดงหลักฐานแก่ผู้บริจาคทุกครั้งที่มีการเบิกจ่ายดังเช่นเคย กองทุนราษฎรประสงค์จะยังคงเป็นของทุกท่าน และการเปลี่ยนฐานะเป็นมูลนิธิก็เพื่อให้แน่ใจด้วยว่า แม้นหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราสองคนในฐานะผู้เคยถือบัญชีมา ก็จะยังมีฐานะนิติบุคคลของความเป็นมูลนิธิ ที่จะดูแลรักษาให้เงินในกองทุนราษฎรประสงค์ยังคงเป็นของทุกท่านต่อไปภายใต้หลักการเดิม


อนึ่ง การจัดตั้งเป็นมูลนิธิ แม้มีข้อดีเรื่องความมั่นคงจากการได้รับการรับรองตามกฎหมาย แต่ก็ทำให้เกิดความจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายในการจ้างบุคลากรและการจัดการองค์กรรวมถึงสถานที่ ซึ่งเดิมไม่เคยมี รวมทั้งการทำกิจกรรมอื่นของมูลนิธิตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง เแต่เราก็จะไม่นำเงินบริจาคเพื่อการประกันตัวมาใช้ในกิจการอื่นเหล่านี้ เราจะเปิดอีกบัญชีแยกต่างหากสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน หากว่าท่านจะร่วมให้การสนับสนุนต่อไป โดยเราจะจำกัดการใช้จ่ายให้มีเฉพาะที่จำเป็น (และเราสองคนจะยังคงไม่รับค่าตอบแทนเช่นเดิม) เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ทุกท่าน และจะได้รายงานการใช้จ่ายและการดำเนินงานในนามมูลนิธิต่อสาธารณะ ผ่านทางเพจ มูลนิธิสิทธิอิสรา และเว็บไซต์ของมูลนิธิซึ่งจะได้จัดทำขึ้นต่อไป


สำหรับในวันนี้ เราเพียงต้องการมาแจ้งให้ทุกท่านได้ทราและช่วยกันกระจายข่าวถึงบัญชีที่เปลี่ยนไป และให้ทุกท่านได้บอกต่อกันไปด้วยความภูมิใจว่า ด้วยพลังแห่งเจตจำนงที่แสดงผ่านการลงแรงทุกบาททุกสตางค์ในยามยากที่ผ่านมา บัดนี้ทุกท่านได้มีมูลนิธิเพื่อสืบสานและรักษาประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อสิทธิและอิสรภาพของราษฎรแล้ว


ขอแสดงความนับถือ

ชลิตา บัณฑุวงศ์ และไอดา อรุณวงศ์

#กองทุนราษฎรประสงค์ #มูลนิธิสิทธิอิสรา


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์


ภาพที่ 1

ภาพที่ 2

ภาพที่ 3

ภาพที่ 4

ภาพที่ 5